Linux Mint เป็นดิสโทรลินุกซ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวมันพัฒนาต่อมาจาก Ubuntu อีกทีหนึ่ง แต่ล่าสุดทีมพัฒนา Linux Mint ประกาศ ไม่ใช้ ระบบแพ็กเกจแบบ Snap ที่ Ubuntu พยายามผลักดันแล้ว
เหตุผลของทีมพัฒนา Linux Mint คือแนวคิดแพ็กเกจซอฟต์แวร์แบบ Snap (รวมถึงคู่แข่งอย่าง Flatpak ของฝั่ง Red Hat) เป็นเรื่องดี ปัญหาคือ แนวทางของบริษัท Canonical ที่พยายามผลักดัน Snap มาใช้แทนระบบแพ็กเกจแบบ APT เดิม ตัวอย่างคือ Ubuntu 20.04 ตัวล่าสุด ที่สั่งติดตั้ง Chromium ผ่าน APT จะได้แพ็กเกจเปล่าๆ มา แล้วเป็นการติดตั้ง Chromium ผ่าน Snap แทน (นั่นแปลว่าจะบังคับลง Snapd ในเครื่องด้วย)
Linux Mint บอกว่านโยบายแบบนี้เป็นการบังคับลง Snap โดยผู้ใช้ไม่ยินยอม และเชื่อมต่อเครื่องของเราไปยัง Ubuntu Store โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงไม่สามารถติดตั้งแพ็กเกจจากสโตร์อื่นได้ด้วย ทำให้ Mint ตัดสินใจว่าในเวอร์ชันหน้า (Linux Mint 20) จะห้าม Snap ติดตั้งตัวเองอัตโนมัติ และปรับวิธีการติดตั้ง Chromium ให้เป็นแพ็กเกจปกติเมื่อทำงานผ่าน APT
ที่มา - Linux Mint , ZDNet
Comments
อันนี้ไม่ดีละ
นั่นสิ
..: เรื่อยไป
นับวัน Canonical ยิ่งทำตัว monopoly เองเข้าไปทุกที
+2
Baidu Model
หรือฉันจะได้เปลี่ยน linux distro แล้วหนาไปใช้ Debian ดีไหมเนี่ย
+1
มาใช้ mint สิครับ
WSL2 มันไม่มี Mint อ่ะครัฟ ???
+๒
Pop!OS ก็ดีนะครับ
ถ้าใช้ตัวนี้หมดปัญหา nvidia เลยครับ
เพิ่มเติม ถ้าคุณลง ubuntu จะมี snapd มาให้เลย แล้วถ้า purge snapd ออก มันจะติดตั้งใหม่เองถ้าไปลงอะไรที่ต้องการ snapd (เช่นโครม)