Sony เป็นผู้ผลิตเซ็นเซอร์กล้องใหญ่และกล้องสมาร์ทโฟนอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะกล้องสมาร์ทโฟนที่ผู้ผลิตมือถือต่างก็ใช้เซ็นเซอร์จาก Sony แทบทั้งสิ้น แต่มือถือ Sony เองกลับไม่เคยมีชื่อเสียงว่า “กล้องดี” เลย
ล่าสุด Adam Marsh ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของเรื่องนี้ว่าแท้จริงแล้วฝ่ายมือถือ Xperia กับฝ่ายกล้อง Alpha นั้นมีความเป็นศัตรูกันอยู่ เขาบอกว่า “ถึงแม้เราคือบริษัทเดียวกัน แต่บางครั้งก็มีกำแพงกั้นที่ฝ่ายกล้อง Alpha ไม่อยากแบ่งปันให้ฝ่ายมือถือรู้ เพราะมิฉะนั้นคุณก็จะมีสิ่งที่กล้องราคา 3,000 ปอนด์มี”
“ขณะนี้กำแพงนั้นได้ทลายลงบ้างแล้ว พวกเขาบอกว่า ‘โอเค การที่สมาร์ทโฟนให้ประสบการณ์ที่คล้ายกล้องใหญ่ได้นั้นเป็นสิ่งที่ดี’” เขากล่าวเสริม
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ Kimio Maki ผู้เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายกล้อง Alpha ได้ย้ายมาอยู่ฝ่ายมือถือแทน และได้สั่งหยุดการพัฒนา Xperia XZ4 เพื่อจะปรับกลยุทธ์ใหม่ โดย Marsh ระบุว่า Maki กำลังดันให้หลายๆ ทีมมาทำงานร่วมกับทีมมือถือ
“เพราะทีมที่รับผิดชอบด้านการถ่ายภาพมาทำงานร่วมกันหมด ทำให้สามารถแชร์ประสบการณ์ของ Cybershot, Alpha และ Xperia หากันได้” Marsh อธิบาย
สุดท้ายเขาเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์จากกล้อง Alpha จะมาอยู่ในมือถือ Xperia
สมาร์ทโฟน Xperia 1 คือผลผลิตแรกจากการปรับเปลี่ยนข้างต้น ซึ่งเราคงต้องคอยดูรีวิวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเพียงใด
ที่มา - Android Authority
Comments
คิดสุดโต่งจัง ถ้ามือถือราคา 10% ของกล้องสามารถทำทุกอย่างที่กล้องทำได้ผมว่าคงมีอะไรบางอย่างที่ผิดแน่ๆ
วัฒนธรรมในองค์กรญี่ปุ่นมีปัญหาหลายเรื่องมาก บางปัญหางี่เง่ามากๆ
ต้องให้ผู้บริหารที่เรียนจบจากต่างประเทศมาบริหารแทนคนรุ่นก่อน
มีหลายบริษัทที่ทำการล้มวัฒนธรรมเดิมที่เป็นปัญหา ต้องปรับตัวกันไป
ฟังแล้วคล้ายกับ MS ยุค Ballmer เลยแฮะ
+1
บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ความเชี่ยวชาญระดับนี้ ตายเรื่องงี่เง่ามาก ๆ เป็นไปได้หรือนี่
อ่านแล้วคิดถึงราชการไทย...
บริษัทใหญ่ๆมีบริษัทลูกเยอะหน่อยก็เป็นแบบนี้หมดและ ขัดแข้งขัดขากัน
คนที่เล่นมือถือเขาก็แปลกใจตรงนี้มานานหลายปีละคับ sony มีความบันเทิงทุกอย่างอยุ่ในมือหมด แต่ไม่เคยเอามารวมกันเลย เป็นบ.ที่โดนระบบองค์กรทำร้ายคับ แบบที่ไมโครซอพในอดีตเคยเป็น คือ มีเรื่องการเมืองข้างใน แต่ละแผนกแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเอง สุดท้ายบ.ก็ถดถอยไปเรื่อยๆ
Sony เป็น บ. ที่มีทุกอย่างครบสุดๆ มือถือ กล้อง จอภาพ เกม เพลง หนัง เครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆอีกมากมาย แต่กลับไม่เคยรวมกันได้เพราะวัฒนธรรมบริษัท ลองคิดดูว่าถ้าทุกอย่างถูกรวมเข้าด้วยกัน eco system ของ sony จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
+1
รวมถึงสาวกอารยธรรมด้วยเพื่อนผมก็ถอย sony มาใช้ในยุคแรก ก็เคยบ่นเรื่องกล้อง
ปัจจุบันก็ย้ายมา iphone กันหมด
+1 ถ้ารวมกันได้หมดนี่ คงยิ่งใหญ่มากๆ
+1
+1 ลองคิดภาพตามมีเกือบทุกอย่างจริงๆ แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าองค์กรระดับนี้จะลืมนึกถึงเรื่องพวกนี้ น่าเสียดาย To be continued....
เหมือนแรกๆ ก็รวมกันอยู่นะ พึ่งมาแตกก๊กช่วงยุคอารยธรรมแตก
อย่าลืมว่า SONY มีธุรกิจด้านการเงินด้วยนะครับ ถ้ารวมเข้ามาด้วยกันทั้งหมด ทำงาน่วมกันได้หมด จะสุดมาก
ผมว่ามันไม่ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมดนะ
เพราะไม่คิดว่า Sony Electronic จะช่วยผู้ผลิตภายนอกกว่า Sony Mobile นะ
แต่ก็สงสัยนะ ว่า Sony Mobile ก็ส่วนมือถือที่ใช้ชิ้นส่วนเดียวกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ไหงมือถือค่ายอื่นทำได้ดีกว่าล่ะ?
เพราะบริษัทอื่นเขามีวิศวะพัฒนาเองครับเขาแค่ซื้อชิ้นส่วนไปประกอบส่วนจะประกอบยังไงให้ดีใช้ซอฟท์แวร์แบบไหนมันเรื่องของผู้ซื้อเลยแต่ของโซนี่โดยทีมโดยทีมพัฒนากล้องขัดขาห้ามพัฒนาได้ดีกว่ากล้องใหญ่ตัวเอง ซึ่งเดาว่าทีมวิศวะกรนี้แหละที่ต้องพัฒนากล้องให้ทีมมือถือเลยไม่ทำให้มันดีทำให้พอแค่ถ่ายได้
แล้วลองนึกภาพว่าถ้าเป็นยี่ห้ออื่น ถ้ากล้องเจ้านี้ไม่ดีก็ไปหาผู้ผลิตรายอื่นมาใส่ สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะไม่มีแผนกกล้องเป็นของตัวเอง แต่พอเป็นโซนีที่มีแผนกกล้องเป็นตัวเองแต่ดันมีเรื่องกัน แล้วจะไปหากล้องจากผู้ผลิตรายอื่นมาใส่ก็ไม่ได้อีกเพราะบริษัทมีแผนกกล้อง
คิดว่าไม่ใช่ห้ามทำดีกว่า แต่ผมว่าคือเขาไม่แชร์ข้อมูลให้ต่างหากจากที่ตามๆ มา คือทีมฝั่งมือถือทำซอฟต์แวร์เองฝั่งกล้องไม่แชร์ข้อมูลให้ แล้วรูปการณ์มันไม่ได้ทีมใหญ่มุ่งเรื่องถ่ายภาพเต็มที่เหมือนยี่ห้ออื่นๆ มันก็เลยแค่มีให้ใช้เท่านั้นแหละ
เดี๋ยวนี้ซัมซุงยังใช้เซ็นเซอร์กล้องของโซนี่อยู่มั้ยครับ
การแข่งขันเพื่อพัฒนาภายในองค์กรจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ถ้าสามารถควบคุมให้มันเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ได้ แต่ถ้าสร้างทัศตคติค่านิยมในองค์กรผิดมันก็จะเละแบบนี้
ถ้าหัวหน้าฝ่ายกล้อง Alpha ไม่ได้ย้ายมาอยู่ฝ่ายมือถือก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ?
ต่อไป ขอให้ย้ายหัวหน้าฝ่ายWalkmanมาอยู่ฝ่ายมือถือ นะ
ต่อไปก็ขอหัวหน้าฝ่ายโทรทัศน์ สุดท้ายขอหัวหน้าฝ่ายลำโพง
เป็นผม สั่งยุบทีม Alpha แล้วไล่ออกให้หมดฐานทำลายบริษัทและขัดขวางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แถมไม่จ่ายเงินเดือนและค่าชดเชยด้วย แล้วไปจ้าง Outsource ที่เป็นมิตรและเชี่ยวชาญมาทำยังจะดีกว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เดี๋ยวๆๆ จะให้ยุบทีมที่ทำกำไรให้บริษัท เพราะไม่ค่อยช่วยทีมที่ทำบริษัทขาดทุนเหรอครับ
มองอีกมุมถ้าทีมกล้องเอาแต่ช่วยทีมมือถือ ทีมกล้องอาจจะไม่มีผลงานขนาดนี้ และมือถือเองขายไม่ได้เยอะอยู่ดีเพราะสู้เจ้าตลาดไม่ได้ อาจจะกลายเป็นบริษัทเสียหายหนักเลยก็ได้นะ
ถ้าจะแบบนั้นก็แยกทีมสิครับ ถามได้ ทีมหนึ่งไปกล้อง pro และ License ให้ค่ายอื่นใช้งาน อีกส่วนก็ไปพัฒนา Chip และระบบกล้องมือถือตัวเองไป แบบที่หลายบริษัททำ
หรืออย่างน้อยก็ผลิด Chip แบ่งทั้งสองแผนก แล้วสำเนาการทำและ know-how ให้ทั้งสองทีม ต่างคนต่างทำ มันก็จบแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ก่อนนี้ก็แยกทีมไงครับ แต่ทีมทำระบบกล้องมือถือไม่เก่ง ก็เลยได้แค่นี้ส่วนเรื่อง know-how ถึงมีเท่ากัน แต่ก็ใช่ว่าจะทำออกมาได้ดีเหมือนกัน การปรับจูนซอฟต์แวร์มันต้องใช้ประสบการณ์ด้วย ซึ่งรอบนี้เอาอดีตคนที่เคยคุม Alpha มาลุยเองก็เลยพัฒนาด้านกล้องได้เต็มที่
อันนี้ล่อเป้ารึเปล่าครับ อยากรู้ 555
ไม่ได้ล่อเป้าครับ ถ้าแค่ต้องการรักษายอดขายกล้อง Pro ก็ทำของทีดีกว่าใส่ในมือถือก็ได้ ไม่ต้องไปขัดขอแผนกมือถือด้วย
แต่การทำงานแบบนี้ในบริษัท มันมีแต่เสีย ต่อให้คงยอดขายกล้อง pro ได้ดีก็ตาม ถ้าแบบนี้ ให้บริษัทภายนอกทำให้หรือซื้อ Chip จากบริษัทอื่นที่ดีพอกันมาใส่ยังได้เลย แถมไม่ต้องทะเลาะให้เสียเวลา พาแผนกขาดทุนกระทบทั้งบริษัท และเสียส่วนแบ่งการตลาดด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เดาว่าคุณน่าจะเป็นเจ้าของกิจการเอง ถึงไม่คุ้นกับวัฒนธรรมการเตะขัดขาในองค์กรแบบนี้
เงื่อนไขแรกที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ คือแผนกนั้นทำงานได้ดีพอจนผู้บริหารทำแบบที่คุณว่าไม่ได้นั่นละครับเพราะถ้าทำเมื่อไหร่ผู้บริหารคนนั้นจะโดนเด้งจากผู้ถือหุ้นแน่นอน
คุณไล่เขาออกแบบนี้ == ให้คนเก่งย้ายไปบริษัทอื่นนะครับ และบริษัทนั้นก็ตาม Sony ไวขึ้นคุยกันเองแบบข่าวข้างบน น่าจะได้ผลดีกว่าครับ
ความคิดแบบนี้ก็โอเค เราจะเจ๊งไปด้วยกัน
ผมยังสงสัยเรื่องนึงคือการที่กล้องมือถือดีจนเกือบเท่ากล้องจริงมันทำให้ขายกล้องจริงได้น้อยลงขนาดไหน (คือมันขายได้น้อยลงแหละ) แต่กล้องจริงมันก็มีสิ่งที่มือถือทำไม่ได้เช่น flash ที่ใช้ถ่ายงานหรือพวก Len Zoom ดีๆอะไรแบบนี้นี่นา
มันทำให้คนที่ยังลังเลสามารถตัดสินใจเลือกได้ง่ายครับ และคนกลุ่มนี้น่าจะมีมากพอขนาดที่สามารถสั่นคลอนตลาดกล้องได้เลย
กล้องเองก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มันก็ดีขึ้นเรื่องจนมือถือตามไม่ทันเหมือนกัน
แต่... สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนแปลงช้าคือความต้องการของลูกค้าครับ ลูกค้าบางคนเขามีความต้องการไม่สูงมาก แต่สมัยก่อนมือถือมันตอบความต้องการตรงนี้ไม่ได้ เขาจึงจำเป็นต้องซื้อกล้องที่อาจเกินความต้องการของเขา (ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ มีไม่น้อยครับ)
พอมาวันนี้ มือถือตอบความต้องการของเขาได้แล้ว ลูกค้าเหล่านั้นก็จะย้ายจากกล้องมามือถือครับแทนครับ กลายเป็นว่าตลาดกล้องจะหดลงกลายเป็นตลาด niche แทน
ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่ ต้องคาดโทษสถานหนักเลยนะ
ก็ไม่เข้าใจ บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีทำ knowledge base ไรพวกนี้ไว้เหรอถ้าขัดขากันแล้วบริษัทมันร่วง พนง จะเอาอะไรกิน
ถ้ามือถือsony ปรับกล้องแล้วขึ้นมาอยุ่แถวหน้านะ จะอุดหนุนสักตัวนึงเลย
ผมว่าบริษัทระดับนี้ knowledge ต่างๆมันต้องเป็นความลับที่ควบคุมได้ ไม่งั้นความรู้ต่างๆรั่วไหลไปหมด
บริษัทใหญ่ญี่ปุ่นเป็นงี้แหละครับ เรื่องงี่เง่าๆปวดใจเยอะมาก จนเกิดปัญหาแบบใหญ่มากๆผู้ใหญ่ถึงจะกุลีกุจอมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปกติพูดอะไรไปก็อืมๆ ไม่ฟัง
แม้แต่บริษัทรถก็ยังเป็น อย่าง Mitsu และ Nissan ก็มีปัญหาพอสมควร
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
โอละพ่อ หมายความว่ายังไงหรอครับเคยเจอแต่ใช้คำนี้กับข่าวที่ไม่เป็นความจริง
โอละพ่อ เป็นสำนวน หมายความว่า กลับเป็นตรงกันข้าม เป็นสำนวนที่มักใช้กับเรื่องที่มีการเข้าใจผิดกัน เช่น เรื่องที่พ่อให้ข่าวว่าลูกพามาทิ้งไว้ ผู้คนจึงประณามลูกว่าใจร้าย แต่ข้อเท็จจริงกลับกลายเป็นเรื่องโอละพ่อว่าพ่อหนีออกจากบ้านแต่พออยากกลับบ้านก็กลับไม่ถูก. นอกจากนี้ คำว่า โอละพ่อ ยังเป็นคําขึ้นต้นบทร้องและรําในการละเล่นระเบ็งซึ่งเป็นมหรสพของหลวง เช่นบทที่ร้องว่า โอละพ่อขอถวายบังคม โอละพ่อเทวันมาบอก โอละพ่อยกออกจากเมือง โอละพ่อจะไปไกรลาศ.
ผมก็คิดว่าใช้ผิดบริบทครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ทำได้เพียงยิ้มแบบเจื่อนๆ จากคนที่ใช้มือถือโซนี่มาตลอด เอิ้กๆ
..: เรื่อยไป
ผมยังรอวันที่อารยะธรรมกลับมารุ่งเรืองครับ
นึกถึงตอนถอด แอพ walkman ออกจาก xperia เลย แทนที่จะชูเป็นจุดขาย กลับถอดออกนี่แหละ Sony ตัวจริงเสียงจริง