Alvin Tan รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสิงคโปร์ให้ข่าวว่าตัวเลขประชาชนที่ใช้ฟีเจอร์ล็อกเงินไม่ให้ถอนผ่านบริการออนไลน์ตอนนี้มีเกิน 61,000 บัญชี รวมมูลค่าเงินถึง 5.4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 140,000 ล้านบาท หลังจาก ธนาคารหลักๆ ในสิงคโปร์เปิดบริการนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ฟีเจอร์ล็อกเงินเพื่อไม่ให้ถอนออนไลน์ได้ เป็นมาตรการที่ช่วยให้ผู้ใช้ต่อสู้กับแอปดูดเงินได้ดีขึ้น เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมา ความเสียหายก็จะจำกัดแค่วงเงินที่ถอนออนไลน์ได้เท่านั้น ไม่ได้ถูกขโมยไปทั้งหมดเหมือนก่อนหน้านี้ Tan ระบุว่าแบงค์ชาติสิงคโปร์จะสนับสนุนให้ประชาชนใช้ฟีเจอร์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตอนนี้ยังไม่มีเคสคดีหลอกลวงเงินใดที่ทะลุผ่านการป้องกันด้วยการล็อกเงินนี้ได้
อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าการหลอกลวงส่วนมากยังคงเป็นการหลอกลวงที่คนร้ายบอกให้เหยื่อโอนเงินไปให้เอง เช่น การหลอกลงทุน, การหลอกว่ารับสมัครงาน, หรือการหลอกว่าเป็นคู่รัก รายงานล่าสุดของตำรวจสิงคโปร์ระบุว่าการหลอกลวงด้วยแอปดูดเงิน นั้นยังมีจำนวนคดีเป็นอันดับ 6 และมียอดค่าเสียหายอันดับ 5
ที่มา - Channel News Asia
ภาพโดย Holgi
Comments
สิงคโปร์ ก็เจอ ปัญหา คล้ายๆกัน นะ หาวิธีแก้กันไป
ประเด็นคือ ระดับผู้บริหารประเทศชั้นแนวหน้าของโลก แต่ทำไมมี mindset การวิเคราะห์ และสังเคราะห์วิธีการปัญหาที่ไม่ตรงประเด็นเหมือนผู้บริหารประเทศแถว ๆ นี้ได้เนาะ
แก่แล้วความคิดจะถดถอยลงตามวัยครับ แล้วค่านิยมของคนก็ดันเลือกที่วัยวุฒิมากกว่าเด็ก วนเป็นวงจรอุบาทว์ไปครับ
อูยยย เจ็บ
คิดว่าก็มีส่วน ก็หวังว่าเมื่อแก่ขึ้น จะสามารถเรียกคนมาระดมสมองได้และไม่ลืมว่าจะต้องถอยเมื่อถึงเวลา คงคล้ายๆนายก NZ
อย่าทำตัวเป็นคนไร้ความสามารถ ที่แค่ลาออกไม่เป็นด้วยมั๊ง
คนระดับบริหาร ไม่ได้ลงมือทำเอง สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือประสบการณ์ในการบริหารงาน แล้วสั่งให้คนที่เก่งกว่า หรือปฏิบัติมีความสามารถมากกว่ากว่าไปปฏิบัติงาน งานที่เป็นงานบริหาร หากคนบริหารต้องลงมาทำงานเอง ถือว่าเป็นระบบงานที่ห่วยนะครับ หน้าที่ของผู้บริหาร คือ สั่งงานให้ถูกคน ถูกงาน แต่ถ้าสภาวะแวดล้อม มันไม่เอื้อ เช่น ทรัพยากรมนุษย์มีจำกัด หรือทรัพยากรใกล้ตัวไม่มีคุณภาพมันก็ได้งานตามที่เห็นนั่นแหล่ะ เก่งแค่ไหนบางทีก็ตายเพราะลูกน้อย ดังนั้นการนำพาประเทศนึงไปข้างหน้ามันไม่ได้อยู่ที่คนคนเดียว มันอยู่ที่ทีมงานด้วย ดังนั้นจะเลือกใครอย่าดูแค่หัวหน้า ต้องดูทีมงานที่จะนำเข้ามาบริหารด้วย มันต้องผสมกันระหว่างทั้งคนรุ่นใหม่ และคนมากประสบการณ์เพื่อให้แชร์จุดอ่อน จุดแข็งระหว่างกันได้ ส่วนตัวผมมองว่าสถานการณ์ของไทยในตอนนี้ คนบริหารงานเหมาะสมแล้วครับ เขาทำงานตามบทบาทของเขาได้ดี แต่ลูกน้องอาจตามความคิดของนายไม่ค่อยจะทันมากกว่า
เหมาะสมจนตามนายไม่ทันคือหน่วยงานใดครับ?
คำว่าเหมาะสมไม่ได้หมายความว่ามันจะ perfect ทุกตำแหน่งนะ คนที่เคยทำงานพวกนี้จะรู้ว่าได้ 80% ของงานที่สั่งไปก็ถือว่าหรูแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานรูทีน ถ้าเป็นงบพัฒนาบอกเลยว่าไม่เกิน 50% หรอก ก็คุณๆ ในที่นี่แหล่ะที่ทำให้มันต้องล่าช้าเพราะไปฟัดกันเพื่อแย่งงานกัน พอได้งานก็โดนโรคเลื่อนกันอีก อย่าบอกนะว่าไม่เคยโดนกัน นี่ผมยกตัวอย่างสิ่งใกล้ตัวให้นะ ถ้าเป็นงานโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ ที่มี supplier เยอะ มี sub งานแตกออกไปตามงานย่อย หนักกว่านี้บาน ผมพอแค่นี้แล้วกัน ผมไม่ค่อยชอบคุยกับคนกวนประสาทเท่าไหร่ คิดว่าคุณน่าจะต่อยาวกว่านี้อีกเยอะ
แปลกใจ ผมบอกให้คนอื่นเปิดสองบัญชี หนึ่งไม่ต้องผูกกับบริการใดๆทั้งสิ้น อีกหนึ่งใช้กับบริการออนไลน์ต่างๆ โอนเงินเข้าบัญชีแค่พอใช้เดือนสองเดือน แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเลย
หลายๆคนรอบตัวผมก็ใช้แบบนี้อยู่นะ ผมเเองก็ทำแบบนี้ แต่มีหลายธนาคารหน่อย
สงสัยไม่เคยเห็นข่าวเปิดบัญชีเอาไว้เฉยๆไม่ผูกกับอะไร ไม่รู้ยอดเงิน แล้วปล่อยทิ้งไว้นานๆ มันยักยอกเงินไปเกลี้ยง 555
ถ้าหมายถึงคดีที่เจ้าหน้าที่ธนาคารยักยอก พวกนั้นสุดท้ายก็ได้คืนหมดนี่ครับ
lewcpe.com , @wasonliw
มี refไหมนะ
วิธีนี้ก็ดี เป็นการจำกัดความเสียหาย
ซึ่งพอพลาดเสียเงินไปแล้ว มีประสบการณ์แล้ว ก็จะไม่พลาดแบบเดิมๆอีก
ต่างจากแต่ก่อน ที่เงินหมดตัว 10 ล้าน ไม่มีเงินเหลือที่จะให้พลาดแล้ว
ถ้าพลาดไปแค่ 20K ยังเหลืออีกตั้ง 9 ล้าน