นักวิจัยความปลอดภัยคนหนึ่งเดินทางไป Berlin เพื่อร่วมงานสัมมนาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ เหมือนชะตาจงใจเล่นตลก เมื่อเขากลับมายังห้องพักที่โรงแรมแล้วพบว่าคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของเขาหายไป แต่รู้ทั้งรู้ว่ามีขโมยเข้ามาฉกของไปจากห้องที่ดูจะแล้วถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา เขากลับไม่พบร่องรอยการงัดแงะบุกรุก
เมื่องานเข้า เจ้าของแล็ปท็อปที่อันตรธานไปดื้อๆ เลยปรึกษากับ Timo Hirvonen และ Tomi Tuominen เพื่อนร่วมงานที่ทำงานให้ F-Secure เช่นเดียวกับเขา ซึ่ง 2 หนุ่มที่ปรึกษาก็คิดกันว่าห้องที่ดูจะถูกล็อกไว้แน่นหนานั้น อาจจะไม่ได้แน่นหนาอย่างที่คิด
ห้องพักของโรงแรมเจ้าปัญหานี้ใช้ระบบกุญแจห้องแบบอิเล็กทรอนิกส์ของ Assa Abloy ผู้ผลิตแม่กุญแจรายใหญ่ของโลก แขกผู้เข้าพักไม่จำเป็นต้องพกลูกกุญแจไว้เพื่อแทงไขเข้าห้อง สิ่งที่ต้องใช้มีเพียงการ์ด RFID ที่ถูกตั้งค่ามาสำหรับปลดล็อกกุญแจห้องพักที่ถูกกำหนดไว้อย่างถูกต้องเท่านั้น
เทคโนโลยีกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ถูกนำมาใช้กับระบบกุญแจล็อกห้องพักของโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก เพราะหากแขกผู้เข้าพักทำการ์ดหาย ก็เพียงทำการ์ดใบใหม่ โดยตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ให้ตรงกันกับชุดแม่กุญแจประตูห้องพัก ซึ่งทั้งสะดวกและมีต้นทุนถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับการใช้กุญแจเชิงกลที่จะต้องเปลี่ยนชุดอุปกรณ์ใหม่ทุกครั้งหากแขกทำลูกกุญแจหาย
และในบรรดากุญแจอิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้กันกับระบบล็อกห้องพักซึ่งมีทั้งการ์ดแถบแม่เหล็ก และการ์ด RFID จะพบว่าอย่างหลังสะดวกต่อการใช้งานกว่ามาก ทั้งนี้เป็นเพราะการ์ดแถบแม่เหล็กจำเป็นต้องอาศัยการรูดการ์ดอยู่เป็นระยะเพื่อช่วยให้แถบแม่เหล็กสามารถเก็บข้อมูลไว้ในการ์ดได้ตลอดเวลาที่แขกเข้าพักในโรงแรม
ปัญหาอยู่ตรงระบบการ์ด RFID ที่สามารถตั้งค่ารหัสผ่านได้ใหม่นี่เอง การตั้งค่ารหัสผ่านเพื่อปลดล็อกกุญแจประตูห้องนั้นมีรูปแบบวิธีการเฉพาะของมันอยู่ หากใครหรืออุปกรณ์ใดสามารถล่วงรู้และเข้าถึงกระบวนการตั้งค่าเหล่านั้นได้ ก็หมายความว่าคนผู้นั้นหรืออุปกรณ์นั้นสามารถสร้างมาสเตอร์คีย์ขึ้นมาใช้ได้นั่นเอง
2 หนุ่มแฮคเกอร์จาก F-Secure พบว่าระบบกุญแจของ Assa Abloy ซึ่งใช้ระบบซอฟต์แวร์กุญแจชื่อ Vision (พัฒนาโดยบริษัทภายนอกชื่อ VingCard) นั้นมีช่องโหว่ที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างมาสเตอร์คีย์ได้โดยอาศัยการดัดแปลงอุปกรณ์ที่ใช้ต้นทุนซื้อหามาด้วยเงิน "ไม่กี่ร้อยดอลลาร์" จากนั้นก็ใช้การ์ดกุญแจของห้องไหนก็ได้ของโรงแรมที่แฮคเกอร์ต้องการสะเดาะกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ (ไม่จำเป็นต้องเป็นการ์ดของห้องเป้าหมายโดยตรง) หรือจะใช้การ์ดกุญแจเก่าที่รหัสผ่านหมดอายุนานหลายปีแล้วก็ย่อมได้
ด้วยอุปกรณ์ที่พวกเขาซื้อมาทำการดัดแปลง มันสามารถวิเคราะห์รูปแบบการตั้งค่ารหัสผ่านของการ์ด RFID ได้ หลังจากนั้นแฮคเกอร์สามารถใช้ข้อมูลที่ได้ทำการ์ด RFID ใหม่กี่ใบก็ได้ ใช้ปลดล็อกห้องไหนก็ได้หมด
หลังการค้นคว้าและทดสอบจนพบช่องโหว่ของระบบซอฟต์แวร์ในกุญแจ Assa Abloy พวกเขาได้แจ้งให้ผู้ผลิตกุญแจรับทราบและแก้ไขระบบซอฟต์แวร์เสียใหม่ แต่ทางโรงแรมลูกค้าของ Assa Abloy ต้องติดตามอัพเดตซอฟต์แวร์กันอีกขนานใหญ่จึงจะมั่นใจได้ว่าห้องพักทุกห้องปลอดภัยไรกังวลว่าจะโดนแฮคเกอร์ใช้การ์ดกุญแจปลอมมาแอบเปิดห้องทำเรื่องร้ายได้
ที่มา - The Next Web
Comments
แล้วสรุปได้โน้ตบุ๊กคืนไหม
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
เคยคิดอยากจะทำ กุญแจ qr code
pi zero w + กล้อง (ไช้สายแพ adapter) + ลอคไฟฟ้า (อาจไช้ Servo แทน ... ลดต้นทุน)
ข้อดี บัตรเป็นกระดาษธรรมดาต้นทุนถูกมาก ด้านหลังเป็นนามบัตร เปลี่ยนคนเปลี่ยนรหัส แจกลูกค้าคนละใบ
เปลี่ยนรหัสที่กุญแจด้วย wifi บน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ต้อง QR + PinCode เผื่อใครทำหล่น หาย อาจจะช่วยได้อีกนิด
หรือไม่ก็ส่ง QR ไปทาง Email ยกมือถือเอา
เนี่ย คุยกันดีๆก็ได้ ไม่ใช่ เอะอะไปฟ้องหาว่าแฮ๊กโน่นแฮ๊กนี่ ไม่เข้าใจแล้วไม่พยายามเข้าใจอีก ใช้ไม่ได้ เถียงกันเหมือนเด็ก 5 ขวบ ไม่มีวุฒิภาวะเลย เหมือน บ. ลูกของ ผู้ให้บริการโทรศัพ บางประเทศ
แล้วผู้ใช้ตามบ้านจะอัพยังไง ยี่ห้อในเครือ Assa Abloy บ้านเราก็มีใช้กันไม่น้อย Yale, Gatemanผมสังเกตุที่ผ่านมา Digital Door lock ไม่มีซักยี่ห้อที่จะชูจุดขายเรื่อง Firmware Upgrade หรือจริงๆ แล้ว อาจไม่มีช่องทางให้อัพเกรดเลยด้วยซ้ำ
ผมว่าทางแก้ที่มีในตอนนี้คือ ใช้ระบบล็อคเพิ่มเติมเข้ามาช่วย เช่น ระบบรหัสผ่าน หรืออย่างง่ายที่สุดก็เอากุญแจกลับมาใช้คู่กับ RFID
สำหรับตามบ้านหรือที่ทำงาน ยังไงก็ต้องมีระบบสำรองครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผู้ใช้ตามบ้าน ในความเป็นจริงแล้ว เอา Digital Lock มาแทนที่ระบบหลักเลยนะครับใช้ Digital Lock ก็เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้กุญแจ
ผมเลือกใช้แบบ finger scan มาติด โดยที่ไม่มีระบบ RFID เลย
คอนโดใหม่ๆ สมัยนี้ก็แบบ Digital หมดแล้วครับ มีสำรองกรณีอุปกรณ์แบตหมด ใช้กุญแจธรรมดาไข
ช่องโหว่นี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับผู้ใช้ตามบ้านที่กำหนดรหัสเองมั้งครับ
ช่องโหว่นี้ใช้ช่องโหว่ของ generated key จากระบบรวมศูนย์(Vision) ที่มี pattern ตายตัว(ในแต่ละโรงแรม) ทำให้ reverse-engineering ไปหา master key ได้
master key ที่ว่าไม่สามารถใช้ต่างโรงแรมกันได้ และไม่มีผลกระทบอะไรกับระบบส่วนตัวครับ อย่างไรก็ตามผู้ใช้ตามบ้านก็มีความเสี่ยงเรื่องการถูก copy key หากเลินเล่อวาง key card ทิ้งไว้อยู่แล้วครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
2 หนุ่มแฮคเกอร์ ?
ไม่มีภาพโจรจากกล้องวงจรปิดรึ?