ใข้คอมแบทหรือจังเกิลปรับดีครับ

เกศียร ... อายจัง -/////-

หัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ว่า "จะไม่ก้าวก่ายการทำงานของนายกรัฐมนตรี" และจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยผบ.ทบ. เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกันในวันพรุ่งนี้

เรื่องลดโฆษณา อยากช่วยแก้ความเข้าใจจังเลยครับ เห็นเข้าใจผิดในเรื่องนี้กันเยอะมากๆ เลยนะครับ ^^"

ช่อง 3 อนาล็อค โฆษณาได้ 12 นาทีต่อชั่วโมง

ทีวีดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ ก็โฆษณาได้ 12 นาทีต่อชั่วโมง เช่นเดียวกัน

ประเด็นเรื่องที่ช่อง 3 อนาล็อค ไม่ย้ายไปดิจิทัลเพราะจะโฆษณาได้น้อยลงนั้น จึงเป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนครับ เพราะช่องประเภทบริการทางธุรกิจ โฆษณาได้เต็มที่เหมือนช่องอนาล็อคเดิมทุกประการ

แต่จะมีอีกกรณีหนึ่งที่อาจทำให้สับสน คือข้อเสนอของ กสทช. ที่ว่า หากช่อง 3 อนาล็อค จะไปออกอากาศทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม "อย่างถูกต้อง" (ทุกวันนี้ออกอากาศบนดาวเทียมและเคเบิลแบบผิดกฏหมาย) มีสองช่องทางคือ 1) ให้หาวิธีทางนำ 3 อนาล็อค ไปออกคู่ขนานกับช่อง 3 ดิจิทัลที่ประมูลมาเสีย เพื่อให้เข้ากฏ Must carry (ตามทีวีดิจิทัล) และจะได้ไปออกอากาศบนแพลตฟอร์มดาวเทียมและเคเบิลได้ 2) ถ้าช่อง 3 ไม่อยากจะออกอากาศคู่ขนานตามแผนธุรกิจที่ชอบอ้างถึง ช่อง 3 อนาล็อคก็จะต้อง จดทะเบียนเป็นทีวีดาวเทียม และจะต้องลดโฆษณาที่ออกอากาศในทีวีดาวเทียมเหลือ "6 นาทีต่อชั่วโมง" เพื่อให้ถูกต้องตามกฏข้อบังคับ และออกอากาศบนทีวีดาวเทียมและเคเบิลได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่อง 3 ไม่ยอมทำแน่ เพราะโดนลดโฆษณาไปครึ่ง) หรือถ้าไม่เลือกสองข้อนี้ ก็ต้อง 3) ออกอากาศที่รับผ่านเสาก้างปลา เสาหนวดกุ้งอย่างเดียวเท่านั้นตามสัมปทาน

ประเด็นคือ ช่อง 3 ไม่ยอมเลือก 1) คู่ขนาน 2) ไม่ยอมจดทะเบียนเป็นทีวีดาวเทียมและลดโฆษณา แต่ ก็ยังดึงดันจะเอาช่อง 3 อนาล็อคขึ้นดาวเทียมและเคเบิลแบบผิดกฏหมายต่อไปพร้อมทั้งโฆษณาที่เท่าเดิม ซึ่งทั้งผิดกฏหมายและเอาเปรียบต่อทั้งภาพรวมในวงการอย่างมาก

และเหตุผลที่ไม่เอาคู่ขนาน มีคนตั้งข้อสังเกตไว้ดังนี้เดิมมองว่า 1) ช่อง 3 อยากได้ 4 ช่อง เพราะจะได้ทำรายการและขายโฆษณาได้ 4 ช่องไปพร้อมกัน (ทั้งๆ ที่ช่องนึงในนั้นไม่มีสิทธิ์ขึ้นดาวเทียมซึ่งเป็นผู้ชมส่วนใหญ่ของประเภท แต่ก็ดึงดันจะเอาขึ้นด้วยวิชามารทุกช่องทาง) และการไม่เลือกคู่ขนานก็เพราะมองว่าจะเป็นการเสียค่าสัมปทาน/ใบอนุญาตซ้ำซ้อน ได้มากี่ช่องก็เอามันให้คุ้มที่สุดแบบพ่อค้าที่ไม่ได้คิดถึงธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ (ช่อง 7 ที่อยู่ในสถานะเดียวกัน กลับทำในสิ่งที่สมควรจะต้องทำ)

ตอนนี้มีข้อสังเกตใหม่คือ 2) ช่อง 3 ต้องการถ่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านไปดิจิทัล ด้วยการให้คนอยู่กับอนาล็อคให้นานที่สุด อาศัยการที่ผู้ชมติดช่องตัวเองมาเป็นข้อได้เปรียบ เพื่อจะยึดฐานรายได้จากโฆษณาจำนวนมหาศาล (ที่หารกันแค่ 6 ช่อง) ไว้ ซึ่งวันๆ นึงก็เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งยื้อวันได้นานเท่าไหร่ ก็ตัวเลขกำไรได้มาเท่านั้น หากปล่อยให้เปลี่ยนผ่านไปดิจิทัลสำเร็จเร็วเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าโอกาสที่รายได้จากโฆษณาจะตกลงไปก็เร็วเท่านั้น (เพราะตัวหารมากถึง 24 ช่อง)

และผลพลอยได้คือ ช่อง 3 จะได้ใช้โอกาสในการถ่วงเวลานี้ เป็นการ "ฆ่า" ช่องดิจิทัลไปในตัวเพื่อลดคู่แข่งในอนาคต โดยเฉพาะช่องที่ไม่ได้มีฐานการเงินที่แข็งแรง เพราะการรันช่องวันๆ นึงใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หากแพลตฟอร์มทีวีดิจิทัลไม่โต โฆษณายังไม่มา ช่องพวกนี้จะล้มหายตายจากไปและจะเป็นประโยชน์ในการลดคู่แข่งตามที่ช่อง 3 ต้องการ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับเหตุผลนี้แล้ว ถือเป็นเรื่องเลือดเย็น อำมหิต ไร้ธรรมาภิบาล ที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น รวมทั้งประชาชนก็ต้องร่วมมือกันขัดขวางกระบวนการเหล่านี้ด้วย

คือเรื่องธุรกิจ มันมีแพ้ มีชนะ มีเจ๊ง มีข้อได้เปรียบของตัว เอามาสกัดคู่แข่งได้ (ช่อง 3 ก็ถือว่าเป็นช่องที่ได้เปรียบมากจากทรัพยากรบุคคลที่ตัวเองมีอยู่ในมือ รวมถึงจำนวนฐานผู้ชมที่แข็งแกร่ง) ถ้าช่อง 3 ลงมาแข่งในแพลตฟอร์มเดียวกัน แล้วจะมีแพ้ มีชนะ ก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่นี้เล่นนอกสนาม ใช้วิธีสกปรก เพื่อจะให้คู่แข่งเจ๊ง แบบนี้คุณว่าควรสนับสนุนให้เกิดขึ้นไหมครับ?

ปล. แต่เรื่องนี้ซับซ้อนและชวนให้เข้าใจสับสนจริงๆ ครับ ผลก็คือชาวบ้านร้านตลาดอาจไม่เข้าใจถึงเหตุผลได้ง่ายๆ และจะเป็นตัวประกันชั้นดีสำหรับช่อง 3 เวลาดาวเทียมจอดำช่อง 3 ขึ้นมา

ผมว่า ผมเห็น ดิจิม่อน นะครับ จากข้อความ"ถ้าเอาช่องสาม อนาล๊อกไปออกขนานกับ ดิจิม่อน"

อ่า ตอนนี้แฟนคลับข่อง 3 บางคนเริ่มดิ้นกันแล้ว

ขอแก้ไขนะครับ คดีคุณประชา มาลีนนท์ ไม่ใช่ประวิทย์ นะครับ