ต่อจากข่าว กองทัพอากาศสหรัฐ ใช้ AI ขับเครื่องบินรบ ซ้อมบินต่อสู้กับ F-16 ที่ขับโดยมนุษย์ได้แล้ว ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Frank Kendall เลขาธิการกองทัพอากาศสหรัฐ (Secretary of the Air Force) ได้ลองไปนั่งเครื่องบินรบรุ่น X-62A VISTA เพื่อสัมผัสระบบ AI ขับเครื่องบินด้วยตัวเอง โดยเขานั่งในที่นั่งนักบินแถวหน้า แล้วปล่อยให้ระบบ AI ที่กองทัพอากาศพัฒนาร่วมกับ DARPA ควบคุมเครื่องบินจำลองการรบแบบต่างๆ ให้ชม ซึ่งตลอดการทดสอบ Kendall กับนักบินสำรองในแถวหลัง นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย
Kendall ให้สัมภาษณ์หลังทดสอบว่า ระบบควบคุมการรบระหว่างเครื่องบินบนท้องฟ้า (air-to-air combat) เป็นสิ่งที่ฝันกันมานานนับทศวรรษ แต่ตอนนี้เกิดขึ้นได้จริงแล้วสักที (ตัว Kendall เป็นอดีตนายทหาร แต่เป็นทหารบก)
Kendall ยังให้สัมภาษณ์กับ AP ว่ามั่นใจในศักยภาพของระบบ AI ควบคุมเครื่องบิน และกองทัพสหรัฐจำเป็นต้องมีระบบเหล่านี้ เพราะการไม่มีระบบแบบนี้เป็นความเสี่ยงทางความมั่นคง (It’s a security risk not to have it) เขายังบอกด้วยว่าแนวทางการใช้ AI ขับเครื่องบินนั้นมีต้นทุนต่ำกว่าเครื่องบินรบแบบดั้งเดิมมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพสหรัฐกำลังประสบปัญหาอยู่กับโครงการ F-35
ตัวเลขที่ Kendall เปิดเผยกับ AP คือกองทัพอากาศต้องการมีเครื่องบินรบไร้คนขับมากกว่า 1,000 ลำ โดยเครื่องบินลำแรกจะเริ่มประจำการในปี 2028
ที่มา - U.S. Air Force , AP
มีคนตกงานจากนักบิน AI
ภาพเครื่องบิน X-62A Vista ขณะเลขาธิการ Kendall นั่งอยู่ในที่นั่งนักบินแถวหน้า
Comments
โอเค อย่าโดนฟ้าผ่าจนสมองรวนเที่ยวบึ้มไปทั่วก็พอ 😆*stealth 2005
จริงครับ 🤣🤣🤣🤣
Not today!
แต่เอาจริงๆมันเสี่ยงนะ การติดอาวุธให้กับหุ่นยนต์ที่คิดเองได้ในระดับนึง
หมดปัญหาเรื่องนักบินไม่พอ รวมถึงประหยัดงบเทรนนักบินไปมหาศาล
ถ้าอีกฝ่าย ใช้ zero day แฮกทีเดียวทั้งหมด นี่ทำเป็นหนังได้เลย
ในมุมหนึ่ง คงกล่าวได้ว่ามี side-effects ต่อประเด็น quantity vs quality ด้วย ถ้าการที่จีนปั้มเรือรบออกมามหาศาล(มากกว่าสหรัฐแล้ว)เป็นเครื่องบ่งชี้อะไรซักอย่าง ก็คงชี้ไปที่หากจีนจะปั้มเครื่องบินออกมาเยอะๆอีกบ้าง เป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ
เอา AI มาบินเยอะๆสามารถใช้เป็นวิธี counter ได้แบบหนึ่ง เอาเครื่องบินไร้คนขับบินนำไป โดนยิงตกก็รับได้ ส่วนเครื่องมีนักบินก็รักษาระยะรอยิงจาก BVR เอา
ผมก็พูดไปงั้นแหละ
มันคือเครื่องบินขับไล่ในยุคที่ 6 ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาในหลายประเทศครับ มีทั้งของอเมริกา ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน ครับ ที่เขาพัฒนาระบบเหล่านี้ขึ้นมาก็เพื่อใช้บังคับโดรน โดยให้เครื่องบินที่มีนักบิน ทำการบินเป็นผู้บังคับฝูง ส่วนที่เหลือก็จะเป็นโดรน ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกถึงกันดั้มรุ่นที่มีโดรนบินรอบตัวเพื่อป้องกันหุ่น อารมณ์ประมาณนั้นนั่นแหล่ะครับ เพียงแต่โดรนพวกนี้จะไม่ได้อยู่ในเครื่อง มันจะขึ้นบินพร้อมกับเครื่องบินที่มีนักบินเลย ทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่ของสหรัฐ จะมีเครื่องปล่อยเครื่องบินถึง 4 ราง เพื่อให้ปล่อยเครื่องขึ้นให้มากที่สุดในแต่ละรอบ (จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง มันมีรุ่นที่ปล่อยโดรนออกจากเครื่องได้ด้วย แต่โครงการหลักโดนล้มไปแล้ว แต่ตัวโดรนยังพัฒนาต่อสำหรับใช้กับเครื่องยุคหน้า แต่พัฒนาเป็นระบบอาวุธนำวิถีที่ควบคุมตัวเอง หรือเปลี่ยนเป้าหมายจากนักบินได้หลังจากปล่อยจากฐานยิงแล้ว)
เรื่องพวกนี้มันซับซ้อน แต่ถ้าเห็นแผนภาพรวมทั้งหมดของกองทัพสหรัฐ ก็จะรู้พอรู้ว่าสิ่งที่กองทัพสหรัฐทำมันจะเชื่อมโยงกันหมดในอนาคคต
การตัดสินใจด้านศีลธรรมจะหายไป แต่การรบคงดีขึ้นเชื้อฟังเต็มร้อย ไม่กลัวใดๆ
ถ้าไม่พัฒนาเครื่องใหม่ AI เฉพาะ คงเอาเครื่องเก่าๆ ที่จอดเต็มไปหมดมาดัดแปลงเป็นฝูงล่อจรวจชั้นดีเลย
... ดูจาก MQ9 ลำละ $30 ล้านนำมารบจริงแล้ว ผมว่าใช้ไปซักพักใหญ่ๆ อิหร่าน กับ รัสเซีย จะหาทางแบบดูเพิ้ยนๆ ประหลาดๆ แต่เอาเครื่องลงพื้นได้ในราคาไม่เกิน $30,000
ถ้าอเมริกาสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินไร้คนขับได้ตามแผนอีกจะเหมือน Carrier ของ Protoss ใน Starcraft เลย
ถ้าทำ killer robot แทนทหารราบได้อีก
อาจสามารถครองโลกง่ายๆ ด้วยการแค่กดปุ่มเหมือนเล่นเกม RTS
แต่อีกฝ่ายเจ็บจริงตายจริง
skynet จะมาปีไหน?
11 กรกฏาคม 2029 skynet สั่งยิงหัวรบนิวเคลียร์
ฝันที่เป็นจริง อีกไม่นานแล้ว !
The Last Wizard Of Century.
ผมเชื่อเองว่าถ้าคนไอทีที่ผ่านหนังยุค 90 ที่ ai ครองโลกคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่เมื่อไรก็ตามถ้าคนฝั่งการเงินมาคุมแทนแล้วเน้นกำไรสูงสุดเมื่อนั้นโลกก็จะบึ้ม
ดูตัวอย่างได้จากตำนาน Boeing
สักวัน มันคงไม่ฉลาด จนควบคุม เองนะ
ยุคเครื่องบินไร้คนขับรบกันมาถึงแน่ๆ แบบนี้การพัฒนาบุคลากรด้านไอทียิ่งกลายเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะกับประเทศมหาอำนาจทางการทหาร
..: เรื่อยไป
Skynet ที่เห็นในหนังก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จริงๆมันมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า รถขับตัวเองอีกนะ เพราะปัจจัยแทรกซ้อนน้อยกว่าบนถนนมาก