มูลนิธิด้านโอเพนซอร์ส 2 แห่งคือ Linux Foundation และ Open Source Software Security Foundation (OpenSSF) ประกาศแผน 10 ข้อเพื่อยกระดับความปลอดภัยของวงการโอเพนซอร์ส และป้องกันปัญหา supply chain attack ในอนาคต
มาตรการบางข้อที่น่าสนได้แก่ การทำแดชบอร์ดประเมินความเสี่ยงโครงการโอเพนซอร์ส Top 10,000 (ปัจจุบันมีอยู่บ้างแล้วในชื่อ LFX ), ตรวจสอบโค้ดของโครงการ Top 200 อย่างน้อยปีละครั้ง, ส่งเสริมการใช้ลายเซ็นดิจิทัล sign รับรองเมื่อออกซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่, ส่งเสริมการใช้ภาษาใหม่ๆ ที่เป็น memory safety (เช่น Rust, Go, Java) แทนภาษา C/C++ ( รายงานฉบับเต็ม )
ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อจะต้องใช้งบประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ในการจ้างคนมาทำงานในอีก 2 ปีข้างหน้า ตอนนี้มีบริษัทใหญ่ๆ คือ Amazon, Ericsson, Google, Intel, Microsoft, VMWare ช่วยออกเงินมาให้แล้ว 30 ล้านดอลลาร์
ที่มา - OpenSSF
Comments
Ruse → Rust
ส่วนตัวคิดว่า "ใช้ภาษาใหม่ๆ ที่(เป็น) memory-safe (languages)" ไม่ก็ "ที่มี memory safety" อาจจะเข้าใจง่ายกว่า... (จะดีมากถ้ามีลิงค์ไปบทความที่อธิบายนิยามความหมายของคำนี้)
C++ มีกลไกที่ช่วยเรื่อง memory management อยู่ประมาณนึง แต่ด้วยความที่คนใช้ก็สามารถสร้างเองได้ ก็เลยมีคนจำนวนมากที่แบบคิดว่าตัวเองทำได้ดีกว่า default แล้วก็ตกม้าตายทีหลัง
มันต้องเรียนรู้เยอะครับ ต้องรู้ว่า tool ที่ใช้มัน manage ให้อย่างไร, ควรใช้เมื่อไร ไม่พอ
ต้องรู้ว่า complier ที่ใช้มันทำอะไรให้เราบ้างอีกถ้าเป็น Golang ตัด 2 อย่างนี้ไปได้เลย (แต่ควรรู้เรื่อง memory management ไว้สักหน่อย)
แต่ผมชอบนะ c/c++ ได้เรียนรู้อะไรเยอะดี
ถ้าเรื่อง memory safe นี่ ยังไง rust ก็มาวินนะผมว่าถ้าเอาตามในคอมมิวนิตี้เค้าพยายามโปรโมท งาน system เขียนใหม่นี่ ใช้ rust เลยน่าจะเป็นทางออกที่น่าสนใจในการแก้ปัญหาเรื่อง memory management เลย