ก็เพราะบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ละมั้ง เมื่อไหร่ที่บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว บริษัทก็ไม่ใช่ของผู้ก่อตั้งอีกต่อไป ถึงจะเป็นผู้ก่อตั้งแต่ออกแผนการจ่ายเงินมหาศาลให้ตัวเองมันก็ไม่ดีต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย ถ้าเกิดอนุมัติจำนวนเงินมหาศาลให้ตัวเองได้อีกหน่อยคงมีเหตุการเลียนแบบ เช่นคนระดับสูงพากันออกแผนเอาเงินทั้งหมดของบริษัทให้ตัวเองแล้วผู้ถือหุ้นรายย่อยจะอยู่ยังไง

คุณต้องคิดถึงการเป็นบริษัทมหาชนก่อนครับ คุณไม่ใช่คนที่ออกเงินสร้างบริษัทนี้คนเดียว คุณเอาเงินคนอื่นมาใช้ด้วย ถ้าคุณคิดว่าก็ให้ผู้ถือหุ้นโหวตไปดิแฟร์ๆ แต่มันอาจไม่แฟร์จริงก็ได้ครับ ยิ่งหุ้นมันมีแบบหุ้นไม่มีสิทธิโหวตด้วย สมมติว่าผู้ถือหุ้น 100 บาท แต่หุ้นมีสิทธิ์โหวตมีแค่ 50บาท แสดงว่าคุณ(หรือพวกของคุณรวมกัน)แค่มีหุ้นโหวต 26 บาท คุณก็สามารถปล้นเงินทุน 74 บาทที่คนอื่นมาลงทุนได้แล้ว จะเอาเข้าตัวหรือโกงไปลงทุนที่มี COI ก็ได้ มันถึงต้องมีหน่วยงานมากำกับเพื่อปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อยไงครับ กรณีนี้ อีลอน เป็นผู้ถือหุ้นก้อนใหญ่อยู่ด้วย ยิ่งเป็นเหตุให้สงสัยว่าใช้อำนาจทำให้เกิดผลโหวตให้จ่ายเงินบริษัทเข้าตัวเอง ให้ได้รับผลประโยชน์เหนือผู้ถือหุ้นรายอื่นอย่างไม่เป็นธรรมหรือเปล่าก็ได้

ประเด็นของผมคือความโปร่งใสของแผนการนี้ครับ

ตอน Tesla ออกแผนจ่ายผลตอบแทนนี้ด้วยเงื่อนไขมันแทบเป็นไปไม่ได้นี้ได้รับการอนุมัติและไม่มีหน่วยงานไหนคัดค้านเลย แผนการตอบแทนนี้ไม่ได้เป็นการดีลลับใดๆทั้งสิ้น มันเป็นสาธารณะ

ไม่มีหน่วยงานใดๆบอกว่าให้ไม่ได้ มันเหมือนยอมโดยดุษฎีว่าถ้าสำเร็จก็ให้ไปเลย

แผนงานนี้เป็นการบอกล่วงหน้าและบอกทุกอย่างที่จะทำเป๊ะๆผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้ามาถือหรือซื้อทีหลังต่างรับทราบแผนงานนี้ทั้งนั้น

แต่พอแผนสำเร็จจริงๆ แล้วทำไมไปห้ามเขา ถ้าแผนไม่เป็นธรรม ก็ควรออกหน้าตั้งแต่แรกกัน รวมตัวหรือฟ้องเลย
่ต่อให้ไม่ใช่ Elon ก็ตาม ถ้าบริษัทประกาศผลตอบแทนนาย A ด้วยเงื่อนไข x แล้วไม่มีใครคัดค้านนาย A ก็ทำจนแผน x สำเร็จ
แล้วอยู่ดีๆหน่วยงานนอกบอกว่าไม่ตอบแทนให้นาย A เพราะเยอะไปหลังจากสำเร็จแล้ว

มันก็ไม่ต่างจากหลอกให้นาย A ทำแผน x จนสำเร็จสิครับ เพราะรอให้แผนสำเร็จค่อยมาค้าน