แน่นอนว่าหากอยากยกระดับของเสียงไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลงหรื่อเล่นเกมนั้นก็ต้องมีตัวช่วยที่จะดึงศักยภาพของเสียงให้ออกมาได้อย่างสูงที่สุดนั้นก็ต้องมี Sound Card ที่จะสร้างมิติของเสียงออกมาได้อย่างสวยงาม ซึ่งก็สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งแบบ Internal ที่ติดตั้งอยู่ในตัวของ Mainboard และแบบ External ที่ใช้งานภายนอกโดยเสียบสายเข้ากับอุปกรณ์ ซึ่งใครที่อยากได้มิติของเสียงที่มากขึ้น ตกแต่งเสียงได้ตามต้องการ ลองมาดู 10 Sound Card ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่จะยกระดับการฟังของคุณให้ออกมาได้ดีจนถึงขีดสุด จะมีตัวไหนกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย
ตารางเปรียบเทียบ 10 Sound Card ยี่ห้อไหนดี 2024
ประเภท | การตอบสนองความถี่ | ระบบเสียง | การควบคุม | ขนาด | |
---|---|---|---|---|---|
EPOS GSX 1000 2nd edition
|
External | 48 kHz | 2.0 Stereo, 7.1 Surround Sound | หน้าจอสัมผัส LED | 150 x 70 x 145 มม. |
Creative Sound Blaster GC7
|
External | 192 kH | Virtual 5.1, 7.1 | Knob | 47 x 114 x 173 มม. |
Creative Sound Blaster X5
|
External | 384 kHz | Virtual 5.1, 7.1 | Knob | |
Creative Sound Blaster AE-9
|
Internal | 384 kHz | Virtual 5.1, 7.1 | Knob | 178 x 22 x 127 มม. |
iFi Uno
|
External | 384 kHz | 2.0 Stereo | Knob | 88 x 81 x 26 มม. |
EPOS GSX 300
|
External | 192 kH | Surround 7.1 | Knob | 91 x 81 x 41 มม. |
Creative Sound BlasterX G6
|
External | 384 kHz | Surround 7.1 | Knob | 111 x 70 x 24 มม. |
Asus ROG Clavis
|
External | 48kHz | Surround 7.1 | Switch | |
Behringer UMC22
|
External | 48kHz | Knob | ||
EDIFIER GS02
|
External | 48KHz | Virtual 7.1 | Knob |
EPOS GSX 1000 2nd edition
ราคาเริ่มต้น 8,990 บาท
ที่มา eposaudio.com
เปิดบทความกันด้วย EPOS GSX 1000 2nd edition ที่มาพร้อมกับการใช้งานที่ง่ายดาย ควบคุมทุกอย่างได้สบายจากตัวหน้าจอที่มีโหมดให้เลือกใช้งานได้มากมาย พร้อมด้วยตัวเสียงจากไมโครโฟนที่ 16 บิต/48KHz ทำให้ตัวเสียงนั้นมีความชัดเจนขึ้น พร้อมด้วยโหมดสำหรับการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ที่จะทำให้อรรถรสของเสียงนั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และยังรองรับการใช้งานทั้งบน Windows และ macOS
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 0 - 48 kHz
- ระบบเสียง 2.0 Stereo, 7.1 Surround Sound
- การควบคุม หน้าจอสัมผัส LED
- ขนาด 150 x 70 x 145 มม.
ข้อดี
- ใช้งานได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร
ข้อควรรู้
- สำหรับคนนิ้วใหญ่อาจจะใช้งานติดขัดเล็กน้อย
Creative Sound Blaster GC7
ราคาเริ่มต้น 5,890 บาท
ที่มา creative.com
Creative Sound Blaster GC7 สามารุถยกระดับการเล่นเกมแนว FPS ได้อย่างเหนือชั้น ด้วยตัวฟังก์ชันอย่าง Super X-Fi และ Scout Mode ที่สามารถตามเก็บรายละเอียดของเสียงต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ให้คุณไม่มีพลาดในทุกสมรภูมิ และด้วยการควบคุมที่ง่ายดายจากปุ่ม Knob และทิศทาง การตั้งค่าต่าง ๆ จึงสามารถทำได้อย่างสะดวก
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 192 kH
- ระบบเสียง Virtual 5.1, 7.1
- การควบคุม Knob
- ขนาด 47 x 114 x 173 มม.
ข้อดี
- Super X-Fi ที่จะช่วยบอกรายละเอียดเสียงได้เป็นอย่างดี
ข้อควรรู้
- เวลาเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมต้องกดสวิตซ์ที่ด้านหลังทุกครั้ง
Creative Sound Blaster X5
ราคาเริ่มต้น 9,590 บาท
ที่มา creative.com
Creative Sound Blaster X5 คืออีกหนึ่งซาวด์การ์ดแบบ External ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้แบบครบครัน เหมาะสำหรับเหล่าเกมเมอร์ และผู้คนที่หลงในเสียงเพลงเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวนี้ยังควบคุมได้ง่ายผ่านปุ่มต่าง ๆ ที่ใช้งานไม่ยาก รองรับเสียงได้อย่างเหนือชั้น เพิ่มความชัดเจน สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อนำไปตั้งค่าได้ผ่านแอป ให้ได้เสียงแบบที่ต้องการมากที่สุดอีกด้วย
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 384 kHz
- ระบบเสียง Virtual 5.1, 7.1
- การควบคุม Knob
- รองรับ Bluetooth 5.0
ข้อดี
- เหมาะสมสำหรับเหล่า Gamer และ Audiophile
ข้อควรรู้
- ดีไซน์มีความหนาพอสมควร อาจจะเปลืองพื้นที่เล็กน้อย
Creative Sound Blaster AE-9
ราคาเริ่มต้น 12,490 บาท
ที่มา creative.com
Creative Sound Blaster AE-9 เป็นตัวซาวด์การ์ดแบบ Internal ที่มาพร้อมกับกล่องควบคุมด้วยปุ่ม Knob ให้เสียงในคุณภาพ Hi-res ที่ทำให้การดูหนัง ฟังเพลงนั้นมีความคมชัดมากยิ่งขึ้นจนหูเคลือบทอง และยังเพิ่มคุณภาพในความชัดของไมโครโฟนเพื่อเวลาบันทึกเสียงจะได้ยินเสียงชัดยิ่งขึ้น ไม่ถูกตัวดนตรีกลบจนฟังไม่รู้เรื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่คุณภาพสูงมาก ๆ
สเปก
- ประเภท Internal
- การตอบสนองความถี่ 384 kHz
- ระบบเสียง Virtual 5.1, 7.1
- ขนาด 178 x 22 x 127 มม.
- ขนาดของ Module (ACM) 150 x 128 x 65 มม.
- การควบคุม Knob
ข้อดี
- มาพร้อมกับกล่องควบคุมที่สามารถใช้งานได้อย่างดี
ข้อควรรู้
- มีราคาค่อนข้างที่จะแรงเมื่อเทียบกับซาวด์การ์ดแบบ External
iFi Uno
ราคาเริ่มต้น 3,790 บาท
ที่มา munkongonline.com
iFi Uno สามารถพกพาไปใช้งานได้ทุกที่ รวมไปถึงหยิบพาไปได้ในทุกที่ เพราะน้ำหนักที่เบาเพียง 92 กรัม แต่เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ขอบอกเลยว่าประสิทธิภาพนั้นใหญ่เกินตัว ไม่ว่าจะเป็นยกระดับเสียงเพลง เสียงเกม หรือแม้แต่เสียงหนังก็ทำได้อย่างดี ควบคุมได้ง่ายจาก Knob ขนาดใหญ่เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งรุ่นสำหรับคนอยากลองใช้ซาวด์การ์ดที่ไม่ควรพลาด
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 384 kHz
- ระบบเสียง 2.0 Stereo
- การควบคุม Knob
- ขนาด 88 x 81 x 26 มม.
- น้ำหนัก 92 กรัม
ข้อดี
- โหมดการปรับ EQ ที่ทำได้ถึงได้สามรูปแบบ
ข้อควรรู้
- ไม่มีระบบเสียง 5.1 และ 7.1 ให้ใช้งาน
EPOS GSX 300
ราคาเริ่มต้น 2,750 บาท
ที่มา shopee.co.th/EPOS
EPOS GSX 300 อีกหนึ่ง Sound Card แนะนำ ที่รองรับเสียงในระดับ Hi-Res และยังมอบเสียงเสมือน 7.1 เพื่อการเพิ่มมิติให้กับการเล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง มาพร้อมกับสาย 3.5 mm ที่แบ่งเป็นสีชมพูสำหรับไมโครโฟน และสีเขียวสำหรับหูฟัง สามารถควบคุมผ่านปุ่ม Knob ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และด้วยขนาดที่กะทัดรัดนั้นจึงสามารถพกพาไปใช้งานทุกที่ได้อย่างสบาย
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 192 kH
- ระบบเสียง 7.1 Surround Sound
- การควบคุม Knob
- ขนาด 91 x 81 x 41 มม.
ข้อดี
- การขับเสียงได้ในระดับ Hi-res ที่จะสร้างอรรถรสได้เป็นอย่างดี
ข้อควรรู้
- รองรับการใช้งานกับ Windows PC เท่านั้น
Creative Sound BlasterX G6
ราคาเริ่มต้น 4,990 บาท
ที่มา creative.com
Creative Sound BlasterX G6 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซาวด์การ์ดที่ไม่เคยสูญหายไปตามกาลเวลา เพราะด้วยประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าดีจนต้องยกนิ้วโป้งให้ถึงสองนิ้วทำให้ยังมีคนแนะนำให้ใช้กันอยู่อย่างเสมอ โดยตัวเสียงที่ปรับแต่งนั้นจะมีความละเอียด พร้อมกับ Surround 7.1 ที่ให้มิติเสียงได้เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะเป็นเกม หนังหรือเพลงก็ตาม และด้วยรูปทรงกะทัดรัด ดูเท่มีสไตล์ จึงสามารถพกพาไปได้ในทุกที่ที่คุณนั้นต้องการ
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 384 kHz
- ระบบเสียง Surround 7.1
- การควบคุม Knob
- ขนาด 111 x 70 x 24 มม.
ข้อดี
- รองรับการใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะคอมหรือเครื่องเกมยอดนิยมต่าง ๆ
ข้อควรรู้
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเวลาที่วางขายมา
Asus ROG Clavis
ราคาเริ่มต้น 3,990 บาท
ที่มา rog.asus.com
ใครที่กำลังมองหาซาวด์การ์ดไว้ใช้กับหูฟังโดยเฉพาะก็ต้องเลือก Asus ROG Clavis มาใช้งาน เพราะเป็นซาวด์การ์ดที่สามารถเข้ากันได้ดีกับหูฟังเกมมิ่งโดยเฉพาะ ยกระดับมิติของเสียงให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีรายละเอียดที่สามารถเก็บได้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งรูปทรงขนาดเล็กเหมาะสำหรับพกพา จะไปเล่นเกมที่ไหน หรือลงแข่งสนามใดก็ตาม พกติดตัวไว้ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 48kHz
- ระบบเสียง Surround 7.1
- การควบคุม Switch
- Hi-Fi DAC, Amp ESS 9281PRO
ข้อดี
- มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนเพื่อให้สื่อสารกับทีมได้ดีมากยิ่งขึ้น
ข้อควรรู้
- ใช้งานร่วมกับสาย AUX 3.5 มม. เท่านั้น
Behringer UMC22
ราคาเริ่มต้น 2,690 บาท
ที่มา behringer.com
ใครที่กำลังมองหาซาวด์การ์ดที่จะนำมาทำเพลงโดยเฉพาะนั้น Behringer UMC22 ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เพราะตัวเครื่องที่สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมบันทึกเสียงที่เป็นที่นิยมได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงคุณภาพของเสียงระดับมืออาชีพ จึงเหมาะสมที่สุดแล้วที่คุณจะถือเครื่องนี้เข้าสู่ห้องอัด เพื่อสร้างสรรค์เพลงที่เสียงดีที่สุด ให้ออกมาโลดแล่นสู่หูของผู้คน
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 48kHz
- การควบคุม Knob
- พาวเวอร์ 48v
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB 2.0
ข้อดี
- ซาวด์การ์ดที่เหมาะสมสำหรับการอัดเสียงในเรื่องของดนตรี
ข้อควรรู้
- ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ฟังเสียงของเกม
EDIFIER GS02
ราคาเริ่มต้น 899 บาท
ที่มา edifier.com
EDIFIER GS02 ที่เป็นตัวปิดบทความของเรานั้นเป็นตัวซาวด์การ์ดจากแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำ รองรับการใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์เพื่อให้ได้เสียงที่ดีแบบสุด ๆ มาพร้อมกับชิป CM108B ที่สร้างเสียงได้อย่างคมชัด แบ่งรายละเอียดได้อย่างชัดเจน อีกทั้ง Magic Voice เพื่อความสนุกในการใช้เสียงพูดที่เปลี่ยนได้ถึง 4 แบบ และเพิ่มความสวยงามน่ามองด้วยไฟ RGB อีกด้วย
สเปก
- ประเภท External
- การตอบสนองความถี่ 48KHz
- ระบบเสียง Virtual 7.1
- การควบคุม Knob
- ชิป CM108B ในตัว
ข้อดี
- ฟังก์ชัน Magic Voice เปลี่ยนเสียงได้ถึง 4 แบบ
ข้อควรรู้
- เชื่อมต่อกับสาย AUX 3.5 มม. เท่านั้น
และนี่ก็คือ 10 Sound Card ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่จะทำให้เรื่องเสียงของเกม หนังและเพลง เพิ่มมิติขึ้นมาอย่างเหนือชั้น ช่วยให้อรรถรสในการรับฟังนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังใช้งานได้สะดวก พกพาติดตัวไปได้แบบง่ายดาย ยิ่งบางตัวนั้นก็สามารถรองรับอุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย ทำให้หูเคลือบทองมากยิ่งขึ้น ใครที่อยากมีประสบการณ์ในเรื่องของเสียงที่ดีนั้นต้องลองหาซาวด์การ์ดมาใช้งานกันแล้ว
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ