Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta โพสต์ภาพใน Instagram ชูคุณสมบัติเด่นของ WhatsApp โดยเปรียบเทียบกับบริการส่งข้อความ iMessage ของแอปเปิล
ในโพสต์ เป็นภาพบิลบอร์ดโฆษณา WhatsApp ที่ชูเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Mark เขียนคำอธิบายว่า WhatsApp มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยกว่า iMessage อยู่มาก ทั้งการเข้ารหัส end-to-end ที่ทำงานได้ทั้งบน iPhone และ Android รวมถึงห้องคุยแบบกลุ่ม ผู้ใช้งานยังกำหนดให้ข้อความหายไปได้ในปุ่มเดียว ปีที่แล้วเรายังเพิ่มการแบ็กอัพแบบ end-to-end อีกด้วย ที่ว่ามาทั้งหมดนั้น iMessage ยังไม่มี
ที่มา: MacRumors
Comments
พี่กล้าพูดเรื่อง privacy ด้วยหรอครับ
องค์กรที่ถูกตั้งคำถามเรื่อง privacy มากสุด
หากินกับการล่วงล้ำ privacy มากสุด
มาพูดว่าของตัวเองมี privacy มากสุดนี่ไม่เขินจริงๆหรอ
อุ๊ย พูดถึง Meta หรือ องค์กรอะไรครับ
มาร์คโกหกหน้าตาย
ถ้า iMessage ไม่ได้เข้ารหัส end-to-end แบบ WhatAppเขาก็ไม่ได้พูดเกินจริงครับ
พอเป็น facebook ละผมเริ่มไม่แน่ใจคำว่า end แล้วล่ะครับ อาจจะมี end ฝั่งนึงที่เป็น facebook ^^'
เอาตามหลักการมันก็น่าจะ implement คล้าย end-to-end message อื่นๆ น่ะครับhttps://www.gstatic.com/messages/papers/messages_e2ee.pdf
เริ่มเลอะเทอะ ดีกว่าคนอื่นหน่อยก็โจมตี แต่ตัวเองแย่สุดในบรรดาทั้งหมด ยิ่งพูดยิ่งดูแย่
รู้สึกแปลกๆ แฮะ ทำไมเรารู้ว่าเค้าพูดจริงแต่กลับไม่น่าเชื่อถือซักนิด
ไม่ต้องพูดดดดด
ตัว Message น่ะเข้ารหัสนะ แต่สิ่งอื่นๆ รอบข้างก็เชื่อว่า มันก็เอาข้อมูลมาใช้งานได้อยู่ดี
มันต้องบอกว่า "เรา" จะไม่ใช้ข้อมูลใดๆบน app มาใช้ภายในบริษัท
end-to-(meta)-end พี่ก็กล้าพูดนะ
ไม่ได้ใช้ทั้งคู่แหละ
ปลอดภัยจริงก็ดี แต่วันก่อนคุยกับเพื่อนเรื่องตัวต่อ lego หลังจากนั้น 2 วัน โฆษณาขึ้นใน FB เลย ทั้งที่ไม่เคยค้นหาหรือดูฟัดบน fb หรือ google youtube ใดๆ เลยดักฟังแน่นอน
ลองปิด Mic ใน FB กับ messenger app ดู
พูดยากอยู่นะครับ คุณไม่ค้นเพื่อนคุณอาจจะค้นก็ได้ หรือคุณกับเพื่อนคุณอาจจะไปเกี่ยงข้องกับ Lego ที่ไหนมาก่อนก็ได้ (ไม่ว่าจะโลกจริงหรือโลกในเน็ต อาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้) หรือลองนึกย้อนดูว่าทำไมคุณกับเพื่อนถึงเริ่มคุยเรื่อง Lego กันก็อาจจะเจออะไรบางอย่างก็ได้ครับ
หรือต่อให้ไม่เจออะไรเลย มันก็อาจจะสุ่มยิง Ads มาให้คุณก็ได้ครับ (จริงๆก็ไม่ได้สุ่มซะทีเดียวหรอก มันก็อิงมาคนที่มีจุดร่วมกับเรานั่นแหละ) บางทีมันอาจจะโผล่มาก่อนหน้านี้แล้วก็ได้ แต่คุณไม่ทันสังเกตจนกระทั่งคุณกับเพื่อนคุยกันก็เป็นได้
ผมก็ไม่รู้ว่ามันใช้เทคนิคไหน แต่ผมคิดว่ามันมีเทคนิคอื่นๆที่ง่ายกว่าดักฟังเยอะครับ และเรื่องดักฟังเอง... ผมเปิดทุก Permission อนุญาตให้ติดตามทุกอย่าง ลองตะโกนชื่อสินค้าหรือชื่อแบรนด์แบบสุ่มๆที่ไม่เกี่ยวกับเราไปเรื่อยๆ ก็ไม่เคยเห็นมี Ads ขึ้นมาเลยครับ
ปล. ไม่กี่วันมานี้ ผมก็เห็นโฆษณา Lego เหมือนกันครับ ทั้งๆที่ไม่ได้เคยแม้แต่จะสนใจหรือคุยกับใครเลย
อันนี้ ส่วนตัวเมื่อสามวันก่อน พาแฟนไปตัดผม ที่ร้านตัดผม มีเครื่องเล่นแผ่น vinyls แล้วไม่เคยเห็นมาก่อน เลยบอกพี่เจ้าของร้านว่า อยากลองฟังจังเลยครับพี่เค้า เปิดให้ พอกลับมาบ้านเท่านั้นเหละ ads ร้านขายแผ่นมาเต็มเลยครับ
เจ้าของร้านหรือลูกค้าที่เคยไปร้านนั้นอาจจะเคยค้นหรือให้ความสนใจกับหัวข้อนี้ และพอระบบเห็นว่าคุณไปร้านนั้นก็เลยพยายามยิง Ads ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้มาให้ก็ได้ครับ
อันนี้คือผมแค่บอกว่ามันเป็นไปได้ที่จะยิง Ads มาให้คุณโดยไม่จำเป็นต้องดักฟังนะครับ ไม่ได้ฟันธงว่ามันใช้เทคนิคไหนกันแน่
คิดมากครับของผม คนงานเปิดเลื่อยยนต์ตัดแต่งกิ่งพุ่มไม้ใกล้ห้องทำงาน
โฆษณาเลื่อยยนต์ เครื่องแต่งกิ่ง เครื่องตัดหญ้ามาเต็มฟีดเลยครับ
คิดมากๆ
ผมก็ไม่แน่ใจว่า track ยังไง
แต่ถ้าผมเป็น facebook ก็คง track โดยใช้ script ปุ่ม share/like นั้นล่ะ
แค่เข้าเว็บ lego ที่มีปุ่ม share/like แล้วไปเข้า facebook เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าจะยิง ad อะไรให้
จะว่าไป blognone ไม่มี user cookie consent management ด้วยอาจจะมีใครอุตหริไปฟ้อง EU ก็ได้นะ
เทคนิคสมัยนี้มันไม่ใช่แค่ Track พฤติกรรมบนโลกออนไลน์ของเราแค่อย่างเดียวครับ ทั้งพฤติกรรมในโลกจริง (เช่น เราไปที่ไหนมาบ้าง) ข้อมูลพื้นฐานของเรา (เพศ อายุ งาน ความสนใจต่างๆ) รวมไปถึงสังคมที่คุณอยู่และข้อมูลของพวกเขา (ครอบครัว เพื่อน หรือแม้กระทั่งคนที่คุณไม่รู้จักแต่มีจุดร่วมกับคุณ) ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันและเอามาวิเคราะห์ได้ครับ
สมัยนี้การ Track เราโดยตรงทำได้ยากขึ้น อีกทั้งผู้ใช้ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวและไม่ยอมให้ Track มากขึ้น ระบบก็เลยจำเป็นต้องวิเคราะห์จากจุดเชื่อมโยงเล็กๆน้อยๆที่ไม่เกี่ยวกับเราโดยตรงแทน เราก็เลยเห็น Ads ที่ไม่ได้เกี่ยวกับพฤติกรรมในโลกออนไลน์ของเราโดยตรงมากขึ้นครับ แน่นอนว่าส่วนมากจะวืดและถูกลืมไป แต่ถ้าอันไหนตรงเราก็จะจำขึ้นใจไปเลย
fb ไม่จำเป็นต้องใช้ script share/like ก็ track เราได้ครับ มัน track จากฝั่ง server โดยเจ้าของเว็ปเป็นคนส่งให้ fb เองเพื่ออยากดู report ของ fb ส่วน fb ก็ได้ประโยชน์โดยการเอาข้อมูลไปยิง ads อีกที
ใช้ไอแพด เปิดทักอย่าง ตระโกน ให้ฟัง เผื่อมันจะขึ้นมาบ้าง ก็ไม่เห็นจะมีโผ่ลมาเลย ทำไมไม่เยอปบบคนอื่น
ของผมไปหาของในชอบปี้ สักพักโฆษณาสินค้าชอปปี้ขึ้นบนฟีดเฟสบุ๊ค
พวกนี้ขาย keyword ขาย analytics data ให้กันไปมาครับ
ผมไม่เคยเปิด permission Microphone ให้แอพ Google ผมไม่เคยมีปัญหาที่คุณว่าเลย แต่คนรอบข้างมีปัญหานี้กันเยอะมาก
Whatsapp เพิ่งติดอันดับแอพที่เก็บข้อมูล usersนี่
เหมือนลุงบอกว่าเป็นคนดีย์
ไอแมส นี้ พ ผสมกับ sms ชอบส่งอะไรแปลกๆ มาเยอะจริง
Google ดัน RCS แทบตาย ตอนนี้คงกำหมัดแล้ววว
จ้ะพี่ Mark WhatsApp ของพี่นี่ติดอันดับ Top 5 เลยจ้ะ รายงานเผย Facebook และ Instagram เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุดในบรรดาแอปโซเชียล
แล้วแอพบริษัทพี่ใน Top 5 ก็ไปแล้ว 3 ตัว
ตามาร์กนี่ นอกจากความสำเร็จของ "Facebook" แล้วมีอะไรอีกมั้งมั้ย?
The Dream hacker..
ความมั่นหน้าต้องให้เค้าจริง ๆ 10/10 ครั้งที่แล้วก็ว่า VR ของแอปเปิ้ลที่ยังไม่ออกมีแต่ข่าวลือ @_@
แต่ตั้งแต่ที่ผมดูคลิปนี้ Meta Quest Pro’s Passthrough mode
อืม Quest Pro เท่าไรนะ 6หมื่น อืม เอาไตไปเลยครับพี่ครับ ของเค้าดูดีจริง ๆ แหละ ว่าไม่ได้
เพิ่งเห็นดูดีจริงอันนี้
Telegram ดีกว่า
ดีแค่ไหนก็เกิดในไทยไม่ได้หรอกครับ
ตอน FB ยังไม่ซื้อก็มีความน่าเชื่อถือนะ
พอ FB ซื้อมาปุ๊บนี่ ความน่าเชื่อถือก็ลดลง