ธนาคาร BBVA ของสเปน เริ่มทดลองกระบวนการอนุมัติเงินกู้บนเทคโนโลยี blockchain กับลูกค้าจริงแล้ว (ลูกค้าที่ร่วมทดสอบคือ Indra บริษัทด้านระบบไอทีของสเปน)
การทดลองของ BBVA เป็นการให้กู้เงินมูลค่า 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2.9 พันล้านบาท) แก่ลูกค้าองค์กร โดยย้ายกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เจรจาเงื่อนไขจนกระทั่งเซ็นสัญญามาอยู่บน blockchain ผลคือช่วยลดระยะเวลาทั้งหมดจากหลัก "หลายวัน" มาเหลือเพียง "หลายชั่วโมง"
ปกติแล้ว การปล่อยเงินกู้ให้ภาคธุรกิจจำนวนขนาดนี้มีรายละเอียดและความซับซ้อนสูง ต้องเสียเวลาทั้งฝั่งผู้ขอกู้และฝั่งธนาคาร แต่ภายใต้กระบวนการแบบใหม่ของ BBVA กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายต้องมาอัพเดตความคืบหน้าของตัวเองใน blockchain ช่วยให้ระยะเวลาทำงานลดลง และธนาคารสามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน
โซลูชันของ BBVA แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ กระบวนการเจรจาที่เป็นเรื่องภายใน รันอยู่บนเครือข่าย Hyperledger และเมื่อตกลงกันเรียบร้อย เข้าสู่ขั้นการทำธุรกรรม จะรันอยู่บน Ethereum ที่เป็นเครือข่ายสาธารณะ
ที่มา - BBVA , CoinDesk , Coin Telegraph
Comments
เมื่อไหร่จะมาใช้ในไทยเสียที เบื่อพวกธนาคารเหลือเกิน ถือว่าตัวเองมีสิทธิ์อนุสัติเลยวางท่าทาง เพราะชาวบ้านเขากลัวไม่อนุมัติ
เห็นว่ากสิกรทดลองไปนานแล้วนะ ต้องกลับไปขุดข่าวดูครับ
ถ้าเอาตามในข่าว การเอากระบวนการไปอยู่บน Blockchain ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับการอนุมัติ (หรือไม่อนุมัต) ครับ
ตามข่าวคือ Process การให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (ผมทราบของในไทย แต่เชื่อว่าต่างประเทศปกติก็ประมาณนี้) คือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลลูกค้า (RM) เข้าไปพูดคุยตกลงดีลเบื้องต้น จากนั้นจึงเป็นการขอเอกสารจำนวนมาก ทั้งเอกสารเบื้องต้นของบริษัท งบการเงิน ประมาณการทางการเงิน รายละเอียดโปรเจค etc. จากนั้น RM หรือไม่ก็ผู้วิเคราะห์ก็จะเอาข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ + เรียบเรียงทำเป็นเอกสารเสนอขออนุมัติ พออนุมัติแล้วก็ต้องส่งเรื่องไปฝั่งปฏิบัติการเพื่อเซ็นสัญญาต่อ ถ้ามีหลักประกันก็ต้องดำเนินการต่างๆ ทั้งประเมิน จำนอง etc. อีก
ส่วนในข่าวนี่ เมื่อเริ่มเปิดดีลทุกคนในวงจะเห็นข้อมูลความคืบหน้าของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าสามารถเติมข้อมูลส่วนที่ขาดเข้าไปในวงโดยที่แบงก์ก็สามารถเห็นข้อมูลได้ทันที (และอาจจะ Feed ไปคำนวณ Ratio ต่างๆ ต่อเลย) ขั้นตอนการร่างสัญญาก็เริ่มตั้งแต่ยังไม่อนุมัติ ร่างไว้รอเงื่อนไขสำคัญๆ ได้รับอนุมัติแล้วก็อัพเดทในวง ข้อมูลถูก Feed ไปลงในสัญญาพร้อมเซ็นทันที อะไรแบบนี้
ส่วนเรื่องสินเชื่อ ลูกค้าที่เครดิตดีก็มีสิทธิเลือกแบงก์เหมือนกันครับ เพื่อนๆ ผมเวลากู้บ้านยื่นไปที 4-5 แบงก์ แล้วค่อยมาเลือก แต่ละแห่งโทรมาตามมาแย่งให้ไปเป็นลูกค้า ไม่ต่างกันครับ
คือแบบนี้จริงๆแล้วไม่ต้องใช้ Blockchain ก็ได้รึเปล่าครับ ก็ใช้หรือพัฒนาระบบสักอันนึงที่เก็บข้อมูลและคนอื่นเห็นได้เอาจริงๆเลยผมยังงง/ไม่ค่อยเข้าใจกับ Blockchain และการประยุกต์ใช้ เพราะมองว่าถ่าไม่ใช้ Blockchain มันก็ทำได้เหมือนกันนี่
โดยแนวคิดของ Blockchain แล้วผมมองว่ามันมีข้อดีสำคัญๆ สองข้อ (สำหรับใช้ในกรณีนี้) คือ 1. ระบบของทุกคน Update Real Time เสมอ 2. แก้ไขข้อมูลไม่ได้ (หรือได้ก็คือทุกคนเห็นการแก้ไขนั้น)
ที่บอกว่า "พัฒนาระบบสักอันนึงที่เก็บข้อมูลและคนอื่นเห็นได้" ผมอนุมานเป็น Google Drive แบบใช้กันเองภายในละกันครับ ซึ่งจะตอบโจทย์ข้อ 1 แต่อาจจะไม่ตอบข้อ 2 เพราะยังไงเจ้าของ Server (อาจจะเป็นธนาคาร) ก็สามารถแก้ไขข้อมูลได้ทุกเมื่อ ถ้าจะโกงกันจริงๆ ไปแอบแก้วันที่แก้ตัวเลขยังไงก็ได้เพราะข้อมูลเก็บอยู่ที่เดียว ในขณะที่ Blockchain ทำไม่ได้ครับ
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่ากรณีนี้เน้น "โฆษณาให้คนสนใจ" มากกว่าครับ ถูกล่ะว่าการเอามาใช้มันทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพขึ้น แต่ปกติธนาคารก็เปลี่ยนแปลงระบบงานเป็นการภายในเสมอๆ อยู่แล้วครับ ที่เอามาออกข่าวนี่เพราะต้องการพื้นที่ข่าวนั่นแหละ
ขอบคุณครับ ข้อสองทำให้เห็นภาพชัดขึ้นครับ จำได้ลางๆว่าทุกคนตรวจสอบข้อมูลได้หมดและไม่มีใครเป็นเจ้าของข้อมูลทำให้ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลโดยพละการได้
คร่าวๆคือแบบนี้ ผมเข้าใจถูกใช่มั๊ยครับอีกประเด็นนึงคือ แบบนี้เค้าจะกำหนดสิทธิ์การเห็นข้อมูลยังไงรึครับ
อย่างนึงคือทำในเครือข่ายปิด แล้วก็เข้ารหัสข้อมูลไว้ครับ
อย่างอันนี้ถ้าเจ้าของไม่กดให้สิทธิ์ปลายทางก็ไม่สามารถอ่านข้อมูลส่วนนั้นๆ ได้ https://www.blognone.com/node/95247
ได้ยินชื่อ La Liga BBVA มาตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าคือชื่อธนาคาร...
5555 คิดเหมือนผมเลย คุ้นมากๆ BBVA
ของไทยก็มี JFin ครับ บริษัทลูกของ jmart ตั้งเป้าปล่อยกู้รายย่อยโดยใช้ blockchainhttps://www.jfincoin.io/