Financial Times รายงานข่าวว่า Tim Cook สั่งเดินหน้าโครงการแว่น mixed reality เต็มตัว โดยตั้งเป้าเปิดตัวและวางขายภายในปี 2023 แม้มีเสียงคัดค้านจากคนในบริษัทว่ายังไม่พร้อมก็ตาม
แอปเปิลในยุคของ Tim Cook ต้องเจอกับแรงกดดันให้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บ้าง เพราะสินค้ายอดนิยมในปัจจุบันอย่าง iPhone, iPad, Apple Watch เกิดขึ้นจากไอเดียของ Steve Jobs
โครงการแว่น MR เองก็ใช้เวลาพัฒนามาตั้งแต่ปี 2016 หรือนาน 7 ปีแล้ว (สองเท่าของโครงการ iPhone) และทีมพัฒนาก็ขอเลื่อนมาเรื่อยๆ ทุกปี ตอนแรกฝ่ายหนึ่งในแอปเปิลต้องการออกแว่น "เวอร์ชันหนึ่ง" ที่มีขนาดใหญ่เหมือนหน้ากากสกีออกสู่ตลาดให้ได้ก่อน แต่ทีมออกแบบฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลต้องการรอจนถึงวันที่แว่น AR น้ำหนักเบาเป็นไปได้จริง ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกหลายปี
ตามข่าวบอกว่า Tim Cook โน้มเอียงมาทางทีมปฏิบัติการที่นำโดย Jeff Williams COO ของบริษัท สั่งให้ออกสินค้าภายในปีนี้ โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากทีมออกแบบ
คาดกันว่าแว่น MR ของแอปเปิลจะตั้งราคา 3,000 ดอลลาร์ และมีเป้ายอดขายปีแรกเพียง 1 ล้านชุดเท่านั้น
ที่มา - Financial Times
ภาพจาก Apple
Comments
ทุกวันนี้ใช้สินค้า Apple ยุคป้าทิม มีความสุขกว่าสินค้ายุคเฮียสตีฟมากสินค้ามีความรอบคอบ ลงตัว โดยเฉพาะ Apple M Chip Series
ทำไมเรียกว่าป้านะครับ?
ด้วยความเคารพ ผมกลับรู้สึก ว่าสินค้า apple พัฒนาแบบไร้ทิศทาง กลับไปกลับมา ยกตัวอย่างเช่น กล้องหลัง iPhone 14 ปูดใหญ่เวอร์, iPad 10 ใช้ pencil 1, MacBook Pro กลับมาใช้ function keys และ macsafe, iPad Pro ใช่ ๊ USBC ไม่เหมือนเพื่อน ทุกอย่างดูวุ่นวายสำหรับผู้ใช้งาน และ นักพัฒนา
แต่ยอมรับว่า chip M series เขาดีจริงครับ
เห็นตรงกันเลยครับ แต่ผมไม่ได้ซื้อสินค้า Apple ใช้ (แค่มี MBP ที่บริษัทให้ใช้) ก็เลยพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ คนที่ใช้เขาอาจจะชอบมากกว่าก็ได้
ผมก็รู้สึกหลายอย่างมันตอบโจทย์ได้ไม่ดีพอจึงต้องแก้กลับไปมา สินค้าต่างๆไม่ไปในทิศทางเดียวกัน จนผมรู้สึกคำพูดของ Apple ที่ว่า "ทำเพื่อผู้ใช้" (หรือเพื่ออื่นๆ) มันยากที่จะเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆไปแล้ว
ก็นะ ถึงตอนนี้หลายๆอย่างจะพอกลับมาดีก็เถอะ แต่ด้วยระหว่างทางที่เป็นแบบนั้น ผมก็เลยไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ที่ใช้คำว่ารอบคอบ
ผมมองว่าที่มันกลับไปกลับมาเพราะทิมที่มาสืบทอดจ็อบส์
พยายามปรับโปรดักส์สินค้าตามfeedbackที่ได้รับมา
ซึ่งต่างจากจ็อบส์ที่ทำโปรดักส์ตามอีโก้ตัวเองโดยไม่ฟังใคร
มันเลยมีการปรับไปปรับมาอยู่บ่อยครั้งเพื่อหาจุดลงตัว
อย่างดีไซ์กล้องปูดนี่ผมก็มองว่าทิมเค้าให้ทีมดีไซน์มีอิสระในการออกแบบ
ทำงานกันง่ายขึ้นไม่ต้องมาจำกัดโน้นนี่นั่น
ให้มันแคบหรือเล็กเหมือนสมัยจ็อบส์ยังอยู่
ซึ่งผมจำได้ว่าจ็อบส์บอกเองว่าเค้าจะไม่ทำมือถือเครื่องใหญ่ๆออกมาด้วยซ้ำ
ในขณะที่ผมมองว่าเรื่องแบบนี้มันควรจะมีความยืดหยุ่น
ทำออกมาหลายๆรุ่นให้ผู้ใช้ตัดสินใจเลือกเองมากกว่า
ส่วนไลท์นิ่งนี่ผมว่ามันควรจะไม่ได้ไปต่อละ
ควรเป็นUSBCให้หมดได้แล้ว ช่วงหลังสินค้าก็มีช่องusbcออกมาเยอะขึ้นก็ถูกแล้ว
+1
ยกเว้นเรื่อง chip M Series กับ airpods ที่ดีจริง
ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ipad 3 เป็นต้นมา
เริ่มตั้งแต่ชื่อผลิตภัณฑ์ (มาเปลี่ยน ipad 3 เป็น the new ipad ก็คือยุคทิม)
ไอโฟนพลาสติก ก็ล้มไปแล้ว
หรือ macbook pro รุ่น 2016 เน้นทั้งบาง ตัด magsafe คีย์บอร์ดผีเสื้อ
และอีกสารพัดปัญหา จนคะแนนรีวิว ปกติ macbook เคยได้ 4-5 ดาว
ตกมาเหลือ 3-4 ดาว ไม่นับที่ตามด่ากันเรื่องแบต ความร้อน touch bar
จนสุดท้าย ทั้ง iphone macbook
แทบจะกลับไปงานออกแบบสมัยจ็อบยังอยู่เกือบหมดละ
คือถ้าบุญเก่าไม่สะสมไว้เยอะจริง ทำแบบแนี้ไม่ได้นะ
โดนแบนไหมนะ ไปเรียกเค้าแบบนั้น เค้าอนุญาตหรือยังนะ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เตรียมบินได้เลย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
คุ้มนะบินฟรี เสียแค่โควต้าโพสคำตอบเดียว
รอพร้อมสอย
สินค้า Beta น่ะหรอ
คิดว่า VR ยังถือเป็นคนกลุ่มน้อย ในแง่การตลาดผมว่ายังเร็วไปการมองและการจับปลอมๆ ไม่น่าเติมเต็มความต้องการได้
ให้มันจบๆ ไป ให้ผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสิน ปล่อยไว้ก็ทุนจมหมด ถ้าแป๊กก็จะได้มีเหตุผลในการล้มโครงการ ถ้าปังก็จะได้ลงทุนเพิ่มอย่างมั่นใจ ผมว่า Tim Cook คิดประมาณนี้นะ
เงินเหลือ เอามาถลุงเล่นคงไม่ระคายหรอก ถ้าปังก็ทำต่อ ไม่ปังก็พับ
ทำไมผมรู้สึกว่ามันจะไม่ปัง และเข้าถึงได้ยาก เหมือน apple watch เวอร์ชั่นแรกเห็นด้วยกับบางคอมเมนท์ที่บอกยุค ทิมคุก สินค้าดูขาดๆ กั๊กๆไม่ครบ กว่าจะครบก็ลากมาหลายเวอร์ชั่น เช่น ipad pro 2018, macbook m1 2021 ส่วนตัว iphone ผมว่ามันขาดทั้งงานดีไซน์ และความน่าใช้อยู่เยอะ เช่นตัดสแกนนิ้ว เพิ่มติ่ง, กั๊ก usb-c, กล้องปูดและใหญ่โตสุดๆ, เมาส์แมคที่ไม่พัฒนาไปไหนเลยนอกจากสีและราคา
เปิดตัวไปก่อน อีก 2 ปีค่อยขายก็ได้
ระดับแอปเปิ้ล ออกของมา ลูกค้าเพียบ พอลูกค้าเยอะ แอปซัพพอร์ตก็เยอะตาม มันต้องมีซักอันที่เป็นคิลเลอร์แอปได้ แอปเปิ้ลก็โตมาได้เพราะแบบนี้ ออกมาแล้วเฟลก็มีให้เห็นเป็นประจำ เช่น แอปเปิ้ลIII ลิซ่า นิวตั้น คิวบ์ เชื่อว่าแอปเปิ้ลจะมีคุณภาพบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร และจะทำให้เห็นสิ่งที่โลก vr ควรจะเป็นรางๆ ถ้ามันติดตลาดทุกคนก็จะมาทำตาม ถ้ามันไม่ติดก็ค่อยว่ากันรุ่นต่อไป
ออกมาแล้ว ยังไงก็ขายได็อยุ่แล้ว ไม่ต้องกลัวหรอก อาจจะขายได้ไม่เยอะ แต่ถ้าเป็นบริษัทอื่นก็อาจจะลำบาก
AirPower ยังเปิดตัวก่อนเลยแล้วก็หายไป
จากที่ผ่าน ๆ มาอะไรที่ทีมออกแบบไม่พร้อม แล้วฝ่ายบริหารบอกให้ออกมาเลย ส่วนใหญ่จบไม่สวยสักรายแต่นี้แอปเปิ้ล ต้องรอดู
มีแววล่มสูงด้วยราคา แถมเร่งให้ออกแบบนี้ด้วย ที่อยากรู้ว่าจะเอาอะไรมาแข่ง
แว่น MR ที่ดีสุดตอนนี้ที่ราคาไม่แรงเกินไปก็ Meta Quest Pro
แว่นที่คุ้มราคาสุดตอนนี้ PS VR2 แต่ใช้งานด้าน productivity ไม่ได้
ส่วนแว่นที่เน้นขนาดเล็กก็มี HTC Vive XR Elite กับ Bigscreen Beyond
แว่นสายทำงาน VR/MR ตอนนี้ก็มี Varjo XR3 ที่มีจอความละเอียดสูงที่สุด แต่ราคาก็แรงตามคือ $6500
เท่าที่ดูการตั้งราคาของ Apple เหมือนจะเน้นไปที่สายใช้ทำงานมากกกว่าความบันเทิง ยอดขาย 1 ล้านชุดดูจะเป็นไปได้ยาก
MR ราคา 3000 ดอลล่า
1 ล้านชุด ไม่น่าใช้คำว่า "เพียง" เลยนะครับ 55555
ถ้าถึงเป้าจริงต้องยอมรับว่าคงมีอะไรดีๆ
แว่น MR อันละแสนบาท ถ้าไม่ใช่คนทำงานสายนี้กับรวยมากๆเงินเหลือ ใครจะมาซื้อ กับเป้าหมายลูกค้าทั่วโลกจะถึง 1 ล้านคนจริงๆมั้ยนึกไม่ออกเลยว่ามันจะปังยังไงครับ
มองเล่นๆได้ 2 มุม
..: เรื่อยไป