ในขณะที่ Netflix เดินกลยุทธ์ผลิตคอนเทนต์ขึ้นมาเองเพื่อฉายบนแพลตฟอร์ม ทำให้ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาคอนเทนต์จากผู้ผลิตรายอื่น และคอนเทนต์เหล่านั้นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี จนดูเหมือนว่า Netflix เลือกเดินถูกทาง แต่ผลสำรวจกลับให้มุมมองที่ตรงกันข้าม
บริษัทวิจัย 7Park Data เปิดเผยผลสำรวจผู้ชม Netflix ในอเมริกาพบว่าคอนเทนต์ที่กลุ่มตัวอย่างเลือกชม 80% คือซีรี่ส์ที่เคยฉายทางโทรทัศน์มาแล้ว ส่วน 20% เป็นคอนเทนต์ที่ Netflix ผลิตเพื่อฉายบนแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ โดยซีรี่ส์ที่ฉายทางโทรทัศน์ซึ่งมีคนดูย้อนหลังบน Netflix สูง อาทิ Breaking Bad, Grey’s Anatomy, The Blacklist, Criminal Minds, Friends
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix กล่าวบนเวทีในงาน TED 2018 ที่เมือง Vancouver โดยพูดถึงเงินลงทุนที่เตรียมไว้สำหรับการผลิตคอนเทนต์ในปีนี้ 8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนจะเยอะมาก แต่เขายืนยันว่ายังไม่พอด้วยซ้ำ
Hastings บอกว่างบ 8 พันล้านดอลลาร์นี้เทียบเท่ากับเงินที่บริษัทระดับดิสนีย์ใช้ต่อไป แต่เงินของ Netflix นั้นลงทุนกับคอนเทนต์เพื่อขายไปทั่วโลกมันจึงไม่ได้เยอะมากเลย เขายังบอกว่าทุกวันนี้ยังมีรายการโทรทัศน์ที่ดีในช่องต่างๆ อยู่ทั่วโลก Netflix จึงยังมีพื้นที่ให้เติบโตอยู่อีกมาก
สุดท้ายเขาบอกแบบไม่มีกั๊กว่า ตัวเขาชอบการแข่งขัน และการอยากเอาชนะดิสนีย์ และ HBO ให้ได้ ก็ทำให้เขาพยายามอย่างหนักจนมาถึงจุดนี้ได้
Netflix ถูกสั่งแบน ไม่ให้เข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เนื่องด้วยการฉายในโรงพร้อมกับบนแพลตฟอร์ม ทว่า Netflix ยังคงสามารถส่งภาพยนตร์มาฉายภายในงานได้อยู่
ด้วยเหตุดังกล่าวTed Sarandos หัวหน้าฝ่ายคอนเทนท์ของ Netflix ให้สัมภาษณ์ว่า Netflix จะถอนตัวจากการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพราะเมื่อไม่สามารถส่งเข้าร่วมประกวดได้ ก็ไม่เห็นประโยชน์ในการส่งภาพยนตร์ไปฉายในงาน รวมถึงหากยังนำไปฉาย ก็เหมือนทำให้ตัวภาพยนตร์และทีมงานสร้างถูกดูหมิ่นจากฝ่ายจัดงานกลายๆ
ที่มา - CGTN
ในมุมของผู้ใช้ Netflix อาจมองว่าแพลตฟอร์มสามารถทำการสื่อสารแนะนำซีรี่ส์ได้จบในตัวเอง แต่อาจไม่เป็นเช่นนั้น โดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Netflix ได้ยื่นข้อเสนอของซื้อกิจการบริษัท Regency Outdoor Advertising ด้วยมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทนี้เป็นเจ้าของป้ายโฆษณาบิลบอร์ดกลางแจ้งหลายแห่งในลอสแอนเจลิส ที่ตั้งของฮอลลีวู้ด ศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิงอเมริกา
มูลค่าในการเสนอซื้อบริษัทอาจจะคุ้มค่า เพราะปีที่ผ่านมา Netflix ใช้เงินกับการทำการตลาดซีรี่ส์ไปกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งกิจกรรมหนึ่งคือการซื้อป้ายบิลบอร์ดโปรโมตซีรี่ส์อย่าง Stranger Things และ The Crown
Capital สื่อฝรั่งเศสรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่า Netflix กำลังเจรจาซื้อ Europa Corp สตูดิโอที่ก่อตั้งโดยลุค แบซง (Luc Besson) ผู้กำกับชื่อดัง และ Pierre-Ange Le Pogam ซึ่งการเจรจาสำเร็จ แบซง จะยังดูแล Europa และคุมงานด้านสร้างสรรค์
การซื้อสตูดิโอใหญ่มาเสริมทัพถือเป็นตัวเลือกที่เข้าใจได้สำหรับ Netflix ที่มีแผนจะสร้างออริจินัลคอนเทนท์เป็นตัวยืนบนแพลตฟอร์มมากกว่าจะพึ่งพาคอเนทท์หนังโรงจากค่ายอื่นๆ
Europa เป็นสตูดิโอที่ทำหนังดังๆ หลายเรื่องอาทิ Taken, Lucy, The Transporter
ที่มา - The Playlist
Theirry Fremaux หัวหน้าฝ่ายจัดงานเทศภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส งานเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับสูง เปิดเผยว่าภาพยนตร์ทั้งหมดที่ผลิตโดย Netflix จะไม่มีสิทธิเข้าร่วมการประกวดชิงรางวัลใดๆ อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เหล่านั้นยังสามารถฉายในงานได้
ปัญหาเกิดจากวิธีเผยแพร่ภาพยนตร์ของ Netflix ที่ต้องการให้มีภาพยนตร์ฉายพร้อมกันทั้งในโรงภาพยนตร์ และบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ขณะที่แนวทางของคานส์ต้องการให้ฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์ก่อนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ค่อยนำไปลงในสตรีมมิ่ง (Amazon Prime ปฏิบัติตามเงื่อนไขนี้)
เราคงเห็นกันแล้วว่าบริษัทใหญ่ๆ มักชูเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการมีฟอนต์ของตนเองแล้วเอามาใช้ในโฆษณา, เว็บไซต์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่นแอปเปิลก็มี San Francisco ที่เริ่มใช้จาก Apple Watch ก่อนจะมาถึง iOS และ OS X ในภายหลัง, ซัมซุงก็มีฟอนต์ชื่อ SamsungOne , กูเกิลก็มี Roboto และ Product Sans ในขณะที่ไมโครซอฟท์ใช้ Segoe
ก่อนหน้านี้ Netflix ใช้ฟอนต์ชื่อ Gotham ในการโฆษณาต่างๆ แต่ก็เป็นเพียงฟอนต์ที่ซื้อสิทธิ์การใช้งานมา ใครก็สามารถจ่ายเงินซื้อมาใช้ได้ Netflix เลยตัดสินใจพัฒนาฟอนต์ของตัวเองในชื่อ Netflix Sans ด้วยเหตุผล 2 อย่างคือเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ และลดค่าใช้จ่ายในการใช้ฟอนต์ Gotham เนื่องจากระยะหลัง Netflix ขยายธุรกิจไปหลายประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายตรงนี้สูงขึ้นมาก การมีฟอนต์ของตัวเองจึงลดค่าใช้จ่ายไปได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ชมภาพตัวอย่างการใช้งานของฟอนต์ใหม่นี้ได้ท้ายข่าวครับ
Netflix ได้เปิดตัวโครงการ bug bounty โครงการรายงานช่องโหว่พร้อมจ่ายเงินเป็นรางวัลสำหรับบุคคลทั่วไปอย่างเป็นทางการ เพื่อให้นักวิจัยความปลอดภัยสนใจการหาช่องโหว่ของ Netflix มากขึ้น โดย Netflix เลือกใช้แพลตฟอร์มของ Bugcrowd ในโครงการ bug bounty นี้
Netflix มีโครงการ bug bounty มาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยังคงรับรายงานในวงจำกัด โดย Netflix ได้รับแจ้งช่องโหว่ทั้งหมด 275 ครั้ง และเป็นช่องโหว่จริง ๆ กว่า 145 ครั้ง มีความร้ายแรงหลายระดับ ซึ่งการรับรายงานช่องโหว่ทำให้ Netflix สามารถตรวจสอบระบบและปรับปรุงความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น
Eddy Cue รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์และบริการอินเทอร์เน็ตของแอปเปิล ขึ้นเวทีให้สัมภาษณ์ในงาน SXSW (South by Southwest) ให้การถามตอบในหลายประเด็น โดยเฉพาะกลยุทธ์การพัฒนาคอนเทนต์ของแอปเปิล
Cue เริ่มด้วยที่มาที่ไปของดีลซื้อกิจการแอพ อ่านนิตยสาร Texture ว่าแอปเปิลต้องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพ และเนื่องจากแอปเปิลไม่ได้โฟกัสการทำเงินจากโฆษณา จึงไม่ต้องเสนอข่าวที่ผู้อ่าน อยากอ่านแต่สามารถนำเสนอข่าวที่ผู้อ่าน ควรได้อ่านมากกว่า
Obama เคยมาปรากฎเป็นแขกในรายการ My Next Guest บน Netflix ไปแล้ว ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐมาปรากฎตัวในรายการสตรีมมิ่งออนไลน์ และล่าสุดดูเหมือนจะไม่หยุดแค่นั้น เมื่อ The New York Times รายงานว่า Obama เตรียมจะออกในรายการหรือสารคดีบน Netflix อีกตัว
รายละเอียดของรายการยังไม่ได้ข้อสรุป แต่แหล่งข้อมูลของ New York Times ระบุว่าเนื้อหาน่าจะออกมาในเชิงให้แรงบันดาลใจ ซึ่งสะท้อนจากช่วงเวลา 8 ปีที่ Obama เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รวมไปถึงจะม่ีเรื่องราวของ Michelle Obama ในช่วงที่เธอเป็นสตรีหมายเลข 1 ด้วย
ที่มา - The New York Times
Greg Peters หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Netflix เปิดเผยตัวเลขสถิติผู้ใช้งาน โดยบอกว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา Netflix ได้ให้บริการสตรีมเนื้อหาลงอุปกรณ์มากถึง 450 ล้านเครื่อง ซึ่งเมื่อหารด้วยจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ 117 ล้านคน เท่ากับเฉลี่ยแล้วแต่ละคนจะสตรีมเนื้อหาผ่านอุปกรณ์ที่แตกต่างกันถึง 3.9 เครื่อง
Peters บอกว่าอุปกรณ์ที่สมาชิกส่วนใหญ่เลือกใช้ดูเนื้อหาก็คือโทรทัศน์ แต่ในรายละเอียดแล้วอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่
ปัจจุบัน Netflix มีการพัฒนาเนื้อหาขึ้นมาเอง (Original Content) โดยตอนนี้มีถึง 20 ประเทศ ซึ่ง Peters บอกว่าภาษาที่แตกต่างกันไม่ใช่กำแพงอีกต่อไป พิสูจน์ได้จากซีรี่ส์ของเยอรมันเรื่อง Dark ที่ตอนนี้ผู้ชมมากกว่า 90% อยู่นอกเยอรมัน
Netflix ได้รายงานผลประกอบการของ ไตรมาส 4/2017 ซึ่งมีการเติบโตสูง จำนวนสมาชิกยังคงเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ราคาหุ้น Netflix ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตลอดตั้งแต่รายงานผลประกอบการ
ตอนนี้มูลค่ากิจการ Netflix อยู่ที่ราว 141,000 ล้านดอลลาร์ ตามราคาหุ้นล่าสุด ซึ่งเปรียบเทียบขนาดความใหญ่แล้ว ตอนนี้ Netflix มีมูลค่าสูงกว่า McDonald's หรือ General Electric ไปเรียบร้อยแล้ว ในกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่ากิจการสูง Netflix ก็ใกล้จะแซง IBM แล้วด้วย
ทวิตเตอร์บัญชีทางการของ Black Mirror เผยทีเซอร์ใหม่โดยระบุว่า ซีรีส์ Black Mirror จะกลับมาอีกครั้งบน Netflix แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเข้าวันไหน
Black Mirror เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ประสบความสำเร็จของ Netflix ตัวซีรีส์เป็นแนวไซ-ไฟ เล่าเรื่องราวด้านมืดของเทคโนโลยี เนื้อหาจบในตอน Black Mirror มี 4 ซีซั่นแล้วแต่เพิ่งจะได้เข้ามาฉายบน Netflix ในซีซั่นที่ 3 โดยในซีซั่นล่าสุดมีเล่าเรื่องราวของแอพหาคู่ ความทรงจำแบบดิจิทัล
Netflix ในระยะหลังนี้มีซีรีส์ไซ-ไฟ เทคโนโลยีค่อนข้างมาก เช่น Altered Carbon, Mute และ Lost in Space เป็นต้น
Icarus หนังสารคดีที่ได้สิทธิ์เผยแพร่บน Netflix ได้รางวัลสารคดียอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ และถือเป็นครั้งแรกของ Netflix บนเวทีนี้ด้วย
Icarus เล่าเรื่องราวของนักปั่นจักรยานชาวรัสเซียที่เข้าไปพัวพันกับสารกระตุ้นนำไปสู่การถูกแบนเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว 2018 เป็นเรื่องอื้อฉาวมากในวงการกีฬา ในขณะเดียวกัน Mudbound หนังของ Netflix เช่นกัน มีชื่อเข้าชิงถึง 4 รางวัล คือ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Mary J. Blige), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, เพลงต้นฉบับยอดเยี่ยม และ กำกับภาพยอดเยี่ยม แต่ก็เป็นหนังเรื่อง Icarus ที่ได้รางวัลไป
Netflix ยังคงเดินหน้าดึงลูกค้าด้วยออริจินัลคอนเทนท์ต่อไป เมื่อ David Wells ซีเอฟโอ Netflix เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีคอนเทนท์ออริจินัลรวมกันทั้งหมด 700 ชิ้นไม่ว่าจะภาพยนตร์ ซีรีส์หรือรายการต่างๆ คิดเป็นเงินลงทุนราว 8 พันล้านเหรียญ
Wells บอกว่าออริจินัลคอนเทนท์ใหม่ในปีนี้จะมีถึง 80 ชิ้นที่ถูกผลิตนอกสหรัฐ (อย่างเรื่อง Dark ที่เป็นซีรีย์สัญชาติเยอรมนี) และสาเหตุที่ยังคงเดินหน้าในแนวทางนี้ เพราะออริจินัลคอนเทนท์ยังคงดึงลูกค้าใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องและทำให้บริษัทเติบโตได้อยู่
ซีรีส์ภาษาต่างประเทศที่ฉายบน Netflix มีหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงชื่นชม หนึ่งในนั้นคือ El Chapo สร้างจากเรื่องจริงของพ่อค้ายาเสพติดที่เรืองอำนาจสูงสุด โดยมี Univision สถานีโทรทัศน์ภาษาสเปนในอเมริกาเป็นพาร์ทเนอร์กับ Netflix ในการฉายซีรีส์ El Chapo ล่าสุดทั้งสองบริษัทร่วมมือกันจะทำซีรีส์ออกมาอีกอย่างน้อย 5 เรื่อง
แผนระยะแรกเริ่มจากทำ Tijuana ซีรีส์สเปนแนวดราม่าการเมือง คอร์รัปชั่นที่นักข่าวสืบสวนเจอเครือข่ายคอร์รัปชั่นใหญ่ Tijuana จะเริ่มถ่ายทำในเดือนเมษายนนี้ ได้ Daniel Posada โปรดิวเซอร์ของ El Chapo มาทำเรื่องนี้ด้วย และใช้โมเดลเดียวกันกับ El Chapo คือ ฉายในช่อง Univision ก่อนแล้วค่อยนำมาลงฉายใน Netflix
การร่วมมือของทั้งสองบริษัทตอบโจทย์กลยุทธ์ที่มีมาอย่างยาวนานของ Netflix คือ เข้าถึงคนดูให้มากที่สุด และเป็นโอกาสของคอนเทนต์ซีรีส์ภาษาสเปนให้ออกสู่สายตาคนทั่วโลกนอกเหนือจากสหรัฐฯ
หลังจาก Google เพิ่มความสามารถให้ Google แยกแยะเสียงผู้ใช้งานได้สูงสุด 6 คน โดยโปรไฟล์ต่างๆ อาทิ อีเมล, ปฏิทินและกำหนดการณ์ต่างๆ ก็จะถูกแยกไปตามผู้ใช้ ล่าสุดความสามารถแยกแยะโปรไฟล์สามารถใช้กับแอคเคาท์ Netflix ได้แล้ว
ลักษณะการทำงานก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อผู้ใช้สั่งเปิด Netflix ผ่าน Chromecast ตัว Google Assistant ก็จะวิเคราะห์เสียงและเปิดบัญชี Netflix ของผู้ใช้คนนั้นๆ ขึ้นมาให้ ส่วนการตั้งค่าต้องเข้าไปที่แอป Google Home > More Setting > Videos and Photos > Manage Profile และเชื่อมบัญชี Netflix
จากข่าว ดิสนีย์เตรียมทำสตรีมมิ่งของตัวเอง โดยถอนคอนเทนท์ออกจาก Netflix ไปแล้ว และด้วยคลังคอนเทนท์มหาศาลของดิสนีย์ทำให้หลายฝ่ายมองว่า บริการสตรีมมิ่งของดิสนีย์อาจจะออกมาฆ่า Netflix ก็ได้
Reed Hastings ซีอีโอของ Netflix กลับมองในแง่ดีว่าเมื่อดิสนีย์เปิดให้บริการ ต่างฝ่ายต่างจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเติบโตไปด้วยในธุรกิจนี้ ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ธุรกิจ VoD โดยรวมเติบโตเร็วขึ้นจากการแข่งขันที่เข้มข้น เขาคาดด้วยว่าบริการของดิสนีย์จะประสบควาสำเร็จแน่นอน จากทั้งความเข้มแข็งของแบรนด์และความนิยมในแฟรนไชส์ต่างๆ ที่ดิสนีย์ถือไว้
Netflix รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 4 ปี 2017 จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 8.33 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดภายในไตรมาสเดียว ทำให้มีสมาชิกทั่วโลกรวมแล้ว 117.58 ล้านคน โดย 8.33 ล้านคนที่เพิ่มมานี้แบ่งเป็น ในอเมริกา 1.98 ล้านคน และนอกอเมริกา 6.36 ล้านคน
รายได้รวมอยู่ที่ 3,286 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32.6% จาก ช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 186 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Netflix ยังบอกว่าปี 2017 นี้ ถือเป็นปีแรกที่ธุรกิจนอกอเมริกา สามารถทำกำไรขั้นต้นได้เป็นครั้งแรก จากที่ก่อนหน้านี้ขาดทุนมาตลอด
เมื่อปลายปีที่แล้ว Netflix ประกาศว่าได้เพิ่มความสามารถให้กับแอพบน Windows 10 และเว็บกรณีที่เปิดผ่านเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ให้รองรับการเล่นวิดีโอ HDR (High Dynamic Range) เรียบร้อยแล้ว
โดยผู้ใช้บริการ Netflix ระดับ premium plan จะสามารถรับชมเนื้อหา HDR ได้ผ่านพีซีที่สามารถถอดรหัสวิดีโอมาตรฐาน HDR10 ซึ่งต้องใช้ซีพียู Intel รุ่นที่ 7 หรือใหม่กว่าร่วมกับจีพียูรุ่นใหม่ของ Intel หรือ Nvidia ที่สามารถให้สี RGB ที่มีช่วงกว้างได้ถึงระดับ 10 bit ต่อสี
(ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Netflix จะรองรับซีพียูและจีพียูของค่าย AMD หรือไม่)
- Read more about Netflix บน Windows 10 รองรับวิดีโอ HDR แล้ว
- 8 comments
- Log in or register to post comments
คนแถวนี้คงพอทราบอยู่แล้วว่า Netflix มีการเก็บข้อมูลผู้ชมภาพยนตร์และซีรี่ส์ เพื่อนำมาใช้พัฒนาคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่น่าจะทำให้ผู้ชมถูกใจ รวมทั้งใช้แนะนำคอนเทนต์อื่นที่น่าสนใจสำหรับแต่ละบุคคล แต่ Netflix มีการทดลองที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น นั่นคือการเลือกแบนเนอร์กราฟิกที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อทำให้เราตัดสินใจชมคอนเทนต์นั้นๆ ง่ายขึ้นด้วย
Netflix อธิบายกระบวนการนี้ในบล็อกของบริษัท บอกว่าการค้นหาคอนเทนต์ที่แต่ละคนน่าจะถูกใจนั่นคือสิ่งที่ Netflix ทำได้แล้ว งานถัดไปจึงเป็นการพยายามชักจูงให้เราตัดสินใจชมคอนเทนต์นั้นให้ได้ โดยเฉพาะกับเนื้อเรื่องที่คนนั้นไม่ค่อยคุ้น โดยนำเสนอด้วยภาพกราฟิกที่เหมาะกับแต่ละคน เช่น ภาพฉากการกระทำตัวละครที่น่าจะตรงใจเรามากขึ้น, ภาพนักแสดงที่เราน่าจะคุ้นเคย เป็นต้น
นอกจาก Netflixจะเป็นเจ้าของแพล็ตฟอร์มสำหรับคอนเทนต์ออนไลน์แล้ว ในช่วงหลัง Netflix ได้ขยับมาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เองอย่างต่อเนื่อง เช่น Death Note (2017), Blame! หรือ Okja
ล่าสุด ในวันที่ 22 ธันวาคม 2017 Netflix ได้เปิดตัวภาพยนตร์แนวแอ็กชั่น-ทริลเลอร์เรื่องใหม่ล่าสุด Brightซึ่งสามารถรับชมได้พร้อมกันแล้วทั่วโลก และ จัดงานเปิดตัวในประเทศไทยที่โรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็กซ์ ห้างสยามพารากอน ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 22
เว็บไซต์ Ad Age รายงานว่า Amazon เตรียมทำ Amazon Prime Video แบบฟรีโดยมีโฆษณา หวังแข่งกับเจ้าใหญ่รายอื่นอย่าง Netflix, Hulu และ YouTube เต็มที่ จากที่ดู Prime Video ได้ต้องจ่าย 99 ดอลลาร์ต่อปีหรือ 10.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
การปรับมาเป็นเวอร์ชั่นฟรีไม่เพียงแข่งกับสตรีมมิ่งเจ้าอื่น แต่ยังเป็นความท้าทายต่อสื่อเก่าที่นับวันตัวเลขคนเสพสื่อดั้งเดิมจะลดน้อยลงทุกที ด้านตัวเลขเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Amazon ระบุว่ามีลูกค้าสหรัฐฯ 85 ล้านรายที่สมัครใช้บริการ Prime ด้าน Netflix มีผู้ใช้บริการประมาณ 50 ล้านราย ในขณะที่บรรดาบริษัทเคเบิลทีวี มีจำนวนประมาณ 48.6 ล้านรายทั่วประเทศ (ตัวเลขจากหลายบริษัทรวมกัน)
ในบ้านเรากระแสการใช้ของถูกลิขสิทธิ์อย่างเกมอาจจะกำลังเป็นไปในทิศทางบวก แต่กับภาพยนตร์ถูกลิขสิทธิ์ที่ถึงแม้จะมีตัวเลือกมากขึ้น ก็ยังดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก ซึ่งสถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์หนังกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในบราซิลเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในบราซิลอาจะดูดีขึ้นมาบ้าง เมื่อ Google เผยรายงานการค้นหาภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มพบว่า ตั้งแต่พฤศจิกายน 2016 เป็นต้นมา การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ Netflix แซงหน้าช่องหน้าทางผิดลิขสิทธิ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเว็บเถื่อน, BitTorrent หรือแอปก็ตาม
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่บนแอนดรอยด์ Oreo คือ Picture-in-Picture ที่รองรับการเล่นวิดีโอขนาดเล็กแบบโอเวอร์เลย์เหนือแอปอื่น ซึ่งตอนแรกรองรับเฉพาะ YouTube เท่านั้น ล่าสุด Netflix อัพเดตแอปเวอร์ชันล่าสุดรองรับฟีเจอร์ดังกล่าวแล้วบนแอนดรอยด์ 8.1
ผู้ใช้ Nexus/Pixel ที่อยู่ในโครงการ Android Beta และได้รับ Android 8.1 Developer Preview จะต้องอัพเดตแอป Netflix เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนถึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้
ที่มา - Android Police