Starfield เกม RPG เรือธงจาก Bethesda Softworks จากผู้สร้าง Skyrim และ Fallout ที่เป็นหนึ่งเกมที่น่าจับตามองที่สุดของปีนี้มีคะแนนรีวิวออกมาแล้ว โดยสามารถทำคะแนนรวมใน Opencritic ได้ 88/100 ส่วนใน Metacritic ได้ 87/100
คะแนนรีวิวจากสื่อใหญ่หลายแห่งอย่าง IGN, PC Gamer, Gamespot ที่ให้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7/10 ในขณะที่เจ้ารอง ๆ อย่าง GamesRadar+, Destructoid, Forbes, GamingTrend ให้เฉลี่ยอยู่ที่ 9-10 คะแนน
รีวิวจากสื่อต่าง ๆ ในด้านดีบอกว่า Starfield ได้ยกระดับเกม RPG Open World ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น และมีเนื้อเรื่องที่สนใจ ส่วนข้อสังเกตตัวเกมขาดความทะเยอทะยาน และทำได้ไม่ดีเท่ากับ Skyrim และ Fallout 4 ที่เป็นผลงานมาสเตอร์พีชของ Bathesda เกมมีจักรวาลที่กว้างขวาง แต่ขาดความลึก โดยมีตัวอย่างการรีวิวจากสื่อต่าง ๆ ดังนี้
PC Gamerให้ 75/100 กล่าวว่า ตัวเกมมี DNA ของ Skyrim และ Fallout 4 อย่างเต็มเปี่ยมแต่กลับทำได้ไม่ดีเท่า 2 เกมที่ว่ามา แต่ถึงจะไม่ได้ถึงขั้นรักแต่ก็พูดเต็มปากได้ว่าชอบเกมนี้ ผู้รีวิวเล่นมา 90 ชั่วโมงแล้ว และจะต่อไปอีก 90 ชั่วโมง
Gamespotให้ 7/10 กล่าวว่า Starfield มีช่วงเวลาที่น่าประทับใจ การต่อสู้ที่น่าพึงพอใจ และภารกิจรองที่คุ้มค่า แต่มีระบบ RPG ตื้น ๆ และวิสัยทัศน์ของจักรวาลที่ไม่ได้จุดประกายให้เดินทางต่อ ทำให้การเดินทางที่มีความกว้างหนึ่งไมล์ แต่มีความลึกเพียงนิ้วเดียว
Destructoidให้ 10/10 กล่าวว่า Bethesda ได้ยกระดับเกม Sandbox ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น และ Starfield เป็นเกมที่กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแนว RPG Open World ด้วยจักรวาลที่สวยงาม เรื่องราวที่น่าหลงไหล และรูปแบบการเล่นที่สนุกสนาน และน่าติดตามตลอดทาง
Game Informerให้ 8.5/10 กล่าวว่า Starfield เป็นผจญภัยอันกว้างไกล ที่มีความน่าดึงดูดใจของเรื่องราวที่เกี่ยวพันกันมากมาย เราเข้าไปโดยคาดหวังว่าจะใช้เวลาสักพักกว่าจะค้นพบจุดยืนของการเล่นเกมในจักรวาลอันกว้างใหญ่ และเกมมีจักรวาลที่คุ้มค่าแก่การค้นหา
PC Magให้ 58/100 กล่าวว่า Starfield เป็นเกม RPG แนวอวกาศขนาดมหึมาที่มีเนื้อหามากมายให้สำรวจ แต่ก็ขาดความทะเยอทะยานอย่างน่าประหลาดใจ
เกม Starfield วางจำหน่ายใน Xbox Series X/S และ PC โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 6 กันยายนนี้ แต่สำหรับคนที่ซื้อตัวเกมแบบ Premium Edtion สามารถเข้าไปเล่นได้แล้ววันนี้
ที่มา - Opencritic , Metacritic
Comments
จุดยืนของการเล่นเกม
แก้ไขแล้วครับ ขอบคุณครับ
ui -> iu
ขอบคุณครับ แก้ไขแล้วครับผม
ไม่ปังมาก งั้นรอลดหนักๆ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ผมเล่นใน Gamepass ครบปีราคาลดพอดีแถม mod น่าจะเพียบค่อยซื้อใน steam
เล่นใน Gamepass แล้วไปซื้อใน Steam มันก็ต้องเริ่มใหม่หมดเปล่าครับ เข้าใจว่าย้ายเซฟข้ามมาไม่ได้ พอดีเคยเล่น Forza 5 ใน Gamepass ช่วงทดลอง แล้วไปซื้อใน Steam ตอนลดก็ต้องเริ่มใหม่หมด
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
เกม 3party ข้ามได้ครับถ้าหาตำแหน่งเซบเจอแล้วก็ก็อปไปแค่นั้น ส่วน Forza 5 มีคนทำ tool สำหรับก็อปเซบไป steam ครับ
ดูเกมมิ่งโดสเล่นมันก็โอเคเลยนะ รายละเอียดเยอะดี
"จุดยืนของการเล่นเกมในจักรวาลอันกว้างใหญ่"
นั่งดีไหม ? กว่าจบเกมส์คงจะเจ็บเข่า เจ็บหลัง แน่เลยมนุษย์ต่างดาวคงจะ งง ว่าทำไมมนุษย์โลกถึงต้องหาที่ยืนเล่นเกมส์นอกจากที่เล่นที่บ้านตัวเองด้วย
IGN หักคะแนนเพราะมี Fast travel เยอะไป มันไม่โอเค
ส่วนIGN ญี่ปุ่น กับ IGN เสปนชอบมาก ให้10/10 ข้อสียคนอื่นเป็นข้อดีของอีกคนซะงั้น
มีคนว่าIGN USแค่อวยโซนี่มากไปก็เท่านั้น
ผมดูคนอื่นเล่น รู้สึกว่าเกมมันดูไม่อนาคตอย่างที่ควรจะเป็น ปี 2330 แต่ว่าเสื้อผ้าหน้าผม บทสนทนา อุปกรณ์ต่าง ๆ มันเหมือนหลุดมาจากยุคปัจจุบันทั้งนั้น
That is the way things are.
ธีมเกมเป็นยุคนาซ่าพังค์ครับ ชุดอะไรจะแนวๆปัจจุบันล้ำแบบไม่โดดไปจากปัจจุบันมันจะไม่มีแสงสีตระการตาเท่าธีมไซเบอร์พังค์อยู่แล้ว
ผมแค่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราอีก 300 ปีข้างหน้า จะแต่งตัวเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเป็นวัสดุใหม่ หรือแม้กระทั่งแนวคิดสไตล์ต่าง ๆ เช่น การโชว์เนื้อหนัง ทรงผม ดังนั้นต่อให้ไม่มีแสงสีฉูดฉาด แต่ทรงเสื้อ หมวก กางเกง กระโปรง มันจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน
เกมนี้ผมเลยมองว่าคนทำไม่ค่อยตั้งใจ ไม่ละเอียด
แม้กระทั่งบทพูดก็อเมริกันมาก กลิ่น southern นิด ๆ ผสมกับ military หน่อย ๆ
That is the way things are.
ไม่เห็นด้วยที่บอกว่าไม่ตั้งใจครับ มันคือ Art Direction แบบที่เม้นล่างแจ้งไว้มันคือสะไตล์ครับ เหมือนกับ steampunk, biopunk ที่เป็นอนาคตในแบบจินตนาการของคนยุคก่อน ไม่ใช่จินตนาการของคนยุคนี้ เหมือนกับสมมุติว่าในปี 1980 มีการค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดเทคโนโลยีก้าวกระโดดแล้วเส้นเวลาก็เดินไปอีกแบบ อะไรประมาณนั้นครับ
ສະບາຍດີ :)
อันนี้อาจจะเห็นไม่เหมือนกัน ผมเองก็เข้าใจ theme steampunk, biopunk แต่ปกติ setup ของเกมเหล่านี้ ถ้าเป็นโลกอนาคตก็มักจะไม่ไกลจากปัจจุบันมากนัก ไม่เกินประมาณ 100 ปี อะไรหลาย ๆ อย่างมันก็ยังมองได้ว่ายึดโยงกับยุคปัจจุบันก็ยังพอเข้าใจได้
บางเกมที่ใช้ art style แนวนั้น แม้จะเทคโนโลยีก้าวกระโดดแต่เหตุการณ์ต่าง ๆ กลับเกิดขึ้นในปีที่ใกล้เคียงกับยุคของศิลปะนั้น ๆ เช่น BioShock ที่ setup ตัวเกมไว้ที่ปี 1960
ในทางกลับกัน เกม Starfield ประกาศปีไว้ชัดเจนว่า 2330 ซึ่งมันเป็นปีที่ไกลมาก ๆ เลยจริง ๆ ครับ ชนิดที่ว่าด้วยธรรมชาติของมนุษย์ต้องไม่อยู่นิ่งแน่นอน ลองมองย้อนกลับไปปี 1700 เรายังไม่มีไฟฟ้าใช้กันเลยครับ (ฺBenjamin Franklin เกิด 1706) ผมเลยคิดว่าแม้จะมี art direction ไปทาง retro vintage แต่มันก็ควรมีองค์ประกอบใหม่ ๆ ความเป็นอนาคตผสมผสานลงไปด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายอยู่แล้วในการผสมทั้งเก่าและใหม่เข้าด้วยกันให้ลงตัว แต่มันก็ควรต้องทำ
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ถ้าเราให้โจทย์ให้ designer สมัยนี้ออกแบบเสื้อผ้าสไตล์ vintage ยุค 1970 แต่ผสม futuristic ลงไป เสื้อผ้าที่ได้มันก็จะออกมาไม่เหมือนกับเสื้อผ้าเก่าจากยุคนั้นจริง ๆ เช่น pattern อาจจะคล้าย ๆ กันแต่ผ้าคนละแบบ มีการผสมลายผสมผ้าหลายชิ้น หมวกอาจจะทรงเดิมแต่เพิ่มเติมวัสดุใหม่ ๆ เป็นต้น
ผมเห็น Starfield ไม่ทำเรื่องพวกนี้เลย ผมก็เลยคิดว่าเขาเลือกเส้นทางที่มันง่ายไปหน่อยครับ
อย่างไรก็ตามเข้าใจทุกความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับผมครับ
That is the way things are.
มองแบบนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกันครับ บางทีทีมงานก็อยากจะไปให้สุดแต่ประเมิณแล้วเวลามันไม่พอก็เป็นได้ 😅
ສະບາຍດີ :)
ไม่เห็นด้วยครับ มันเป็นแนวทางที่เกมเลือกครับ ไม่เกี่ยวกับความสมจริงของเกม
มันคือRetrofuturism ซึ่งBethesdaทำแนวประมาณนี้มาตั้งแต่Falloutแล้วเป็นAtompunk พอมาเกมใหม่เป็นnasapunkก็ไม่แปลก