สำนักข่าว The Guardian สัมภาษณ์ Stephen Elop ซีอีโอของโนเกียในประเด็นที่หลาย ๆ คนคงจะกังขาอยู่ว่า ทำไมโนเกียถึงเลือกที่ไม่กระโดดมาเล่นในตลาด Android โดย Elop ได้ตอบคำถามในประเด็นนี้ว่า
ทางบริษัทดีใจในการตัดสินใจในคราวนั้น เพราะว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นทางบอร์ดของบริษัทเองก็กังวลกับการตัดสินใจครั้งนี้อยู่เหมือนกัน เพราะว่าทางบริษัทก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีผู้ผลิตสักรายหนึ่งต้องมาเป็นที่หนึ่งในโลกของ Android อย่างแน่นอน เราสังหรณ์มาแต่ต้นอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเราช้าไปที่เพิ่งมาตัดสินใจ (ระหว่าง Android กับ Windows Phone) อย่างนี้ และหลายบริษัทเองก็แทรกในพื้นที่ว่างของ Android จนเต็มหมดแล้ว
แน่นอน คำทำนายที่ Elop ได้พูดในบอร์ดของโนเกียเมื่อ 2 ปีที่แล้วนั้นถูกต้อง ซัมซุงขึ้นเป็นที่ 1 ในโลกของ Android ซึ่งกลายเป็นเรื่องยากที่โนเกียจะสามารถไต่เต้าไปเป็นที่ 1 แทนที่ได้ ประกอบกับผู้บริหารเครือข่าย AT&T เองก็ต้องการให้มีระบบปฏิบัติการขั้วที่ 3 เพื่อมาต่อรองอำนาจของ iOS และ Android ซึ่ง Elop ก็บอกว่าตอนนี้ทางโนเกียก็เป็นขั้วที่ 3 อย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง
ที่มา: The Guardian ผ่าน Windows Phone Central
Comments
จากอดีตขั้ว 1 กลายเป็นขั้วที่สาม
เป็นที่หนึ่งของ WP นี่พอแล้วเหรอฮะ..
เคยได้ยินไหมครับ คำว่า เป็นหัวหมา ดีกว่า เป็นหางราชสีห์
แต่บังเอิญ เลือก(หมา)ผิดไปหน่อย ตอนนี้เลยต้องถูๆ ไถๆ ไป
จากใจคนซื้อ 720 ใช้งานแค่ 2 วัน เก็บลงกล่อง ใช้ note2 ตัวเดิมต่อไป
ของมันดีนะครับ ถ้าใช้ไม่เป็น ไม่ถูกใจก็อย่าไปว่า
อย่าว่างั้นงี้เลยครับ ... เก็บไว้ก็เสียของส่งมาให้ผมเต๊อะ
#พูดปูทางซะยาว
ใช่แล้ว แต่อีกไม่นาน คงเน่าบูดทั้ง 2 ฝ่าย เพราะ API กากๆ ทั้งของ MS และ Nokia ครับ
โหยยยย โดนอ่ะ +1000
ฝากถึง คุณ อีหรอบ(เดิมๆ) ถ้ามันเสี่ยง กลัวไม่มีที่ยืน ก็ทำไมไม่ยืนมันซะ 2 ฝั่งหล่ะ samsung มี ATIV ทั้ง notebook และ phone แต่ คุณอีหรอบ ทำให้โนเกีย เหลือแต่ MS ที่เชื่องช้าและกั๊ก ระวังนะสักวัน เจอ surface phone อีหรอบ จะยิ่งปวดตับ
กากจริงขอยืนยัน เพราะ API โคตร Strict จริงๆ
ยังไม่พอ MS กับ Nokia รวมตัวเตะถ่วง ทั้งค่ายอื่นและตัวเองครับ
หากแปลย่อหน้านี้จากต้นฉบับทั้งดุ่น คือ
นอกจากนั้น สังหร -> สังหรณ์ ส่วนที่หัวข่าวนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าสามารถตัดคำว่า "ต้อง" ทิ้งได้
แก้แล้วครับ พอดีคำว่า เจ้าของ มันกำกวมครับ ผมจะบอกว่า เป็นเจ้า ของ Android ครับ แก้ไปแล้วครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ส่วนตัวผมว่าไม่ควรแปล respectful ว่า "รู้สึก" แต่ก็คงแปลตรงๆ ว่า เคารพ ไม่ได้ คิดว่าน่าจะแปลเป็น "ต้องยอมรับความเป็นจริง" อาทิ
หมาเหตุ: "(เลือกระหว่าง Android กับ Windows Phone)" แทน that อาจเลือกพูดเป็น "การตัดสินใจนั้น" ก็ได้
นอกจากนั้น "ซึ่งเราเองก็สังหรณ์แบบนี้มาแต่ต้นอยู่แล้ว" ควรจะอยู่ก่อนประโยชคที่ผมแนะนำไป เนื่องจากหากมองต้นฉบับที่เขียนว่า
ตรงข้อความตัวเข้ม ("ซึ่งเราเองก็สังหรณ์แบบนี้มาแต่ต้นอยู่แล้ว") จะไปขยายความข้อความตัวเอียงได้ หากเป็น "เรารู้สึกช้าไปที่เพิ่งมาตัดสินใจอย่างนี้ ซึ่งเราเองก็สังหรณ์แบบนี้มาแต่ต้นอยู่แล้ว" จะกลายเป็นว่า "ซึ่งเราเองก็สังหรณ์แบบนี้มาแต่ต้นอยู่แล้ว" ขยาย "เรารู้สึกช้าไปที่เพิ่งมาตัดสินใจอย่างนี้" ... มันกลับความหมายกันเลยนะ
ป.ล. ที่จริงถ้าไม่ได้แปลคำพูดทั้งดุ้นอาจเขียนแบบที่เป็นอยู่ได้ เพราะเราไม่รู้ข้อความต้นฉบับ แต่เนื่องจากยกคำพูดคนมา มันเลยเหมือนจะมีความหมายเชิงนัยแฝงมาด้วยครับ
ผมตั้งใจว่าไม่แปลทั้งดุ้นมาแต่ต้นแล้วครับ เพราะถ้าแปลทั้งดุ้นผมเองก็แปลไม่ไหวเหมือนกัน (พิมพ์จากมือถืออย่างเดียว)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ยิ่งแก้ยิ่งมึนครับ
ผมว่าอยู่ที่ที่พิมพ์สะดวกอย่างหน้าคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตแล้วเขียนข่าวขึ้นรอบเดียว ดีกว่าเขียนบนมือถือแล้วต้องตามแก้ครับ
ก็แล้วแต่ลูกพี่ครับ
ไม่ต้องอ่านคอมแม้นกัน แต่ละอันมีแต่แก้คำผิด จนความคิดเห็นอื่นๆ อยู่ท้ายสุด
แนะนำให้เขียนข่าวที่ไม่ผิดเลยส่งเข้ามาก่อนใครเพื่อนครับ
ผมว่าเค้าติเพื่อก่อนะครับ เพราะผมก็รู้สึกแบบเค้าเหมือนกันเวลาอ่านข่าวของ Blognone ว่าบางครั้งเจอคอมเม้นเกี่ยวกับพวกนี้เยอะเกินไป จนรู้สึกว่าถ้ามีระบบแยกหรือตั้งปิดไม่ให้แสดงคอมเม้นแก้ข่าวได้ตั้งแต่ต้นก็จะดีไม่น้อย เพราะการกด Toggle ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
ห๊ะ... มีให้กด toggle ด้วยรึ!!!
//แวบไปกดเล่นก่อน...
ติเพื่อก่อไม่มีปัญหาครับ อะไรที่เวิร์คเรารับฟัง อะไรที่ทำได้เลยเราก็ทำให้เลยทันที
คำถามคือปัญหาแบบนี้ในแง่เทคนิค โซลูชันที่คุณนำเสนอแล้วคิดว่าเวิร์คคืออะไร มันมีอยู่จริงหรือไม่ ต้นทุนในการพัฒนาเท่าไร มันมี reality พวกนี้ด้วย ไม่ใช่คิดเฉยๆ แล้วงานมันจะเสร็จครับ
ผมเขียนไว้รอบที่เท่าไรไม่รู้แล้วว่า ถ้ามีคนแก้ปัญหานี้ได้ ส่งแพตช์ที่เวิร์คเข้ามา เราก็ยินดีแก้ให้ทันที
ที่ผมบอกให้ Be1con แก้เพราะ ตอนแรกดูเหมือนเขาจะยกคำพูด Elop ทั้งดุ้น พอตัดตรงที่ Elop ยอมรับว่าตัดสินใจเรื่องเลือก WP หรือ Android ช้าไป เหมือน "บิดเบือน" ข่าวครับ ผมรู้สึกว่าหากไม่มีข้อความดังกล่าวโนเกียจะมีแต่ภาพบวกหมด แต่พอมีคำพูดนั้นจะสื่อด้วยว่าโนเกียก็มีภาพลบเช่นกัน อีกอย่างบางจุดที่ Be1con เขียนก็กำกวมครับ
คือผมว่าน่าจะมีการกรองกันก่อนที่ข่าวจะขึ้น หรืออาจจะมีบอร์ดสำหรับโต้ตอบระหว่างแอดมินกันโดยตรง คือมันทำให้อรรถรส ของการอ่านมันขาดตอน คหสต. คับ
ถ้าไม่อยากอ่านก็กด toggle ได้ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Scroll ลงผ่านๆ ไปง่ายกว่าครับ :P
ลืมใช้ Toggle ให้เป็นประโยชน์เลยเหมือนกัน
เรื่องนี้ถกกันมา Integer.Max ครั้งแล้วครับ ข้อสรุปคือถ้าใครไม่อยากอ่านแก้คำผิด (= ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในชุมชน) ก็กด toggle ปิดไป
คนที่เตือนและให้คำแนะนำเรื่องคำผิดและการเขียนนั้นไม่ได้ทำในบทบาท admin ครับ แต่ทำในฐานะที่เราใช้เว็บนี้ร่วมกัน เป็นเพื่อนกัน ต้องการสร้างสรรค์ชุมชนแห่งนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นร่วมกัน
อย่าคิดมากครับ ผมอ่านข่าว, อ่านแก้คำผิด และ อ่าน comment รวมๆ กัน ได้ความรู้หลายด้านดีครับ
ตอนนี้ นอกเหนือจาก ได้รับรู้ความรู้ข่าวสารวงการ IT แล้ว ความสามารถด้านภาษาไทยผมก็ยังพัฒนาขึ้นเยอะ หลังที่ได้จากอ่านข่าว blognone บ่อยๆ
)
toggle ครับ ปุ่ม(?)วิเศษที่ผู้ใช้เก่าๆ หลายท่านให้ความเห็นว่า "บางทีมันก็มีประโยชน์นะ" (ดราม่าจานบิน, Apple)
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
แต่ผมชอบนะ เพราะคำบางคำ หรือบางประโยคใช้ผิด พอมีคนแก้กันแบบนี้ ทำให้ใช้ถูก
+1 ครับ อ่านข่าวที่ไหนก็ไม่เหมือน blognone ที่นี่เรามีส่วนร่วมกับข่าวได้เสมอ และผู้เขียนทุกท่านก็ยอมรับคำติชมด้วยความสุภาพ การแก้คำผิดไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กน้อยแค่ไหนก็สำคัญสำหรับผู้อ่าน บางครั้งไปอ่านข่าวที่อื่นเห็นคำผิดหรือแม้กระทั่งข่าวผิดแล้วมันคันมืออยากช่วยแก้จริง ๆ อ่าน blognone ไม่ใช่แค่ความรู้ทาง IT แต่ได้ความรู้ทางภาษาเพิ่มด้วย เสน่ห์ของที่นี่ก็คือสิ่งนี้แหละครับ ทำให้ผมเวลาทำงานที่ต้องเขียนจดหมายก็จะต้องตรวจคำผิดหรือใจความทุกครั้ง เพราะเราต้องรับผิดชอบผู้อ่านด้วยครับ
ขอบคุณ blognone จริงๆ
ข่าวนี้เป็นข่าวที่เขียนโดย Contributor กว่าจะได้ขึ้นหน้าแรกคอมเม้นท์จะมีแต่เรื่องแก้คำผิดก็เป็นเรื่องปกติ
onedd.net
เห็นด้วยครับ น่าจะมีระบบคอมเม้นที่โต้ตอบกับผู้เขียนแยกไป หรือคอมเม้นสามารถเลือกแสดงเฉพาะที่ผู้ใช้คอมเม้นอย่างเดียว เพราะบางข่าวมีคนแจ้งให้แก้ไขข่าวเยอะมาก จนต้องอ่านข้ามไปข้ามมาตลอดคอมเม้นของข่าว ไม่ใช่ว่าจะติเรื่องการเขียนข่าว แต่ถ้าการแสดงผลคอมเม้น สามารถเลือกให้แสดงเฉพาะผู้ใช้คอมเม้นจริงๆได้จะดีไม่น้อย การกด Toggle สามารถทำได้ แต่มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
ก็มีแต่คนคิดว่าน่าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้อ่ะครับ แต่ไม่มีคนลงมือทำจริงๆให้เลยนี่สิครับ ปัญหาใหญ่เหมือน Founder เคยบอกว่าถ้าเขียน module มาให้ก็ยินดีรับไปพิจารณานะครับ
+1 ถ้าอยากให้มีก็เขียนส่งมาเลยครับ
เห็นด้วยที่สุดครับ เวลาอ่านข้ามไปมาแล้วมันไม่ต่อเนื่อง ส่วนการกดปุ่ม Toggle ก็ต้องกดทุกครั้งที่เข้ามาอ่านมันไม่ใช่คำตอบสำหรับปัญหานี้
ขอบคุณครับที่โพส สำนวนฝรั่ง คุณอ่านใจผมได้ เลย
ผมกลับชอบอ่านการตินะ จะได้รู้การตีความ เพราะไม่ได้เก่งภาษาเลยต้องเรียนรู้ทุกทาง
มีกรณีเรื่อง nokia+ฉี่รดกางเกง+android ที่คนแปลโพสต์กันในเวบต่างๆกันจนมั่วเพราะตีความกันผิดๆ
เขาเป็นบรรทัดฟฐานของเวปนี้อยู่แล้วคับ
จริงๆ แล้วผมก็รำคาญพอดูนะครับ แต่ยังนึก solution ไม่ออกว่าจะให้ทำยังไง
เพราะบางครั้ง node ของ comment ที่มัน depend ซึ่งกันและกันก็ยังมี comment ที่ไม่ใช่การแก้คำผิดด้วย ถ้าปิดตัวแม่ไป ตัวลูกก็โดนปิดตามไปหมด
กำลังคิดอยู่ว่าถ้ามี checkbox สักอันให้ commentator ทำเครื่องหมายในกรณีที่เป็น comment แก้คำผิด แล้วก็ให้มัน toggle โดย default จะเวิร์คหรือเปล่า
เห็นด้วยครับ
หากสมาชิกท่านใดที่จะเสนอหรือเม้นท์ว่า เป็น commentator ก็ให้มีปุ่มคลิกหรือทำเครื่องหมายว่า แก้คำผิด
รูปแบบการแสดงผล ก็จะเป็นประมาณว่า "คลิกที่นี่ เพื่ออ่าน commentator" ก็ว่าไป
เชียร์ท่านที่ชำนาญ PHP ให้ทำครับ ฮ่าๆ
ถ้าแบบอันนี้เดี๋ยวลองทำเป็นโมดูลดู :)
ใช้แบบว่า comment แรกเป็น default ของการแจ้งแก้ไขดีมั๊ยแล้วมันก็toggle ให้ปิดไว้โดย default ไปด้วย
คนทั่วไปไม่อยากอ่านก็ผ่านไปคนเห็นแล้วอยากแนะก็กด toggle เข้าไปเสนอแนะ
ไม่ต้องใช้ module อะไรมาก (รึเปล่า)
ไม่เชี่ยวเรื่องเวบไม่แน่ใจว่าแก้ตามนี้จะยุ่งยากรึเปล่า
จริงๆ แล้วคุณ mk กับคุณ lew ก็วางแนวทางเอาไว้คล้ายๆ กันนะครับ คือเอาเม้นที่เป็นเม้นแก้ไขตัวแรกเป็น parent แล้วเม้นแก้ไขอื่นๆ ก็ใช้ reply ต่อจากเม้นอันนั้นเอา เวลา toggle จะได้ทำทีเดียวปิดได้หมดเลย
แต่มันมีประเด็นรองคือบางครั้งมีการโต้เถียงกันที่ผมมองว่ามันเป็นความรู้ล้วนๆ ซึ่งถ้าปิดไปก็กลัวเหมือนกันว่าหลายคนจะไม่ได้อ่าน ซึ่งผมว่าใช้ toggle ด้วยตัวเองก็ค่อยข้างดีอยู่แล้ว
ผมชอบที่คุณ lew บอกอย่างนึงคือ "เราต้องเรียนรู้ที่จะไม่คำคาญ" ครับ อ้างอิง
ถ้าตามกติกาตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ครับ แต่ว่าบางครั้งหลายๆ ท่านก็เซฟเข้ามาตอนที่มีคนอื่นคอมเม้นท์ไปแล้วก็เลยไม่เห็นครับ กลายเป็นขึ้นอันที่สองแทน
ส่วน Toggle ให้ปิดเป็น Default นี่ไม่เห็นด้วยครับ ผมว่า Blognone เป็นชุมชนที่มีคนเข้ามามีส่วนร่วมนะ คือเข้าใจว่าบางคนก็ขี้เกียจจะมามีส่วนร่วมในการแก้ไขเนื้อหา แต่ว่าปิดเป็นดีฟอลท์ไปเลยนั่นหมายถึงการแสดงว่าการมีส่วนร่วมนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ
founders อาจจะไ่ม่คิดแบบผมนะ ไม่รู้เหมือนกัน
จะทำจริงๆก็ทำได้ แต่ผมว่าไม่อยากทำมากกว่า จุดขายของแต่ละค่ายก็มีอยู่
อ่านเม้นท์คุณ ต่อเนื่องมาจากเรื่องแก้คำผิดข้างบน นึกว่าคุณพูดถึง Founder เลย ว่า "จะทำจริงๆก็ทำได้ แต่ผมว่าไม่อยากทำมากกว่า จุดขายของแต่ละค่ายก็มีอยู่" มารู้ตัวอีกทีก็ตรงประโยคสุดท้าย ว่าคุณหมายถึงโนเกีย 555
+1 55555
What we were worried about a couple of years ago was the very high risk that one hardware manufacturer could come to dominate Android.
And a couple of years ago, the hardware manufacturer that dominated Android was HTC, not Samsung. You just gave up to fast.
ทำออกมาชิมลางรุ่นนึงก็ยังดี ถ้าทำตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อนป่านนี้อาจจะเป็นเบอร์หนึ่งแทนซัมซุงอยู่ก้ได้
ใช่แล้วครับ เผลอๆ อาจ support ยาวนานกว่า nexus อีกครับ
ถ้าว่า อย่างนั้น nokia น่าจะรีบ พยายามพิสูจน์ ว่า windows phone นั้นดีจริง และ มีอนาคต แน่นอน คนจะได้กล้าซื้อมากกว่านี้ เพราะ ตอนนี้ผมเป็นคนนึงนะที่อยาก ลอง windows phone แต่ เออ มันยั่งรับประกัน เรื่อง อนาคต ทั่ง apps และการรองรับต่างๆๆ ไม่ได้ ก็เลยยั่งไม่กล้าลองเอามาเล่น + ความรู้สึกว่า nokia นั้นตังราคา สูงเกินไป ในหลายรุ่นเลยทำให้น่าจะเป็น องค์ประกอบที่ทำให้เกิดได้ยากด้วย
วิธีเรียกความน่าเชื่อถือ คือ หยุดเตะถ่วงทั้ง 2 ฝ่าย และเร่งวิจัยแข่งกัน ดีกว่าครับ
WP ยังมีที่ยืน ? ผมว่าถ้าทำแต่แรกซัมซุงนั้นแหละจะไม่มีที่ยืน ถ้าหันมาทำ Android ตอนนี้อาจจะมีที่ยืนมากกว่า WP ก็ได้ แค่นึกว่าจับ Lumia 1020 มาลง Android กระเป๋าตังผมก็สั่นแล้ว
ต่อให้โนเกียทำแอนดรอยด์แต่แรก ก็น่าจะเป็นรองชาวบ้านอยู่ดีครับ นิสัยของโนเกียก่อนที่ Microsoft จะเข้ามาบังคับเรื่องฮาร์ดแวร์ คือจะกั๊กนู่นกั๊กนี่ ถ้าเริ่มทำแอนดรอยด์พร้อมกับชาวบ้านโดยยังไม่มีคนมาแก้นิสัยนี้ โนเกียน่าจะแย่กว่าตอนนี้ด้วยซ้ำครับ (รู้สึกตอนนั้นจะเป็นแอนดรอยด์ 2.x มั๊ง)
แต่ถ้าโนเกียไม่มีนิสัยชอบกั๊ก เริ่มทำตอนนั้นอาจจะรุ่งก็ได้
ถ้า Windows Phone แจ้งเกิดสำเร็จนี้ผมนับถือ Nokia จริงๆ เพราะดูจากที่ผ่านมาแล้วเค้าสู้มาก สู้อย่างลำพังด้วย ส่วนเรื่อง Android อยากให้ทำออกมาจริงๆ ถึงไม่ได้ที่ 1 แต่เชื่อว่าได้ยืนอยู่แถวหน้าแน่ๆ
ผมว่ามันแปลกๆ Nokia อยู่ฟินแลนด์ บ้านเดียวกับ Linus หรือ Linux แต่ดันใช้ Windows (ตอนนี้ Linus กลายเป็นอเมริกันชนไปละ)
แต่สำหรับผม ผมคิดว่า Nokia ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีแล้วครับ เพราะ iOS 7, Android 5 ลอก UI ของ WP8 กันถ้วนหน้า แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของ Metro UI ได้เป็นอย่างดี
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ใช่แล้วครับ เพราะ elop คนเดียว ทำให้ symbian พลัง qt ตายหมดครับ
ตอบเอาใจผู้ถือหุ้นล่ะมั้ง บริษัทดีใจในการตัดสินใจที่ผิดขนาดนั้นได้ ล่าสุด S&P ก็ลดเครดิตโนเกียไปอีก
ใครเป็นที่ 1 ในแอนดรอย ไม่เห็นสำคัญเท่ากับบริษัททำกำไรได้ อยู่ที่ 2-3 ก็ทำกำไรได้ ฐานลูกค้าไม่ย้ายด้วย
ใช่แล้วครับ ท่าทาง nokia อยู่ในสถานะกึ่งเจ๊ง คือ พร้อมเจ๊ง แต่ไม่บอกว่าเจ๊งสักทีครับ
ตอนประกาศจับมือกันกับ M$ แล้วพยายามเขี่ยซิมเบี้ยนทิ้ง เมื่อสามปีที่แล้วไม่เห็นพูดแบบนี้แฮะ ?
เพราะตอนนั้น Elop เลือดชาตินิยมอเมริกันมเต็มๆ ครับ
Android, Made in China?
Coder | Designer | Thinker | Blogger
555 android ก็มาจากมะกัน แต่จีนใช้เยอะกว่ามะกันอีก แต่อีกไม่นาน จีนก็ต่อต้าน android และไปใช้ ubuntu phone หรือ kylin แล้วครับ
แต่โนเกียชาติฟินด์แลนด์นะครับ =_=
ดูจากศักยภาพแล้ว ขั้วที่สามมันน่าจะเป็น Firefox OS มากกว่ามั้งตอนนี้ 55 (มุขล้วนๆ)
ถ้าเป็นงั้นจริง อีโลปก็คงแถว่า เราดีใจที่ได้เป็นขั้วที่ 4
ถ้ามีมือถือเสป็คของโนเกียตอนนี้ กล้องกับงานประกอบแบบนี้แต่เป็นแอนดรอยด์ ผมว่ามันจะขายดีกว่านี้มากนะ
ใช่แล้วครับ moto x ไม่ต้องใช้ speed shutter สูงๆ แค่มี OIS ก็เพียงพอครับ
speed สูงๆ กับ การมี OIS มันใช้คนละแบบกันนะครับ
ทำไมไม่ทำ meego ละ
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ระหว่างการมีที่ยืนที่แย่งกันยืนในตลาดที่เต็มไปด้วยผู้ซื้อ
กับการไปยืนอย่างสบาย ในที่วังเวงแบบที่เป็นอยู่
สุดแต่จะเลือกละกันครับ
ทุกวันนี้ อย่าไปเรียกว่ามันเป็น window phone เลยครับ
เรียกว่า nokia phone เถอะครับ เพราะถ้าไม่มีโนเกียทำเต็มที่ขนาดนี้ วันนี้ window phone พับไปแล้ว
ดูไปดูมา เหมือนโนเกีย ถูกใช้ ให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ไม่โครซอฟท์ยังไงก็ไม่รู้
คนที่ต้องดิ้นหนีตายมีแต่โนเกียเพราะเดิมพันด้วยอนาคตบริษัท แต่ไมโครซอฟท์ มันเป็นแค่สินค้าตัวนึงในบริษัทเท่านั้น
ผมไม่คิดว่าไมโครซอฟท์มอง WP เป็นแค่ "สินค้าตัวหนึ่งของไมโครซอฟท์" หรอกครับ และคิดว่าไมโครซอฟท์ก็รู้ตัวดีด้วย ต้องไม่ลืมว่า ไมโครซอฟท์เคยครองตลาดสมาร์ทโฟนมาก่อน อีกทั้งไม่ว่าใครก็รู้ว่าโมบาย OS สำคัญขนาดไหน ผู้ผลิต OS ตัวพ่ออย่าง MS มีเหรอจะไม่รู้ จริงอยู่ว่าสไตล์การออกแบบผลิตภัณฑ์อาจไม่ทันใจเท่า Android แถมยังมีแม่ยกพ่อยกสู้ Apple ไม่ได้ แต่ MS ก็ไม่ทิ้งแน่ๆ ผมคิดว่านี่เป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจของโนเกียตอนนั้น นอกเหนือจากเหตุผลที่ Elop กล่าวมา
ข้อเสียประการเดียวของ WP คือมันมาช้าไป คือออกตัวก็ช้าแล้ว แล้วยังวิ่งตามช้าอีก ต้องรอดูว่าการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่จะส่งผลต่อรอการออกผลิตภัณฑ์แค่ไหนล่ะนะ
ผมบอกเลยนะ ถ้าพี่ทำตัว 920 ที่เป็น android os พี่จะมียอดขายเยอะกว่า 920+925+928 ที่เป็น wp os อีกนะ ไม่เชื่อหรอ ลองดูซิ :P
ใช่แล้วครับ เพราะ android เมื่อไร เหนือกว่า nexus เมื่อนั้นครับ
ทำไมผมเห็นแต่คนใช้แอนดรอยด์แหะ บ้านผมใช้ WP Nokia กันหมดเลยแหะ ผมว่ายังไม่ตายนะ แต่ถล่มกันซะผมคิดว่า เว็บนี้มีแต่คนเล่นแอนดรอยด์นะเนี่ย
ปล.ส่วนตัว ผมอาจเขียนโปรแกรมไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ผมว่า IDE ของ .Net ดีมากเลยนะครับเขียนง่ายดี หรือว่าผมมันเบสิกมากๆ ไม่เหมือนคนเทพๆเค้าเลยมองเห็นแต่รายระเอียดเล็กๆ
เหมือนจะเจอเพื่อน 55
ສະບາຍດີ :)
Visual Studio มันเทพนั่นของจริงครับ และเรื่อง API มันปิดกั้นจนต้องเรียกว่ากากนั่นก็ของจริงเช่นกัน
จริง ๆ เว็บนี้มีชาว Windows Phone สิงรวมตัวกันอยู่เงียบ ๆ ด้วยนะครับ (>_<) เสียงข้างน้อยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว
ใช่แล้วครับ ขนาด browser ยังจำกัดกว่า ios อีกครับ
ผมว่าเข้ามาตอนนี้ยังทันเลยครับ
ก็เป็นคำตอบที่ดีนะ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เปนคำปลอบใจเพื่อไม่ให้หุ้นของตัวเองร่วง เหมือนกลบเกลื่อนกลายๆ เหมือน ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิดน่ะครับ เค้าพยายามเข้าข้างตัวเองมากไปน่ะครับโนเกีย สเปกวินโด้โฟนก็ต่ำต้อยด้อยค่ากว่าแอนดรอยมากมายเลยครับ ยังมีแต่ dual core ทั้งนั้นเรย จอสวยๆ ก็ยังไม่มี เอาง่ายๆ ว่าโนเกียแกเน้นทำแต่กล้องอย่างเดียวอ่ะ น่าจะปิดส่วนมือถือไปซะ แล้วผลิตกล้องขายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ เพราะสเปกโนเกียต่ำสุดๆ ในราคาสองหมื่นกว่าบาท แอนดรอยเค้าไปถึงไหนต่อไหนกัน จอมีตั้งแต่ 3 นิ้ว ไปยัน 6 นิ้ว มีแทบเล็ตจอ 7 นิ้ว ไปยัน 11 นิ้ว ซีพียูมีตั้งแต่ dual cores ไปยัน 8 cores คะแนน antutu น้องๆ cpu โน้ตบุ๊คโน้นเลย เรื่องการ์ดจอไม่ต้องพูดถึงครับ จบข่าว โบกมือลาไปเลยทีเดียว ทุกวันนี้เวลาในเฟซบุ๊คเค้าแชร์ข่าวลือกับโนเกียต่างๆ ผมก็เริ่มเบื่อๆ ละคับ เห็นบอกจะทำแทบเล็ต จะทำจอเล็ก จอใหญ่ ทำนู่น ทำนี่ ไม่เห็นแกทำซักกะอย่างอ่ะ เดินตามห้างต่างๆ ศูนย์โนเกียก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อ่ะ ดูเล็กๆ ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์เมื่อก่อนศูนย์โนเกียใหญ่มากๆ ตอนนี้ไม่รู้เค้าปิด หรือว่าย้ายไปอยู่ชั้นไหน เห็นแต่ช้อปซัมซุงมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ มีเป็นบูธซัมซุงอีก จริงๆ ผมชื่นชมระบบการเชื่อมต่อของโนเกียนะ กล้อง และความทนทานของบอดี้ก็โอเค แต่ปัจจุบันแกเน้นแต่กล้องย่างเดียวอ่ะ ทุกวันนี้เลยเอือมระอากับโนเกียมากๆ อ่ะ เห็นพวกข่าวหลุด ข่าวโคมลอยอะไรเกี่ยวกับโนเกียผมก็มองผ่านไปแล้ว คือจะลืออะไรก็ลือเหอะ จะโม้ไรก็โม้ไป รูปธรรมไม่มีปรากฎให้เห็นกันง่ายๆ สักที ลือนั่น ลือนี่ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรสักอย่าง สมควรที่ค่ายนี้ควรจะยุติตัวเองดีกว่านะ ถึงจะเป็นเบอร์หนึ่ง windows phone แต่กำไรไม่มีเหลือเลี้ยงพนักงานก็เพลียอ่ะ ดูอย่างบีบีสิเค้าก็เป็นที่หนึ่งในแพลตฟอร์มเค้าเหมือนกัน เพราะไม่มีใครผลิตแข่งกับเค้าเลย เป็นที่หนึ่งแล้วไงอ่ะ บีบีที่เด็กเล็กเด็กน้อยเคยใช้กันมากมาย ทุกวันนี้ไม่ได้เกลื่อนกลาดเหมือนเมื่อก่อนนี่ เป็นที่หนึ่งอย่างบีบี กับ โนเกีย ผมว่าสมควรกอดคอกันกลับบ้านเก่าเหอะ สมัยนี้คนที่ปรับตัวเร็วๆ เท่านั้นแหละจะอยู่รอด ถ้าว่าวินโด้โฟนคนนิยมเล่นกันมากๆ นะ ซัมซุง แอลจี เอชทีซี เค้าก็พร้อมจะไปต่ออยู่แล้วล่ะ เผลอๆ มาทีหลังฟังก์ชั่นอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไปอ่ะ เพราะคนที่ปรับประยุกต์เก่งๆ อ่ะ เค้าทำได้อยู่แล้วล่ะ อีกอย่างแอลจีเค้าก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ผลิตออกมาเรื่อยๆ ตลอดๆ น่ะแหละ โนเกียควรจะยอมรับได้แล้วว่าเทคโนโลยีตัวเองล้าหลังเกินไปแล้ว ตัวเองผลิตเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ มาไม่ทันชาวบ้านแล้วแหละ ทำฟอร์มบอกว่าไม่มีที่ให้ยืนถ้าจะทำแอนดรอย ที่ผมเขียนมาทั้งหมดเป็นการคิด และวิเคราะห์ส่วนตัวผมเองนะครับ จากประสบการณ์ที่เคยเห็นบีบีรุ่งมาจนร่วง ก็มาเห็นโนเกียตั้งแต่รุ่งมาจนร่วงเหมือนกัน ใครชอบไม่ชอบ หรือคิดว่าตรงไหนผมพูดผิดแย้งได้นะครับ เพราะเหรียญมีสองด้านเสมอครับ อาจจะเห็นตามผม หรือ ไม่เห็นตามผม ก็สุดแท้แต่ละท่านครับ
iPhone 5 ราคาเท่าไหร่ ได้ซีพียูกี่คอร์ครับ? แล้วได้จอกี่นิ้ว?
ตัวอื่นทำออกมามันก็เหมือน ๆ กันหมดแหละครับมันเลยไม่เป็นข่าวเหมือนกล้อง ใส่บารอมิเตอร์มาแล้วมันจะมีข่าวอะไรได้เด่นกว่าคนอื่นอีก จอสัมผัสแบบเอาอย่างอื่นจิ้มได้นี่ก็มาเจ้าแรก ๆ ชาร์จไร้สายก็ไม่ถึงกับตกขบวน NFC ก็ยังมีให้ จอสวย ๆ ที่ว่าผมไม่เข้าใจความหมายเท่าไหร่แต่อย่างน้อยก็มี clear black มาด้วย
ผลทั้งหมดมันมาจากวินโดว์โฟนด้วยครับ จริงอยู่ว่าถ้าเป็นแอนดรอยด์แล้วมันคงทำเองได้สะดวกกว่า แต่แน่ใจเหรอครับว่าทำแล้วจะรุ่ง เหมือนที่เมนท์ล่างบอก HTC กับ Sony เองก็ทำออกมาดี ระดับที่ควรจะน่าซื้อมาก ๆ แล้ว แต่มันก็เท่านั้นแหละครับ มันไม่มีที่ให้ยืนแล้ว ค่อนข้างจะไม่มีอะไรรับประกันด้วยว่าจะมีที่ให้ยืน อย่างน้อยถ้าทำวินโดว์โฟนมันมีที่ให้ยืนแน่นอนกว่า
+1020
ปัจจุบันนี้ ศูนย์ nokia ในแฟชั่น ย้ายอยู่ที่ชั้น 3 และไม่มีส่วนซ่อมแล้วครับ
เว้นบรรทัดบ้างเถอะครับ ยาวเหยียดเป็นพรืดดดเลย
เห็นด้วยนะครับ
แต่อ่านโคดยากอะ - -
ผมว่าแกคิดถูกครับ ลองมองไปดูที่เจ้าอื่นที่ไม่ใช่ Samsung สิครับ เหมือนเกาะกระแส Android ขายไปกับเขาด้วยเท่านั้นเอง
ให้ Nokia กระโดดเข้ามาในตลาดตอนนี้ ก็ไม่ต่างจาก HTC, Sony หรอกครับ ดูดี รีวิวเยี่ยม แต่ขายไม่ออก
เค้าก็พยายามจะบอกแบบนั้นแหละครับ แต่หลาย ๆ คนไม่ยอมเข้าใจว่าแบบนั้น
+1 ผมก็คิดงี้ มาขาย Android แข่งใช่ว่าจะดี มันก็เสี่ยงเหมือนกัน ดีไม่ดีถ้า Nokia ทำได้ดีอาจจะเจ๊งทั้ง Nokia Samsung ด้วยฆ่ากันเอง HTC ก็เน้นแต่ Android รุ่งที่ไหน เพียงแต่ WP อาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่หวังไว้ตอนแรก แต่ ณ เวลานั้นผมว่าก็ไม่ผิดซะทีเดียวที่ Nokia จะตัดสินใจแบบนั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ประเด็นคือ Samsung การตลาดมันโหดจัดมากกว่าครับเอาทุกทาง ทุกวิธี ทุกเม็ด ทุกตลาด
ทำให้ขายเยอะ กำไรเยอะ เอาเงินไปวิจัยต่อ ทำการตลาดต่อมันก็ทบต้นไปเรื่อยๆ ยากที่ค่ายอื่นจะตามทัน = ='
คนทั่วๆไป คิดอะไรไม่ออกก็ Samsung ไว้ก่อน เพราะมันดัง ติดตลาดไปแล้ว
ข้ออ้างชัดๆ โนเกียมีสัญญาอะไรกับไมโครซอฟว่าห้ามลงแอนดรอยมากกว่า
ตามหลักการตลาดแล้ว มันก็ต้องมีส่งลงแอนดรอย เพื่อลองตลามซักรุ่นสองรุ่นบ้างแหละ นี่อะไรทำวินโดโฟน แล้วก็ไปลองตลาดกับ อัชช่า
แค่ทำแอนดรอยตลาดล่าง สาวกที่อยากได้มือถือตลาดล่างเค้าก็ซื้อกันแล้ว เลิกอ้างเถอะของแค่นี้ใครๆก็รู้
สงสัยจะเป็น ดีล ที่ว่านี้
เอาใจช่วยครับ ถือว่าเป็นทางเลือกที่สาม ยังไง ms ก็ดันช่วยอยู่แล้ว
อยากให้ลองคิดดู บริษัทที่มีอะไรดีๆ ใส่มาในมือถือตัวเองอย่าง HTC (ทั้งระบบเสียง ทั้งกล้อง UP) สภาพในตลาดตอนนี้ก็แค่พอมีตัวเลขมาให้ดูได้แค่นั้นแหละครับ แต่เทียบกับซัมซุงแล้วก็แทบไม่มีที่ยืนอยู่ดี
ถ้าโนเกียโดดมาทำแอนดรอยด์ สภาพของโนเกียก็คงไม่ต่างจาก HTC เท่าไหร่หรอกครับ ผมเข้าใจว่าสิ่งที่โนเกียต้องการคือให้ตัวเองมีที่ยืนในตลาด มากกว่าที่จะไปยืนขายอยู่ในมุมมืดๆ ของตลาดครับ (ผลก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็น โนเกียพอที่สร้างที่ยืนให้ตัวเองได้ แต่ยอดขายก็น้อยกว่าพวกที่ยืนขายอยู่ในมุมมืดๆ)
งานนี้ที่น่าตบที่สุดคือไมโครซอฟท์ ทำท่าสนับสนุน WP8 ซะดิบดี แต่กลับทำออกมาได้ง่อยมากๆ แถมยังพัฒนาฟีเจอร์ช้าอีกต่างหาก
อันที่จริงมันน่าคิดมากกว่านะครับว่าระหว่างการแข่งขันให้เป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มแอนดรอยกับการเข็น wp มาแข่งกับเจ้าอื่น
อันไหนมันยากกว่ากัน หรือจำเป็นด้วยหรอที่ต้องมุ่งไปทางใดทางหนึ่งแบบไม่เหลียวมองตัวเลือกอื่นๆเลย
-ถ้าทำ Android ไม่ต้องงจ่ายค่าระบบปฏิบัติการ กำไรต่อเครื่องก็จะดีกว่า หรือไม่ก็แข่งขันด้านราคาได้มากกว่า
-โนเกียมีทีมดีไซน์ที่โดดเด่นอยู่แล้ว ถึงระบบปฏิบัติการจะเหมือนกัน ผมเชื่อว่าโนเกัยจะสร้างชิ้นงานที่โดดเด่นกว่า HTC ได้เยอะ
-คุณภาพเสียงการสนทนา ยังไม่มีเจ้าไหนสู้โนเกียได้
โนเกียไม่ได้พลาดในเีรื่องของคุณภาพสินค้าเลยแต่ไปพลาดในเรื่องของความด้อยประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการต่างหาก
ที่แน่ ๆ ถ้าโนเกียรอดไปจนถึงวันที่ดีลกับ Microsoft หมดลงเชื่อว่าคงไม่ต่อสัญญา และ WP ที่ไม่มีโนเกีย น่าจะปิดฉากลง
ยังไงก็เชื่อว่าถ้า Nokia ทำ Android จะยังไปได้อีกไกล
ผมเชื่อว่าในแง่ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ Elop ก็ทำถูกแล้วนะครับ คือถ้าไม่เลือกทางนี้โนเกียอาจจะสิ้นชื่อไปแล้วก็ได้
ส่วนผมเองก็แค่อยากได้ Android ที่สร้างโดย Nokia มาใช้เอง ก็บ่นไปเรื่อยๆ ละกันครับ
ที่ผมงงนิดๆ คือทำไมโนเกียต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับ WP ด้วยก็ไม่รู้ครับ ทั้งๆ ที่จะทำทั้ง Android + Meego + WP ก็ทำได้
ตลาด Android นี่ขายได้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ส่วน WP ก็แบบที่เห็นนี่แหละครับ
คือทำถูกนะ แต่ผมมองว่าไม่ถูกทั้งหมด พอเปลี่ยนมุมคิดจาก "การหาจุดยืนในตลาด" ไปเป็น "การทำยังไงก็ได้ให้อยู่รอด" คำตอบมันพลาดเลยนะ
เห็นด้วยเรื่องอยู่รอดมาก่อนจุดยืนในตลาดไปแล้วครับ แต่ทำ Android ก็ใช่ว่าจะกำไรแน่นอนนะครับ ดู HTC กับ Motorola ยังแทบไม่รอด
อีกอย่างนึงก็คือไม่มีอะไรได้ฟรีด้วยครับ ผมว่าถ้าโนเกียจะทำ Android กับ Meego ไปด้วย ก็คงเซ็น สัญญาพันล้านกับ Microsoft พร้อมฟีเจอร์ Exclusive ไม่ได้หรอกครับ และ Lumia คงไม่ดีเท่านี้แน่นอน
ผมว่าถ้า nokia android โฆษณาเท่าที่ทำอยู่กับ lumia ทุกวันนี้ มันจะไปรอดแน่นอน และรอดอย่างงดงามด้วย
ทุกวันนี้ผมว่าคนที่ควักโนเกียออกมาความสง่ามันต่างกับ Samsung เลยนะ
ถ้าไม่ดู geekๆลองของ หลอกตัวเองว่ามันดี ก็ดูเหมือนคนไม่ค่อยประสาเรื่องมือถืออ่ะ ไม่รู้นะ คหสต ส่วนประเภทที่ว่าแฟนพันธ์แท้มาก โนเกียจะใช้ระบบอะไรฉันก็จะใช้แต่โนเกีย ให้ตายสิซาร่า คนแบบนั้น มันจะมีสักกี่คนกัน
<นอกเรื่อง> Lumia 520 โคตรลื่นอ่ะ สำหรับมือถือราคา 5 พันกว่า กล้องก็แจ่ม จอโอเค ซื้อ Android ไม่ได้เท่านี้แน่
ก่อนหน้านี้ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ปีนี้แอนดรอยออกรุ่นใหม่ราคาถูกเยอะเลย ลองไปจับ 5-6พัน บางตัวจอสวยเลยล่ะ อย่าง true beyond ก็จอชัดเป๊ะเลยได้จอใหญ่ด้วย แล้วยังพวก iMobile อีก แต่แบรนด์ยังไม่เทียบเท่า คุณภาพอาจจะไม่เท่าเทียมโนเกีย
คนเชียร์แอนดรอยด์ทั้งหลายน่าจะลืมไปว่า สามปีก่อน โนเกียง่อยมาก และสายออกซิเจน คือเงินสดพันกว่าล้าน จาก MS
โนเกียมีสองทางเลือก
1. ไม่เอาสายออกซิเจน - โดดลงไปฟัดกับ HTC Sony Samsung ในทะเลแอนดรอยด์
2. เอาสายออกซิเจนมา รับทายาทอสูร WP ไปซะ แล้วลืมๆทะเลเลือดไป
สำหรับโนเกียที่ไม่มีวิศวกรทำ Android เป็นซักคน - ต้องเทรนใหม่ หาคนใหม่ หาจุดแข็งใหม่และขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง กับ
- รับเงินจาก MS
- ยืมตัววิศวะจาก MS ได้
ทางเลือกที่สองโอกาสรอดมากว่ามากๆ
อ่านมาทั้งหมดทั้งมวล มาเจอตรงนี้แหละ ที่สนุก และ ชวนคิด 555 ส่วนมากมีแต่คอมเม็นแบบ...เหนื่อยที่จะอ่านจนครบ 55
ສະບາຍດີ :)
ใช่แล้วครับ เพราะ nokia ก่อน elop ใกล้ตายเต็มทีจริงๆ ครับ
เห็นด้วยทุกประการ
โอ๊ะ!! ตัวละครลับปรากฏกาย!!!
+1
เหมือนปีนี้ตัวละครลับเยอะกว่าปกติ หรือผมคิดไปเอง
4 กระทู้ล่าสุดของคุณ house ครับ
กด Like :)
comment สั้นๆ แต่กระจ่างชัดกันเลยทีเดียว
fanboy อย่างผมอ่านแล้วฟิน เออ เห็นภาพสุดๆ ก็น่าจะจริงของเค้า
ถ้าผมไม่กลับมาย้อนอ่าน คงไม่เจอเมนต์นี้นะเนี่ย
คิดต่างได้สุดยอดมากครับ อิ อิ
ผมเชียร์แอนดรอยอยู่นะ
เอาแบบไม่รู้อะไรมากนะครับ เดาบ้าง ข่าวจริงบ้างไม่จริงบ้าง แบบที่พอได้ยินมา
เท่ากับว่า ยอมเพิ่มความเสี่ยงทำโอเอสเดียว เพื่อเงินปีละ 250 ล้าน ผมว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไรครับ
แต่ผมก็เดาอีกด้านที่ทำให้โนเกียตัดสินใจทำอย่างนี้ อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีของโนเกียยังตามหลังซัมซุงและแพงกว่า (คงยากที่จะหาคนมาแข่งต้นทุนกับซัมซุงได้)การแข่งกับซัมซุงจะเสียเปรียบมาก และคงแย่งที่ 1 ไม่ได้ เลยเลือกทางที่เหลือ อาจจะเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง MS ว่าโอเอสจะไม่ด้อยกว่า แล้วถ้าโนเกียได้ความ exclusive ก็เป็นทางออกที่ดี
ที่ว่าโนเกียง่อยมาก ไม่แน่ใจว่าได้จับ มีโก กะ ซิมเบี้ยนคาร์ล่า ยังครับ
ถ้าอยากมีที่ยืนไม่ตามใครจริงๆ ทำไมเขาถึงเลือกทุบหม้อข้าวตัวเองอย่างซิมเบี้ยน และ มีโกซะด้วยละครับ ตลกนะครับ ปากก็ว่า ระบบที่มีใช้อยู่นั้นยังสู้ใครเขาไม่ได้ แต่ระบบที่ตัวเองไปเอามาบอกว่าดี ตอนนั้นยังมีภาษาไม่ครบเลย และถ้าตามอ่านมาแต่ต้น โนเกียก็ไม่ได้มีความพร้อมอะไรในการทำ wp มากไปกว่าแอนดรอยเลยนี่ครับ
ดูยังไงก็เหมือนอีโลปพยายามเคลียร์ทางไปใช้วินโด้วแบบไม่สนใจฟ้าสนใจดินมากกว่า
เอ่อ ... ได้อ่านมั้ยครับว่า MS ให้เงินทุนโนเกียเป็นจำนวนเท่าไร?
อ่านน่ะสิครับ แล้วอ่านด้วยว่า nokia ต้องจ่ายค่าใช้ wp ( royalty payment) ให้ms เป็นเงินเท่าไหร่
ใช้ android ก็ต้องจ่ายให้ Microsoft ครับ
ฮ่า ฮ่า ตอนนั้นมีข่าวว่า MS ทำกำไร royalty จาก Android ได้สูงกว่ายอดขาย WP ด้วยซ้ำ
คุณจะรู้ได้อย่างไรครับว่า meego จะอยู่รอด? กับตอนที่ Nokia กำลังร่อแร่
คุณจะเลือก Android ที่ตอนนั้น ยังมีปัญหาอยู่เยอะ หริอเลือก ได้รับการสนับสนุน และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี กับบริษัท Software อันดับ 1 ของโลก ?
ผมว่าดีแล้วครับที่ Nokia ยุบโครงการ บางอย่างที่อนาคตไม่แน่นอน เอาเงินไปทุ่มกับ เงินวิจัยเพื่อหานวัตกรรมใหม่ๆ ดีกว่า
โนเกียไปกูเกิล กูเกิลก็คงไม่ดูดำดูดีมากนัก เพราะแอนดรอยด์ยืนเองได้แล้ว กูเกิลไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องง้อโนเกีย ส่วน มีโก กับ ซิมเบี้ยน โนเกียต้องดันเองหมด และต้องสู้กับแอนดรอยด์ IOS ด้วยในทางกลับกัน MS เหมือนอยู่กลางทะเลทราย MS ง้อโนเกียมาก โนเกียไม่ช่วย WP ตายแน่ MS มีเงิน มีวิศวะ มีทุกอย่างยกเว้นคนทำมือถือ
สิ่งที่ Nokia ทำต่อมา คือสิ่งที่เรียกว่า "Focus" ต่อให้ตอนนั้นไม่ใช้ WP (เป็น ซิมเบี้ยน หรือ มีโก หรือแอนดรอยด์) โนเกีย ก็ต้องทิ้งโอเอสอื่นๆหมดอยู่ดี โนเกียไม่เหลือเงิน และ คน มากพอจะทำทุกอย่างให้ได้ดี การที่ตัดซิมเบี้ยน/มีโกทิ้งก็แปลว่าเงินในส่วนที่เคยจ่ายให้ทีมพัฒนาตรงนั้นโยกมาลง WP ได้เต็มๆ ถ้าใครจำได้ จะเห็นข่าวโนเกียเอาทีมพัฒนาซิมเบี้ยนออก แล้วก็ขายออฟฟิศตาม ก็แปลตรงๆว่าไม่มีเงินจ้างนั่นแหละ
ถ้าเราสมมุติว่า Nokia ไม่รู้เรื่อง OS อะไรเลย นับแต่เซนต์ดีลว่าจะใช้ WP (March 2011) Nokia ปล่อย Lumia ตัวแรก ใน 13 เดือนถัดมา สมมุติต่อไปอีกว่า โนเกียจะใช้เวลาเท่าๆกัน ในการทำ Lumia on Android
จุดแตกต่างคือ ในขณะที่ Lumia WP ไม่มีคู่แข่งเลย ทุกรายมีความรู้เท่ากัน Start จาก 0 แต่ Lumia on Android จะลำบากกว่ามาก เมื่อ Samsung/HTC และคู่แข่งทุกราย ทำขายมาตั้งแต่ 2009
โนเกียจะมีเวลาแค่ 13 เดือน ทำโทรศัพท์ให้แข่งขันได้ ในโอเอสที่คนอื่นมีประสบการณ์ทำมาแล้ว 4 ปี! และพลาดไม่ได้ ถ้าขายไม่ออกอีกปิดบริษัท
ดีล WP ไม่ใช่ดีลหอมหวานสำหรับโนเกีย มันเป็นดีลที่ "เสี่ยงน้อยที่สุด" ของบริษัทที่ไม่เหลือเงินจะเสี่ยงต่างหากดีลนี้ ฟื้นโนเกียมายิ่งใหญ่ไม่ได้ แต่ไม่ตาย ยังอยู่ได้
ความผิดพลาดของโนเกียคือไม่ทำแอนดรอยด์ในปี 2009-2010 แต่ดีล WP ใน 2011 ผมคิดว่าเขาตัดสินใจถูกต้อง เพราะมันช้าเกินกว่าจะไปวิ่งไล่รถที่ออกไปแล้ว โนเกียต้องเลือกรถคันใหม่ ที่อาจไม่เร็วเท่าของเก่า ไม่ใช่เพ้อฝันว่าจะวิ่งตามรถคันเก่าทัน
ขอบคุณครับ รายละเอียดชัดเจนมาก ช่วงแรก ๆ ข่าวไม่แน่นอนมากโดยเฉพาะยอดเงิน เอาจริง ๆ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเรื่องพันล้าน/หลายพันล้านครับ :D
เขียนเป็นอีกข่าวได้เลยนะเนี่ย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
โห ผมรู้แค่ 1, 2 และ 4 ครับ พิมพ์ให้ข้อมูลยาวขนาดนี้แวะมาบล็อกนันบ่อยๆ นะครับ
อ่านแล้วประเทืองปัญญามากๆ
+1 ผมเสนอให้เขียนบทวิเคราะห์ลงสักรอบครับ (^_^)d
เห็นด้วยครับอยากให้มีบทความ แบบมุมต่างบ้าง ตอนน้ีเห็นแต่กระแสน้ำทางเดียว
ขอบคุณครับ ชัดเจนมาก ถ้าแบบนั้น พอจะเข้าใจเหตุการ์ณทั้งหมด แสดงว่า อีโล้ป เข้าในช่วงเวลาที่ โนเกีย ถังแตกขนาดหนักไปแล้ว ไม่ใช่กำลังจะแตก
แต่เท่าที่อ่านดู ผมสงสัยอีกนิดว่า ระหว่าง เลือกพัฒนา มีโก หรือ ซิมเบี้ยนต่อ โดยที่โนเกียยังควบคุมแนวทางเองได้ กับ เอาวินโด้วมาใชั โดยที่อะไรๆก็ต้องรอ อัพเดท จาก ms แบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกนะครับ
กระจ่างเลยครับ ขอบคุณมาก
ปล. เบื่อพวกแฟนบอยแอนดรอยด์ชะมัด
ปาไป 100 กว่าคอมเมนต์แล้ว ผม เดาตั้งแต่ต้น ว่ามีดราม่าแน่ ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดจริง ๆ ครับ :-P
Coder | Designer | Thinker | Blogger