หลังจากที่หน่วยงานป้องกันสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ออกมาเผยว่า Volkswagen มีซอฟต์แวร์ที่โกงผลการทดสอบการตรวจจับค่ามลพิษ ล่าสุด Audi และ Skoda ผู้ผลิตรถยนต์ในเครือ Volkswagen Group ออกมาเปิดเผยว่ามีซอฟต์แวร์แบบเดียวกันอยู่ในรถของตัวเองด้วย
Audi ระบุว่ามีรถยนต์ของตัวเองกว่า 2.1 ล้านคันทั่วยุโรปและสหรัฐที่มีซอฟต์แวร์แบบเดียวกับของ Volkswagen ซึ่งสามารถโกงการตรวจวัดปริมาณมลพิษจากไอเสียเครื่องยนต์ดีเซล โดยรุ่นที่มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้แก่รุ่น A1, A3, A4, A5, A6, TT, Q3 และ Q5 ขณะที่ Skoda เปิดเผยเพียงว่ามีรถยนต์ของตนทั้งหมด 1.2 ล้านคันที่มีซอฟต์แวร์ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายมาร์ติน วินเทอร์คอร์น อดีตซีอีโอของ Volkwagen ที่ประกาศลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังจากที่บริษัทออกมายอมรับว่ามีการติดตั้งซอฟต์แวร์จริง กำลังจะถูกอัยการรัฐของเยอรมนีสืบสวน ฐานฉ้อโกงในการขายยานพาหนะ ซึ่งหากถูกตัดสินว่าผิดจริง นายวินเทอร์คอร์นอาจถูกปรับเงินก้อนโต หรืออาจถูกจำคุกสูงสุด 10 เดือน
ที่มา - BBC , New York Times
Comments
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า สโกด้า เป็นของ โฟล์กวสาเก้น 555+
จริงๆ ตอนแรกสุดที่ EPA สหรัฐกล่าวหา Volkswagen Group นี่ก็รวมรถ Audi ที่ขายในสหรัฐแล้วนะ
มิน่ามาตราฐานยูโร 4 5 6 มันถึงทำกันง่ายจัง เอาไว้กีดกันค่ายรถประเทศนอกยุโรป์หรือเปล่า น่าคิดๆ
1.2 ล้านคน => 1.2 ล้านคัน
แล้ว กรมการขนส่งทางบก กับ กรมสรรพสามิต จะต้องดำเนินการอะไรมั้ยเห็น เงียบเงียบ
ในประเทศผมยังหาพรบ. หรือกฎหมายตัวไหนที่ควบคุมเรื่องมลพิษจากรถยนต์เลยครับนอกจากควันดำ แต่ถ้ามีก็น่าจะเป็นมาตรฐานเดียวกับ EPA เพราะมาตรฐานมลพิษโรงงานก็มาจาก EPA รู้สึกเรื่องมลพิษกรมควบคุมมลพิษจะดูแลทั้งหมดนะครับ แตาแถวบ้านผมพวกควันพิษจากโรงงานไม่เห็นมีใครสนใจ เอาคนไปตรวจได้กระเช้ากลับบ้าน เอาหนังควายเน่ามาเก็บเป็นโกดังก็ไม่มีใครสนใจ อืม...
เข้าใจว่าอัตราอากรนำเข้ากับอัตราภาษีสรรพมิตรรถยนต์ของบ้านเราอิงกับค่ามลพิษที่ปล่อยมาครับ เพราะฉะนั้นโกงค่ามลพิษ=โกงภาษีครับ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จนท.ศุลฯบ้านเราไม่ปล่อยไว้หรอกครับ เพราะเขาได้เงินด้วย
ถ้าพิสูจน์ได้ว่า โกง
แล้ว ผลจริง ทำให้ ต้องเก็บเพิ่ม
ควร เก็บเพิ่มจาก ใคร?
1. เจ้าของรถ
2. ผู้ขาย
นอกจากโดนพ่วงหลายญี่ห้อที่ขายในอเมริกาแล้ว เดี๋ยวจะโดนทางฝั่งยุโรปด้วยอีกหรือเปล่าน่าเป็นห่วง จะมีคนซื้อไหมล่ะครับเนี้ยะช่วงนี้
ผมเข้าไปอ่านใน New York Times
แล้วเห็นว่า มันก็ระบบปรกติของรถสมัยใหม่นะครับAudi บางรุ่น จอดเฉยๆ หรือ กดคันเร่งเบาๆ
มันสั่ง shutdown การทำงานของลูกสูบ ให้เหลือครึ่งเดียวด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่างเช่น
กดปุ่ม Eco มันจะสั่งให้เครื่องทำงานแบบนึง
กดปุ่ม Sport มันจะสลับทางออกท่อไอเสียอีกแบบนึง
ถ้าบอกว่า กดปุ่มนึงเข้าไปตรวจ ออกมาขับจริง กดอีกปุ่มนึง หรือ เหยียบคันเร่งแรงหน่อย
แล้วค่า มลพิษเกินกำหนด ? แล้วโดนปรับย้อนหลังแบบนี้นะ ก็น่าจะโดนกันทั้งโลกอ่ะครับ
ไม่ใช่แค่ สาม-สี่ ยี่ห้อแค่นั้น
ผมอ่านจากอีกแหล่ง จำไม่ได้ เห็นว่าระบบจริงๆ คือเหมือนการกรองไอเสียตอนท้าย ซึ่งยิ่งใช้น้ำมันมากมันจะมีประสิทธิภาพ ไอเสียออกน้อย พอทำ test ก็จะเปิดส่วนนี้ใช้น้ำมันเยอะ ไอเสียเลยน้อย แต่วิ่งจริงจะกรองออกน้อยเพื่อกำลังรถ และการประหยัดน้ำมันแทน
เดี๋ยวคงมี seat Bentley อะไรตามมาอีกไหม. 555
ระดับคนซื้อ Bentley คงไม่แคร์เรื่องภาษีจากการปล่อยไอเสียกระมังครับ.
ค่าที่แย่ที่สุด ต้องไม่เกินค่ามาตฐาน
ปัญหาที่เรากำลังคุยกันอยู่นะครับ ที่ใส่ข้อหาว่าโกงผล คือ เรื่องมันพิลึกแบบนี้ครับผมทำให้มองเห็นภาพง่ายๆ
บนรถมีปุ่ม eco กับ sport
กด sport วิ่งเข้าไปตรวจ แล้วออกมา ค่ามลพิษ ok ครับ
แต่ พอวิ่งจริง กด eco แล้วรถดันปล่อย NOx ออกมาเกินค่ากำหนดครับ (ในรุ่น Diesel)
โดนเลยครับ
ก็ต้องโดนสิครับเขากำหนดว่าค่าที่แย่ที่สุดต้องไม่เกินมาตรฐาน ฉะนั้นกด eco ก็ยังต้องไม่เกินค่ามาตรฐานครับ
ส่วนเคสของ VW มันไม่ใช่แบบนี้
เพราะ ECU รถของ VW ดันรู้ได้เมื่อไรที่รถถูกทดสอบ แล้วก็เปิดโหมดลด NOx ลงให้ต่ำเอาไว้เลย ประสิทธิภาพรถ การประหยัดน้ำมันอะไรไม่ต้องไปสนแล้ว
แต่ในการใช้งานจริงโหมดลด NOx ไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน และทำให้ค่า NOx เกินกำหนด
มันไม่ใช่แค่กดปุ่มเข้าไปตรวจครับ
ที่เค้าทำคือเขียนโปรแกรมให้รถมันเรียนรู้เองว่า ถ้าพฤติกรรมแบบนี้จะเข้าข่ายว่าอยู่ใน Test mode (เช่นล้อหมุน แต่ว่าพวงมาลัยไม่ได้ขยับ) เพราะว่าในการ test รถจะอยู่บนแท่นเพื่อลำปัจจัยอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป พอรถรู้ว่าอยู่ใน test mode มันก็จะเปิด catalytic converter เพื่อกำจัดไอเสียให้ทำงานเต็มที่ ค่ามลพิษที่ออกมาก็จะผ่านมาตรฐานครับ
แต่ว่าในการใช้งาน "ปกติ" ประจำวัน ตัวโปรแกรมจะลดการทำงานของ catalytic converter ให้ลดลงเพื่อให้ประสิทธิภาพของรถดีขึ้น (เช่น อัตรการเร่ง) เพราะว่าถ้าตัว catalytic converter ทำงานมันจะทำให้ประสิทธิภาพของรถลดลงอย่างมากครับ
ดังนั้นสรุปคือ เอาจริงๆแล้วถ้าจะทำให้ไอเสียได้มาตรฐานตลอดเวลาก็ทำได้ครับ แต่ประสิทธิภาพจะต่ำ ทาง VW ก็เลยแก้ปัญหาแบบง่ายๆเลยแทนที่จะพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น แต่ไปเขียนโปรแกรมให้มี 2 mode 1) test mode มลพิษผ่าน แต่ประสิทธิภาพไม่ดี (ซึ่งในการทดสอบไม่ได้สนใจอยู่แล้ว) 2) normal ก็ปิด cat. converter ซะ เพื่อให้รถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
ที่เป็นข่าวออกมาก็เพราะว่า มีมหาลัยเค้าเอารถมาทดสอบ 3 คัน มี VW 2 คัน BMW 1 คัน วัดมลพิษในสภาวะปกติที่มีการใช้งานจริง เอาออกไปขับบนถนนแล้ววัดไอเสีย ดันมี BMW แค่คันเดียวที่ผ่าน เค้าเลยไปแจ้ง EPA ทาง EPA ก็เตือนไป VW ก็บอกว่าจะแก้ไข แต่อีก 2-3 ปีถัดมาคนเดิมก็ทดสอบอีกทีก็ยังได้ผลเหมือนเดิม รอบนี้ EPA ก็เลยฟ้องครับ
+1 ชัดเจน
อ่านข่าวที่แล้วจำได้เหมือนกันว่าเป็นการเขียนโปรแกรมมาโกงตอนเทสโหมด
ไม่น่าจะเกี่ยวกับโหมด Eco และ Sport
Clear เลยครับ
เครื่องดีเซลกว่าจะลดค่า emissions ลงมาได้นี่ยาก ตั้งแต่มังกรทองบ้านเราที่ชอบสบประมาทกันว่ายัดเทอร์โบมาเพื่อลดค่ามลพิษ หรือ BMW ยัดเทอร์โบตั้งแต่ลูกนึงยัน สามลูก (+ ไฮบริดอีก) แต่อันนี้ลดค่า emissions เองดื้อๆ ไม่ง้อ Mechanics = =a
เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่ากระทบกับรถในเมืองไทยแค่ไหน เพราะส่วนมากเป็นค่ายญี่ปุ่น
แต่ที่แน่ๆเกี่ยวกับ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ปี 2559 ที่จะเรียกเก็บอัตราภาษีรถรูปแบบใหม่ตามการปล่อยมลพิษจะเริ่ม 1 มกราคา 2559 นี้
รถที่ปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สูงก็เสียมาก อีโคคาร์ปล่อยน้อยก็เสียอัตราต่ำกว่า ถ้ารถมีการโกงผลทดสอบได้ เรื่องนี้กระทบรายได้ชาติเต็มๆ