ทีมวิจัยจาก Stanford พัฒนางานวิจัยการใช้แสงเลเซอร์เพื่อตรวจสอบวัตถุที่อยู่หลังผนังทึบแสง โดยอาศัยการปล่อยแสงเลเซอร์ให้ตกกระทบวัตถุและวิเคราะห์แสงที่สะท้อนกลับมายังเซ็นเซอร์
ทว่าการใช้วิธียิงแสงเลเซอร์ไปตกกระทบวัตถุและตรวจจับแสงสะท้อนโดยตรงนั้นเรียกได้ว่าไม่ได้แตกต่างจากเทคโนโลยี LIDAR ที่มีใช้งานอยู่แล้วในปัจจุบัน หากแต่สิ่งที่ทีมวิจัยทำกันนั้นแตกต่างยากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น พวกเขาใช้ฉากกั้นทึบแสงวางกั้นกลางระหว่างเครื่องยิงลำแสงกับวัตถุ จากนั้นก็ยิงลำแสงเลเซอร์ให้ตกสะท้อนผนังอ้อมฉากกั้นไปตกกระทบวัตถุเป้าหมายที่ซ่อนอยู่หลังฉาก
จากนั้นแสงที่ตกกระทบวัตถุที่สะท้อนกระเจิดกระเจิงออกไปในหลายทิศทาง จะสะท้อนกับผนังผืนเดิมกลับมายังบริเวณเครื่องยิงลำแสงเลเซอร์ที่ซึ่งติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงสะท้อนเอาไว้อยู่ด้วย
โดยรวมแล้วหลักการเหมือนจะเรียบง่าย ใช้การยิงคลื่นออกไปและตรวจจับคลื่นที่สะท้อนกลับ อันเป็นแนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาเทคโนโลยีโซนาร์, เรดาร์ และ LIDAR ทว่าความซับซ้อนของการวิเคราะห์แสงเลเซอร์ที่ผ่านการกระทบวัตถุและสะท้อนไม่น้อยกว่า 3 ครั้งกลับมายังเซ็นเซอร์นั้น เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินกว่าการวิเคราะห์ฺคลื่นที่สะท้อนโดยตรงเพียงครั้งเดียวมากนัก
การนำเอาสัญญาณของแสงเลเซอร์ที่เซ็นเซอร์ตรวจจับได้มาพล็อตแบบ 3 มิติ นั้นมิได้ให้ผลออกมาเป็นภาพร่างของวัตถุเป้าหมายโดยตรง ทีมวิจัยต้องอาศัยการคัดกรองสัญญาณรบกวน และนำเอาข้อมูลที่เหลือมาผ่านการแปลง LCT (Light Cone Transform) ซึ่งอิงมาจากรูปทรงเรขากรวยของแนวลำแสงเลเซอร์ที่ออกมาจากเครื่องยิง
ทีมวิจัยหวังว่าจะสามารถต่อยอดงานค้นคว้าและนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายสถานการณ์ ทั้งเพิ่มความสามารถในการตรวจจับวัตถุของระบบรถยนต์ไร้คนขับ, งานสำรวจข้อมูลด้วยอากาศยาน ตลอดจนใช้เพื่อการค้นหาและกู้ภัยในยามเกิดภัยพิบัติต่างๆ
ที่มา - Stanford News
Comments
นึกถึง over the horizon เรดาห์ ที่รัสเซียเป็นคนริเริ่มพัฒนา โดยการยิงคลื่นวิทยุไปให้มันสะท้อนกลับจากบรรยากาศ ชั่น ไอโอโนสเฟีย ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุที่อยู่หลังเส้นขอบฟ้า
นึกถึง over the horizon เรดาห์ ที่รัสเซียเป็นคนริเริ่มพัฒนา โดยการยิงคลื่นวิทยุไปให้มันสะท้อนกลับจากบรรยากาศ ชั่น ไอโอโนสเฟีย ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุที่อยู่หลังเส้นขอบฟ้า
ทำไมต้อง comment สองรอบ
นั่นสิครับ
นั่นสิ ทำไม
ทำไมต้อง comment สองรอบ
นั่นสิครับ
นั่นสิ ทำไม
Real life wall hack
มันเด้งสองรอบเองครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันดูเวลาโพสส่งได้
เขาแซวท่านเฉยๆอ่ะ 555+
คารวะคนแซวทั้งสาม ยอมเสียโควต้าเม้นเลย
สิ่งแรกที่คิดคือเอาไปใช้ทางทหารแน่นอน ไม่รู้มีเทคโนอะไรแนวๆ นี้อยู่แล้วหรือเปล่า
No one can hide from my sight.
อย่างนี้นี่เอง
คลิปประกอบ
มีความเป็นไปได้
ถ้าลองเปลี่ยนลักษณะแสงกับพื้นผิววัตถุนิดหน่อยเป็น
- คุณเข้าไปในห้องมืดที่มีผนังกั้นระหว่างคุณกับวัตถุเป้าหมาย โดยมีกำแพงกระจกผิวฝ้าๆ อยู่ด้านข้าง เหมือนในภาพ- คุณส่องไฟฉายใส่กระจกให้สะท้อนไปส่องวัถุ
- คุณจะเห็นภาพวัตถุในกระจกได้ลางๆ
แต่นั่นมันกระจกไงครับ - -"
พื้นผิววัตถุต่างๆ ก็สะท้อนแสงได้ครับ แต่ทิศที่สะท้อนมันไม่เป็นระเบียบเท่ากระจกแค่นั้นเอง (สะท้อนแบบกระจายเละเทะเลยด้วย)
ที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ก็เพราะมีแสงจากหลอดไฟตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนมาเข้าตาเราไงครับ (Ref: วิชา Physics ม. ปลาย)
ใช่ครับ ผมเลยสงสัยว่าแล้วทำไมถึงเอากระจกมาเทียบ - -"
เพื่อเทียบกับการทดลองข้างต้นน่ะครับ
- ข้อมูลที่ได้จากแสงสะท้อนจะถูกประมวลแล้วได้ผลสรุปเป็นรูปร่างของวัตถุ ซึ่งถ้าจะเทียบกับแสงที่คนมองแล้วเข้าใจได้ก็คงต้องชัดระดับนึง เลยเทียบเป็นกระจก
- แสง laser ที่สะท้อนนั้นไม่ชัดเจน ผมแทนด้วยความฝ้าของกระจก
จึงได้เป็น กระจก + ฝ้า