ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นการครบรอบ 10 ปี ที่ ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการโทรศัพท์มือถือของโนเกีย ( ประกาศข่าวเดือนกันยายน 2013 , กระบวนการเสร็จสิ้นเดือนเมษายน 2014 ) ถือเป็นหนึ่งในดีลซื้อกิจการที่ล้มเหลวครั้งหนึ่งของวงการเทคโนโลยี เพราะ ไมโครซอฟท์ยอมแพ้ในธุรกิจสมาร์ทโฟนในเวลาเพียง 2 ปีต่อมา และ ขายธุรกิจส่วนฟีเจอร์โฟนต่อให้ HMD Global
เว็บไซต์ The Register มีบทความย้อนอดีตมหากาพย์สมาร์ทโฟนของโนเกียและไมโครซอฟท์ (ที่ล้มเหลวทั้งคู่ มารวมกันก็กลายเป็นล้มเหลวคู่) ใครอยากระลึกความหลังก็ตามไปอ่านกันได้
ดีลการซื้อธุรกิจโทรศัพท์ของโนเกีย ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านซีอีโอของไมโครซอฟท์ เพราะคนตัดสินใจซื้อคือ Steve Ballmer แต่ดีลมาเสร็จในช่วงที่ Satya Nadella ขึ้นมารับตำแหน่งซีอีโอหมาดๆ ซึ่ง Satya เขียนเล่าในหนังสือ Hit Refresh ของเขาว่า เขาคัดค้านการซื้อกิจการครั้งนี้แต่ไม่สำเร็จ
ตัวละครสำคัญอีกคนในดีลนี้คือ Stephen Elop อดีตผู้บริหารของไมโครซอฟท์ที่ย้ายไปเป็น ซีอีโอของโนเกียในปี 2010 , ขายธุรกิจมือถือให้ไมโครซอฟท์ปี 2013 แล้วลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นเขาได้ตำแหน่งเป็น หัวหน้าสายงงานฮาร์ดแวร์ของไมโครซอฟท์ แต่ก็ ลาออกไปในปี 2015 หลังจากนั้นเขาไปอยู่กับ Telstra โอเปอเรเตอร์ของออสเตรเลีย, บริษัทข้อมูลอากาศยาน APiJET, บริษัทซอฟต์แวร์ Digital.ai ตามลำดับ
ที่มา - The Register
Comments
ตำนานจริง ๆ แต่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าทำสำเร็จ โลกที่มีมือถือ 3 OS จะอยู่กันอย่างไร
อยู่กันแบบ 3 ก๊ก :)
ที่จิงมันมี ก๊กที่4 ด้วย Firefox OS เครื่องสีส้มๆ ผมก็เคยได้รับ เล็กๆน่ารักดี แต่runหนักๆไม่ได้ os เป็นwebbase html5
ผมผู้เคยใช้ Lumia 920 มา
มีช่วงที่เพื่อนมือถือพัง เอาไปให้ใช้ฆ่าเวลา...โดนถามว่า ทนใช้ไปได้ไงเนี่ย 555
แต่สำหรับผม มันก็ใช้ได้โอเคนะ
แอพจำเป็นก็ครบ ลื่นใช้ได้ กล้องไม่ขี้เหร่ ระบบเสียงโอเค
เสียแต่ แอพทะยอยเลิกทำไป หลัง M$ ไม่เอาจริง
Steve Ballmer ชื่อนี้พังยับเยินทุกอย่าง
ส่วนตัวผมว่า CEO ปัจจุบันมากกว่า เพราะ WP10 มาล้มตอน CEO ปัจจุบัน
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ถ้าไม่มีคนปัจจุบัน ผมว่าสถานการณ์ไมโครซอฟท์ไม่ฟื้นกลับมาดีแบบนี้หรอกครับเค้าตัดใจ ทำสิ่งที่ไม่ถนัด ยอมตัดทิ้ง ดีกว่าปล่อยให้เรื้อรัง
สถานการณ์ไมโครซอฟท์ตอนนั้นผมว่ายังไปต่อได้ครับ แบบเก็บแค่ OS ไว้ก็ได้โดยเลิกทำมือถือเอง ให้พวกคู่ค้าทำขายต่อ แม้ตอนนั้นมี HP มาด้วย พวก concept พกมือถือเครื่องเดียวต่อจอเชื่อมกับ MS365 Windows 12 on cloud อะไรไปต่อได้ยาว DeX ของซัมซุงยังอยู่ได้เลยครับ แต่ไม่ทำ ทิ้งมือถือ ทิ้ง OS ล่าสุด surface duo ก็ทิ้ง
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
คนปัจจุบันดูจะเลือกทิ้ง H/W ไปหมด งานที่ไม่ถนัดของ Microsoft เท่าไร เหลือ Surface แปลกๆ ไว้หน่อยที่เน้นโชว์ ขายยากๆ ฮ่าๆ มีพวกเมาส์ accessories เล็กๆ น้อยๆ ที่ของดีอยู่ระดับหนึง
ผมเสียดายของในอดีตๆ ทำมาถึงไม่ดีมากแต่มี ecosystem อยู่ พอ WP7 ยกใหม่พังไปหมด
สมัยก่อนมือถือที่ใช้ OS Windows มีขายเยอะแยะ พอทำวินโดส์โฟน 7 ทีเดียว เน่าเลย
Nokia ตายหลายรอบครับ
Symbian OS ก็พา Sony ตายไปด้วย พวก Vivaz Satio แต่ Sony ยังกลับตัวทันตอน x10 (Arc) นะ
ตายแล้วฟื้นมาใหม่เจอ Windows Phone 7 ... เรียบร้อย ยาวๆไป แต่ตอนนั้นคนซื้อเยอะนะ Lumia หน่ะ ขายดีใช้ได้เลย
กรณีของ Nokia พอเข้าใจได้ ที่ล้มเพราะตามโลกไม่ทัน (โทษผู้บริหารได้เต็มๆ)
แต่กับกรณีของ Microsoft ที่ทำ Windows Phone ไม่สำเร็จทั้งๆที่ตัวเองทำ Windows ที่รองรับ HW หลากหลายยี่ห้อให้สำเร็จได้เนี่ย แสดงว่าข้างในต้องแบบดัน x86_64 กันแบบสุดตัวจริงๆมั้ยนะ ถึงได้ทำอะไรกับ Arm แล้วพังตลอด
..: เรื่อยไป
สมัยก่อน ที่เป็น Windows Mobile 6.5 หรือเก่ากว่านั้น ก็ใช้เป็น ARM ขายมานานอยู่นา่จะพอขายได้นะครับ แต่สุดท้ายพอมา 7 8 ก็ล่มไป
Wp เปลี่ยนโครงสร้างระบบบ่อยจน dev ปวดหัวมั้งนะ ตามอีกสองระบบก็ไม่ทัน
จำได้ว่าตอนนั้น WP7 หักดิบ ไม่ backward compatible กับ app wp6 หรือเก่ากว่าเลย
ทำให้ dev โกรธมาก ประกาศเลิกทำ app ให้ WPประมาณว่า
ในเมื่อ MS ทอดทิ้งพวกเรา พวกเราก็จะทอดทิ้ง MS
แล้วหันไปทำ app ให้ android หมดแล้วผลก็อย่างที่เห็น
อ่าฮ้า เริ่มจำได้ข่าวได้ละ ดราม่าระหว่าง dev กับ MS เนี่ย
..: เรื่อยไป
สำหรับผมมองว่า ทั้ง MS และ Nokia ผิดด้วยกันทั้งคู่ ต่างกรรมต่างวาระ แต่จะโทษ MS มากกว่า เพราะบริษัทมีทรัพยากร บุคลากร และ Know-how อยู่กับตัวเองที่พร้อมจะลงทุนและเสี่ยงกับตลาดมือถืออนาคตข้างหน้า
แต่กลับทำอะไรไม่เอาอ่าว ไปไม่สุดสักทาง เอาแต่กั๊ก ปล่อยให้ทุกอย่างพัง ทั้งที่มีโอกาสและเวลาที่จะกอบกู้กลับมาได้ ตอนทำ Microsoft Windows และ XBOX กับทนกันทำขึ้นมาได้ ไม่มีบ่นอะไรเลย แต่ทำไมตัว Windows Phone / Windows 10 Mobile (และรวมกับโครงการอื่นที่พังทลายด้วยมือ MS เอง) ที่ตัวเองลงแรงทำไปกลับไม่เอาอย่างหรือเต็มที่กับมันบ้าง
ถ้าจะซื้อธุรกิจมาฆ่าทิ้งแบบเด็กเล่นขายของแบบนี้ ไม่ต้องซื้อให้เสียตัวค์ผู้ถือหุ่นเลยจะดีกว่ามั้ง ให้คนอื่นที่อยากจะทำให้รุ่งจริงๆ เอาไปทำยังจะดีเสียกว่า เผลอๆ จะยังมีที่ยืนอยู่ในตลาดตอนนี้ด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ตอนนั้น ตกใจม าก นะ
ดับเพราะตัว Microsoft เอง มีเหรอที่นักพัฒนาจะไม่อยากทำแอพลง แต่ดันไปทำให้มันพอร์ทลงยากเอง ต้องมาเขียนใหม่ ใครเขาจะเขียน เป็นผมก็๋ไม่ขยันขนาดนั้นอะ
+1 ทำตัวเองแท้ ๆ แถม CEO ปัจจุบัน ไม่เห็นด้วยกับการซื้อ nokia แถมสั่งยุบ windows 10 mobie อีก แทนที่จะทำมือถือต่อหรือเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบอื่น แต่ไม่ทำ ยุบทิ้ง
ซีอีโอของ Microsoft เผยเสียใจที่ยอมแพ้กับ Windows Phone
วิสัยทัศน์ล้วน ๆ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ถ้าบัลเมอร์ยังอยู่คงจะดันทุรังwindow phoneไปอีกอย่างน้อยสองปีก่อนจะพบว่าส่วนแบ่งตลาดไม่คุ้มที่จะทำต่อแล้ว เสียโอกาสที่จะเป็นผู้นำธุรกิจคลาวด์เพราะมัวแต่โฟกัสมือถือจากนั้นตกขบวนai
บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Microsoft มีทรัพยากรที่พร้อมจะทำหลายอย่างไปพร้อมกันได้ครับ ไม่จำเป็นต้องจำกัดที่อย่างใดอย่างหนึ่งเลย ลองมาดูที่ Apple ที่ยังสามารถ Focus ได้ทั้ง iPhone, iPad และ Mac เลย
อย่างที่ผมบอก ทำตัวเองล้วนๆ จะมาเสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว มีแต่คนจะด่าและสาบส่งไปตลอด
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แอปเปิลทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญอยู่แล้วไม่เหมือนms
กำไรของตลาดมือถืออยู่ที่OSมากกว่าhardwareแต่Androidยึดหัวหาดไปแล้วในระบบเปิด
ผมยังมองไม่ออกว่าถ้าทำต่อแล้วmsจะไปอยู่จุดไหนของตลาดมือถือแล้วมูลค่าเยอะแค่ไหนเป็นไปได้มากสุดก็คงมือถือระบบแอนดรอยด์แค่นั้น
จะครบรอบกี่ พังก็คือพังแล้วโยนทิ้งจบ ฮ่าๆ
ผมขอเห็นต่างกับหลายๆ ท่านนะ ผมว่าการที่ CEO คนปัจจุบันปิดสายการผลิตฮาร์ดแวร์ของเครื่องมือถือเร็ว ถือว่าแก มองเกมส์ขาด มองไปไกลกว่า CEO คนก่อนหน้า เพราะถ้าปล่อยไว้มันจะทำให้ Microsoft ในช่วงนั้นที่กำลังอ่อนแอลงอย่างมาก จะพาลล้มไปด้วย ก่อนหน้านี้วิสัยทัศน์ของ Microsoft จะมองว่าทุกอย่างควรสร้างด้วยตัวเองเป็นระบบปิด มันทำให้เกิดข้อจำกัดในหลายอย่าง ถ้าใครทันช่วงนั้นจะพบว่า Microsoft พบปัญหาในผลิตภัณฑ์จำนวนมาก รวมไปถึงตัว Windows เองก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย จนผู้ใช้สวดกันยับ
แต่ CEO คนปัจจุบันมาจากสาย Cloud ซึ่ง Open กับทุกเทคโนโลยี ที่พร้อมจะทำงานบนระบบ ทำให้ทิศทางในการพัฒนาโดยรวมของ Microsoft เปลี่ยนกลายเป็นยอมรับการทำงานร่วมกับ third party รวมไปถึงการพัฒนารวมกับชุมชน Opensource มากยิ่งขึ้น ทำให้กลไกของวงการไอทีหมุนเร็วขึ้น จากการที่มีนายทุนใหญ่ที่พร้อมจะสนับสนุน และเปิดช่องทางในการพัฒนาร่วมกันมันทำให้วงการไอทีมีการผลักดันเทคโนโลยีใหม่ออกมาเร็วขึ้น และยังทำให้ Microsoft ผ่านวันที่ลำบากตอนนั้นมาได้ เพราะถ้าวันนั้นยังดึงดัน ผลักดันอุปกรณ์ของตัวเอง น่าจะโดน Google และบริษัทอื่นๆ แซงไปแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในวันนั้นยังคงทำให้ Microsoft รักษาตำแหน่งอันดับ 1 ได้ในปัจจุบันไว้ได้ รวมไปถึงยังเป็นคู่แข่งที่สำคัญในเกมส์ AI ที่ในช่วงเวลานั้น Microsoft ยังแทบไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้ ยังสนใจแค่ขาย License เป็นหลัก เอาเป็นว่าถ้า Steve Ballmer ยังอยู่เราคงไม่ได้เห็น OpenAI ทำงานร่วมกับ Microsoft หรือกับโครงการอื่นๆ ด้วยแน่ๆ
+1