ลำโพงบลูทูธ ลำโพงที่สามารถใช้งานได้แบบไร้สาย สามารถพกพานำติดตัวไปได้ในทุกที่ เปิดได้ทุกครั้งที่ต้องการ ใช้งานการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์และเปิดเพลงโปรดได้ทันที จะวางไว้มุมไหนของบ้านก็ทำได้เลยเพราะด้วยขนาดรูปร่างและดีไซน์ที่สามารถเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งของคุณได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะการพกติดตัวไปเปิดเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งใครที่กำลังมองหาและอยากจับจองเป็นเจ้าของสักตัว แต่ยังไม่รู้จะเลือกจากแบรนด์ไหนดีก็ต้องมาอ่าน 10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่เรานั้นได้รวบรวมแบรนด์ชั้นนำมาแนะนำให้ทุกคนได้ใช้เป็นตัวเลือกกันครับ
ตารางเปรียบเทียบ 10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024
การตอบสนองความถี่ | เวอร์ชัน Bluetooth | ระยะเวลาการใช้งาน | ระยะการเชื่อมต่อ | แอปที่รองรับ | |
---|---|---|---|---|---|
Edifier QD35
|
60Hz - 40kHz | 5.3 | 10 เมตร | Edifier Connect | |
Klipsch THE THREE PLUS
|
45Hz - 20kHz | 5.3 | 12 เมตร | Klipsch Connect | |
Marshall Middleton
|
50 HZ-20,000 HZ | 5.1 | 20+ ชั่วโมง | 10 เมตร | Marshall Bluetooth |
Harman Kardon Go + Play 3
|
43 Hz – 20 kHz | 5.2 | 8 ชั่วโมง | 10 เมตร | |
JBL PULSE 5
|
58Hz - 20,000Hz | 5.3 | 12 ชั่วโมง | 10 เมตร | JBL Portable |
TRIBIT StormBox Micro 2
|
70Hz - 20,000Hz | 5.3 | 12 ชั่วโมง | 10 เมตร | Tribit |
Tronsmart T7 Lite
|
60Hz – 20kHz | 5.3 | 24 ชั่วโมง | 15 เมตร | Tronsmart App |
Bose SoundLink Flex
|
4.2 | 12 ชั่วโมง | 9 เมตร | Bose Connect | |
B&O BEOSOUND A5
|
32 - 23,000 Hz | 5.3 | 12 ชั่วโมง | 10 เมตร | Bang & Olufsen App |
Devialet Mania
|
30Hz - 20,000Hz | 5.0 | 10 ชั่วโมง | 10 เมตร | Devialet |
Edifier
ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาท
ที่มา : edifier.com
มาเริ่ม ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ก้นด้วย Edifier ที่เรียกได้ว่าหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถครองใจคนชอบฟังเพลงจากลำโพง ด้วยคุณภาพเสียงที่อัดแน่น สามารถส่งความคมชัดในทุกย่านออกมาได้อย่างลื่นหู ทำให้การฟังเพลงนั้นสามารถดื่มด่ำได้อย่างเต็มที่ โดยรุ่นที่หยิบมาแนะนำก็ได้แก่ QD35 ที่เรียกได้ว่ามีดีไซน์ที่โดดเด่น จะวางไว้ที่โต๊ะหรือตรงไหนของห้องก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่สวยงามให้ดูน่ามอง อีกทั้งยังให้เสียงที่มีคุณภาพในระดับ Hi-res เพื่อเปิดประสบการณ์ในการฟังเพลงได้อย่างดื่มด่ำ
สเปก Edifier QD35
- Frequency Response 60Hz - 40kHz
- แรงขับสูงถึง 40W RMS
- รองรับระบบเสียง Hi-Res
- รองรับ Bluetooth 5.3
- ไดรเวอร์เสียง Mid-Bass ขนาด 3 นิ้ว
- นาฬิกาดิจิตอลดูง่าย
- ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร
- มี Digital Amplifier และ DSP Chipset ในตัว
- ตั้งค่าการแสดงผลของไฟได้
- ใช้งานร่วมกับ แอป Edifier Connect
- ขนาด(W x H x D) 27.78x16.48x14.17 ซม.
- น้ำหนัก 2.64 กิโลกรัม
ข้อดี
- รองรับการชาร์จเร็วและปลอดภัยด้วย Ultra-fast 35W GaN
ข้อควรรู้
- สามารถเกิดรอยนิ้วมือที่ตัวเครื่องได้ง่ายมาก
Klipsch
ราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท
ที่มา : klipsch.com
Klipsch อีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเครื่องเสียง ที่ใครหลายต่างก็บอกว่าให้เสียงดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนก็มอบเสียงในระดับที่แสนจะประทับใจ พร้อมด้วยดีไซน์และรูปลักษณ์ที่ดูพรีเมียม สามารถตกแต่งห้องทุกสไตล์ได้อย่างลงตัว โดยรุ่นที่จะแนะนำนั้นก็คือ THE THREE PLUS ที่ตัวลำโพงได้เลือกใช้แผ่นไม้อัดแท้มาประกอบเป็นลำโพงนั้นยิ่งเพิ่มความลงตัวให้กับลำโพงแบบสุด ๆ พร้อมให้เสียงที่กระหึ่ม สร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงได้ดีอย่างแน่นอน
สเปก Klipsch THE THREE PLUS
- POWER 120W
- ไดรเวอร์ Full Range ขนาด 2.25 นิ้ว x2
- ไดรเวอร์ High Excursion Woofer ขนาด 5.25 นิ้ว
- ระบบเสียง Stereo 2.1
- ระยะการเชื่อมต่อ 12 เมตร
- Comtrol Knob ควบคุมง่าย ๆ เพียงแค่หมุน
- FREQUENCY RESPONSE 45Hz - 20kHz
- รองรับ Bluetooth 5.3
- ใช้งานร่วมกับแอป Klipsch Connect
- เลือกได้ 2 สี Walnut, Matte Black
- ขนาด(กว้าง x ยาว x สูง) 35.5 x 17.8 x 21.3 ซม.
- น้ำหนัก 4.8 กิโลกรัม
ข้อดี
- รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันสูงสุด 8 อุปกรณ์
ข้อควรรู้
- ไม่มีแบตเตอรี่ทำให้หากพกไปข้างนอกต้องหาปลั๊กไปพ่วงใช้งาน
Marshall
ราคาเริ่มต้นที่ 12,990 บาท
ที่มา : marshall.com
ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดีหากขาดแบรนด์ Marshall ไปได้อย่างไร เพราะตัวแบรนด์นี้สร้างชื่อในวงการลำโพงมายาวนานกว่า 60 ปี พร้อมกับรูปลักษณ์ที่มองเพียงหางตาก็รู้ได้ทันที เรื่องสเปกด้านในก็ไม่ต้องห่วงเพราะเขาจัดเต็มมาในทุกรุ่น และสำหรับคนที่อยากได้แบบพกพาก็ต้องลองรุ่น Middleton ที่มีขนาดกำลังดี ถือมือเดียวได้แบบเท่ ๆ พร้อมด้วยสายคล้องที่ทำให้ติดตัวไปได้อย่างสะดวก แน่นอนว่าเรื่องของเสียงเองก็จัดเต็ม รับฟังทุกเพลงได้อย่างไพเราะ
สเปก Marshall Middleton
- FREQUENCY RANGE 50 HZ-20,000 HZ
- ระบบเสียง STEREO
- ดีไซน์สุดคลาสสิคสไตล์เฉพาะ Marshall
- ไดรเวอร์ DYNAMIC
- Stack Mode เพิ่มความกระหึ่มของเสียง
- สายคล้องด้านข้างสำหรับพกพา
- ระยะเชื่อมต่อ 10 เมตร
- ปุ่มกดและ Control Knob เพื่อการควบคุมที่สะดวก
- กันน้ำกันฝุ่น IP67
- รองรับ BLUETOOTH 5.1
- ใช้งานได้นาน 20+ ชั่วโมง
- ขนาด 10.9 X 23 X 9.5 ซม.
- น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม
ข้อดี
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 พร้อมลุยได้ทุกที่
ข้อควรรู้
- ใช้เวลาชาร์จ 4.5 ชั่วโมงถึงจะเต็ม
Harman Kardon
ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท
ที่มา : harmankardon.com
Harman Kardon คืออีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำที่โดดเด่นไม่แพ้แบรนด์ใดในเรื่องของเครื่องเสียงที่เป็นที่ยอมรับของนักฟังเพลงหลาย ๆ คน ตัวลำโพงมาพร้อมกับเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ที่จะมอบอรรถรสในการรับฟังได้อย่างเด็มที่ ซึ่งรุ่นที่เราอยากแนะนำนั้นก็ได้แก่ Go + Play 3 ที่มาพร้อมกับหูจับขนาดใหญ่สำหรับการถือไปใช้งานนอกสถานที่ และยังมีความแข็งแกร่งด้วยตัววัสดุที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่กระจกนิรภัยที่ตัวหัวลำโพง สามารถรองรับการชาร์จไวเพื่อให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
สเปก Harman Kardon Go + Play 3
- Frequency response 43 Hz – 20 kHz (-6 dB)
- แรงขับ 160 W RMS
- มีไมโครโฟน Far-Field 2 ตัว
- ไดรเวอร์ภายในมีถึง 5 ตัว
- ระบบขับเสียงแบบ 3 ทาง
- ใช้งานระบบสัมผัส
- ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร
- รองรับ Bluetooth 5.2
- ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง
- รองรับการชาร์จไว
- แผงควบคุมสัมผัสครอบด้วยกระจกนิรภัย
- ขนาด(WxHxD) 43.9 x 19.2 x 24 ซม.
- น้ำหนัก 4.7 กิโลกรัม
ข้อดี
- สามารถปรับจูนเสียงให้เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติได้
ข้อควรรู้
- แม้จะมีหูจับแต่น้ำหนักค่อนข้างมากไม่เหมาะถือนาน ๆ
JBL
ราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท
ที่มา : jblthailand.com
อีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในไทยอย่าง JBL ที่มาพร้อมกับการสร้างท่วงทำนองและจังหวะที่หนักแน่น แต่งเติมบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ยิ่งลำโพงบลูทูธของแบรนด์นี้ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์สวยงาม และขีดสุดของความสวยงามที่หาคนมาล้มได้อย่าง PULSE 5 นั้นก็ต้องบอกว่าคุ้มค่ามาก ๆ กับคนที่อยากได้ลำโพงพกพามาใช้งานรวมไปถึงตกแต่งห้อง ด้วยแสงไฟที่จัดเต็ม พร้อมกับสร้างแสงตามจังหวะของเพลงได้อีก ซึ่งทำให้กลายเป็นพระเอกในงานปาร์ตี้หรือสร้างความสวยให้ห้องในยามค่ำคืนอย่างแน่นอน
สเปก JBL PULSE 5
- การตอบสนองความถี่ 58Hz - 20,000Hz
- กำลังขับเฉลี่ย 40W RMS
- ดีไซน์แบบแท่งแก้วใส
- ไฟรอบตัว 360 องศา
- แต่งไฟได้ 6 รูปแบบ
- ระดับการกันฝุ่นกันน้ำ IP67
- รองรับ Bluetooth 5.3
- ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง
- รองรับแอป JBL Portable
- เชื่อมต่อระยะ 10 เมตร
- ขนาด(กว้าง x ยาว x สูง) 10.7 x 21.6 x 13.2 ซม.
- น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม
ข้อดี
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
ข้อควรรู้
- ไม่มีปุ่มปรับวอลลุ่มบนตัวลำโพง
TRIBIT
ราคาเริ่มต้นที่ 1,990 บาท
ที่มา : tribit.com
TRIBIT พร้อมมอบลำโพงพกพาที่อัดแน่นเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่จะสร้างเสียงให้ออกมาอย่างสูงที่สุด พร้อมกับการออกไปลุยกับคุณได้ในทุกที่ ซึ่งใครที่อยากจะได้ลำโพงแบบสะเทือนน้ำสะเทือนบก บุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาได้ครบแล้วละก็ StormBox Micro 2 ตัวนี้จะตอบสนองความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี ด้วยสายคาดด้านหลังที่จะช่วยยึดเกาะให้ตัวลำโพงติดได้ไม่ว่าจะเป็นแฮนด์มอเตอร์ไซร์หรือจักรยาน จะเอาติดไว้ที่กระเป๋าระหว่างก็ทำได้อย่างสบาย และความพิเศษที่หาจากที่ไหนไม่ได้นั้นก็คือตัวลำโพงสามารถเป็นพาวเวอร์แบงค์ได้อีกด้วย
สเปก TRIBIT StormBox Micro 2
- การตอบสนองความถี่ 70Hz - 20,000Hz
- สามารถจับคู่ลำโพงสองตัวเป็นระบบเสียงสเตอริโอ
- กำลังขับเสียง 10W
- รองรับ Bluetooth 5.3
- มีไมโครโฟนภายในตัว
- เทคโนโลยี XBASS ขับเสียงเบสได้แน่น
- กันฝุ่นกันน้ำในระดับ IP67
- ใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง
- รองรับการสั่งการด้วยเสียง
- ไดรเวอร์ขับเสียง NdFeB ขนาด 48 มม.
- สายคาดด้านหลังเพื่อติดตั้งกับที่ต่าง ๆ
- รองรับแอปพลิเคชัน Tribit
- ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 9.98 x 9.98 x 4.29 ซม.
- น้ำหนัก 315 กรัม
ข้อดี
- ตัวลำโพงสามารถใช้งานเป็นพาวเวอร์แบงค์ได้
ข้อควรรู้
- ช่องสายชาร์จไม่มีฝาปิด
Tronsmart
ราคาเริ่มต้นที่ 1,490 บาท
ที่มา : tronsmart.com
Tronsmart คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่มักจะได้รับการแนะนำหากว่ามีคนกำลังตามหาลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ด้วยตัวลำโพงที่สามารถเลือกได้มากมายหลายขนาด สามารถตอบโจทย์การฟังได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่จะทำให้พร้อมบุกตะลุยไปกับคุณในทุกที่ ซึ่งใครที่อยากได้ลำโพงจากแบรนด์นี้พร้อมด้วยขนาดที่พกพาง่าย ตัวรุ่น T7 Lite นี้ขอแนะนำเลย เพราะนอกจากรูปทรงกระบอกที่จับได้ง่ายดายแล้ว ยังมาพร้อมกับความสวยงามของไฟ RGB ที่หัวท้ายและยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าอึด ถึก ทนแบบสุด ๆ
สเปก Tronsmart T7 Lite
- ใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง
- รองรับ Bluetooth 5.3
- ระดับป้องกันน้ำอยู่ที่ IPX7
- ไฟ RGB ที่ส่วนหัวและท้ายของลำโพง
- กำลังขับเสียง 24W
- Frequency Range 60Hz – 20kHz
- รองรับการเล่นเพลงจาก TF Card
- ระยะการเชื่อมต่อ 15 เมตร
- มีไมโครโฟนภายในตัว
- Punchy Bass เบสหนักแน่น
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ตัว
- สายคาดเพื่อการถือได้อย่างถนัด
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
- รองรับการใช้งานกับแอป Tronsmart App
- ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 7.2x7.2x19.5
- น้ำหนัก 470 กรัม
ข้อดี
- รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์ได้
ข้อควรรู้
- ไม่มีมาตรฐานกันฝุ่น
Bose
ราคาเริ่มต้นที่ 6,490 บาท
ที่มา : bose.com
สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงจากลำโพงก็คงต้องเคยได้ยินหรือเห็น Bose อีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำของโลกมาอย่างแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งก็ต้องขอบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่จะตอบสนองการฟังเพลงของคุณได้อย่างเต็มอรรถรสอย่างแน่นอน และถ้าอยากได้รุ่นที่พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกก็ต้องมองมาที่ SoundLink Flex ที่มีขนาดกะทัดรัดหยิบใส่กระเป๋าถือยังได้ พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่นำไปฟังเพลงได้ทุกที่แม้แต่ข้างสระน้ำ เพราะรุ่นนี้มีคุณสมบัติสำหรับการกันน้ำ และยังเลือกใช้งานได้หลายสี เพื่อให้ได้สีสันที่ถูกใจ
สเปก Bose SoundLink Flex
- ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาได้สะดวก
- เทคโนโลยี PositionIQ ปรับเสียงตามทิศทางอัตโนมัติ
- ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง
- Bluetooth 4.2
- ระดับการกันฝุ่นกันน้ำ IP67
- รองรับการใช้งานร่วมกัน 2 ตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเสียง
- ตะแกรงด้านหน้าทำจากโลหะเคลือบ Powder-coated
- ตัวเครืองด้านนอกเคลือบซิลิโคน
- มีไมโครโฟนภายในตัว
- ระยะเชื่อมต่อ 9 เมตร
- ใช้งานร่วมกับแอป Bose Connect
- ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 9.04 x 20.14 x 5.23 ซม.
- น้ำหนัก 589 กรัม
ข้อดี
- ไดร์เวอร์ออกแบบพิเศษเฉพาะจำนวน 2 ตัว
ข้อควรรู้
- ไม่สามารถสั่งการแบบเสียงได้
B&O
ราคาเริ่มต้นที่ 47,900 บาท
ที่มา : bang-olufsen.com
แบรนด์ Bang & Olufsen หรือที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า B&O นั้นเป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่มาพร้อมกับความพรีเมียม ลำโพงแต่ละตัวของแบรนด์นี้จึงมีความเป็นไฮเอนด์ที่ลงตัวไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเสียง ดีไซน์ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่จะทำให้เสียงออกมานั้นไพเราะจนกลายเป็นหูเคลือบทอง และสำหรับตัวที่นำมาแนะนำของแบรนด์นี้ก็คือรุ่น BEOSOUND A5 ที่มาในรูปทรงแบบตะกร้า ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ลงตัวไปหมดไม่ว่าจะวางไว้ที่บ้านหรือหยิบออกไปใช้งานข้างนอก พร้อมทั้งให้เสียงกระหึ่มได้ยินอย่างชัดเจนในทุกย่านตามแบบฉบับของ B&O
สเปก B&O BEOSOUND A5
- Bluetooth 5.3
- การตอบสนองความถี่ 32 - 23,000 Hz
- ระดับกันฝุ่นกันน้ำ IP65
- กำลังขับสูงสุด 280W
- ปล่อยเสียงได้ 360 องศา
- ปุ่มควบคุมใช้งานสะดวก
- รองรับการใช้งานแอป Bang & Olufsen App
- ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง
- หูจับสามารถถือได้อย่างสะดวก
- เชื่อมต่อพร้อมกันได้หลายอุปกรณ์
- ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 28.5x18.7x13
- น้ำหนัก 3.7 กิโลกรัม
ข้อดี
- สามารถใช้งานเป็นพาวเวอร์แบงค์ไร้สายได้
ข้อควรรู้
- ไม่รองรับการระบบเสียง aptX และ Hi-Res Audio
Devialet
ราคาเริ่มต้นที่ 33,990 บาท
ที่มา : devialet.com
ขอจบลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ด้วยลำโพงไฮเอนด์อีกสักแบรนด์ นั่นก็คือ Devialet แบรนด์ที่ได้ชื่อว่ามีลำโพงที่ราคาแรงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลกจากเมืองน้ำหอม ซึ่งไม่เพียงแค่ราคาที่แรงเท่านั้น แต่ตัวเสียงก็ยังมอบความดื่มด่ำ เต็มอรรถรสเข้าถึงอารมณ์ในการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี โดยตัว Devialet Mania นั้นก็มาพร้อมกับรูปทรงที่หรูหรา จะมองมุมไหนก็สวยงาม ให้เสียงในระบบสเตอริโอ 360 องศา มีให้เลือกมากมายหลายสี รวมทั้งยังพึ่งออกตัว Exclusive Edition ที่ได้เปิดตัวในงาน Fendi Fall-Winter 2024 นี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นลำโพงบลูทูธที่สุดแสนจะไฮเอนด์จริง ๆ
สเปก Devialet Mania
การตอบสนองความถี่ 30Hz - 20,000Hz
Bluetooth 5.0
ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร
กระจายเสียงสเตอริโอ 360 องศา
เทคโนโลยี ASC ปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ระดับการกันน้ำ IPX4
ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง
รองรับการใช้งานผ่านแอป Devialet
รองรับระบบเชื่อมต่อแบบ Multiroom
รองรับระบบผู้ช่วยเสียง Amazon Alexa
เลือกได้หลายสี
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) 17.6x19.3x13.9 ซม.
- น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม
ข้อดี
- สามารถปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของพื้นที่โดยอัตโนมัติ
ข้อควรรู้
- เป็นลำโพงไฮเอนด์ที่ไม่สามารถกันฝุ่นได้
และนี่ก็คือ 10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่นำมาแนะนำให้ได้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังตามหาลำโพงบลูทูธมาใช้งาน แต่ละแบรนด์นั้นต่างก็มีความโดดเด่นที่ไม่ซ้ำกัน พร้อมด้วยตัวเสียงที่ส่งออกมาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ เพื่อให้ดื่มด่ำกับการฟังเพลงได้แบบทุกที่ทุกเวลา ใครที่สนใจก็ลองไปหาซื้อมาใช้งานได้ เพื่อให้โลกดนตรีของคุณนั้นอยู่กับคุณทุกที่ทุกเวลา
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ