เมื่อวาน (12 ธ.ค.) เกิดประเด็นดังในวงการอีสปอร์ต โดย นุ๊ก ไอดอร์ บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังออกมาแฉพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของเจ้าของสังกัดสตรีมเมอร์เกม โดยใช้แฮชแท็กว่า #ไม่ใช่ปลาแต่คือเหี้ย พร้อมเผยแพร่หน้าจอแชทของสตรีมเมอร์ผู้หญิงที่เข้ามาเล่าประสบการณ์ถูกลวนลามในรูปแบบต่างๆ เสนอค่าเลี้ยงดู แลกเปลี่ยนกับการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไอดอร์ระบุว่ามีเหยื่อถึง 10 ราย
จน Hashtag E-Sports ค่ายสังกัดที่ตกเป็นประเด็นออกมา ชี้แจงผ่านเพจ Facebook เรื่องข้อพิพาทระหว่างเจ้าของค่าย และไอดอร์ (เป็นการทะเลาะกันเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับการคุกคามเพศ) ส่วนประเด็นคุกคามทางเพศ ยอมรับว่าเลี้ยงเด็กในสังกัดจริง แต่เนื้อหาแถลงการณ์ยังกำกวม ไม่ปฏิเสธตรงไปตรงมา ทำให้ยังคงมีการถกเถียงเรื่องนี้ในโซเชียลอย่างดุเดือดต่อไป
ล่าสุด 13 ธ.ค. Hashtag E-Sports ออกมาประกาศยุติบทบาทเอเจนซี่ ยกเลิกสัญญาผูกมัดกับสตรีมเมอร์ในค่ายทั้งหมด และคงไว้แค่บทบาทดูแลการชำระบัญชีและข้อกฎหมาย โดยสตรีมเมอร์สามารถรับงานเองได้โดยตรงไม่ต้องผ่านสังกัดอีกต่อไป
ประกาศสำคัญ
1. แฮชแทกจะยุติบทบาทเอเจนซี่เหลือเพียงตัวบริษัทเพื่อดูแลการชำระบัญชีและข้อกฎหมาย2....
Posted by Hashtag E-Sports on Saturday, December 12, 2020
ที่มา - ไอดอร์ , Hashtag E-Sports
Comments
รีบปิดจังพยายามจะหนีอะไรเปล่า
ไม่เกี่ยวกับเรื่อง อยากบอกว่าเป็นดาร์ม่าที่อ่านสรุปในทวิตฯ ยากมากๆ เจอแต่ทวิตฝากติดแท็ก ฝากข่าว ฝากหาแมว ฝากเห็นใจ ฯลฯ เต็มไปหมด กดบล็อคอยู่นานกว่าจะเรียงเรื่องราวได้....
อ่านอันนี้ง่ายดี https://www.facebook.com/poetryofb/posts/1771874646349094
แต่ถ้าอย่างแตะเนื้อต้องตัวมันไม่ใช่ระดับแค่ "คุกคามทางเพศ" (sexual harassment) ระดับนั้นมันควรจะเรียกว่า "การล่วงเกินทางเพศ" (sexual assault) ถึงจะถูก
ขอบคุณค่ะ
เกมส์ไรหว่า
อะโหภาพข่าวคือธงชาติไทยเลยเรอะ
เห็นขาทวีตบ่นเป็นเสียงเดียวกันคือ "มีรูปไอ้คนก่อเหตุไหม?"
ที่เงิบสุดคือ จารย์เรดออกรายการวันเดียว วันต่อมาค่ายแตก -*-
ต้องรีบเตรียมตัวหนีออกนอกประเทศแล้วล่ะ ทรงนี้คุกแน่นอน
ผมว่าไม่ต้องหนีเลยซักนิด ยิ่งกระบวนการยุติธรรมบ้านเราด้วยแล้วที่ต้องสืบแบบสิ้นข้อสงสัยจึงจะเอาผิดได้ หลักฐานคดีนี้มีแต่พยานบุคคลที่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์เลยแม้แต่อย่างเดียวเท่าที่ทราบข่าวมา ถ้าไม่มีหลักฐานที่แน่นกว่านี้ไม่มีทางเอาผิดทางกฎหมายได้แน่ๆ ไม่นับเรื่องที่บุคคลดังกล่าวมีเส้นสายบางอย่างกับหน่วยงานราชการด้วย ที่ออกมาปิดค่ายผมว่าน่าจะเป็นแบบที่บางท่านตั้งข้อสังเกตมากกว่าว่าไม่อยากให้คุ้ยไปเจออะไรเรื่องอื่นๆ
เป็นกำลังใจให้คนทำข่าวนี้ทุกคนครับ ไม่อยากให้เรื่องเงียบจนกว่าคนทำจะได้รับโทษ
ສະບາຍດີ :)
1.ผมว่าที่รีบปิดหนีเขาอยากให้เรื่องรีบๆจบไม่อยากให้คนขุดคุ้ยไปมากกว่านี้จนไปเจอแบ็ก หรือ ส่วนอื่นที่เขาไม่อยากให้แตะต้องมากกว่า2.ผมว่าเรื่องนี้มันเทาๆดำๆหลักฐานค่อนข้างน้อยมีแต่คำบอกเล่าและพยานบุคคล แถมเรื่องเกิดขึ้นภายในที่ส่วนตัวกฏหมายไม่น่าทำอะไรได้..(ในแง่กฏหมาย ไม่น่าจะผิดร้ายแรง)น่าจะได้แค่แซงชั่น บอยคอต ซึ่งปิดสังกัดไปแล้ว..
ในบรรดาเคสทั้งหมดมี imposter ในกลุ่มเหยื่อด้วยคอยฉวยโอกาส Kappa
ไม่ได้ติดตามวงการนี้เท่าไหร่เลยครับ ใครพอทราบบ้างครับ ว่าเป็นค่ายไหน
รูปในข่าวไม่ชัดเหรอครับ? อันนี้ไม่ได้กวนนะครับ คือมันอยู่ในรูปในข่าวชัดเจน ถ้าไม่รู้จักว่าอะไรคือชื่อค่าย ก็ตามรูปแหละครับ
ถ้ายังไม่ชัดพอก็อยู่ในเนื้อหาของข่าวอ่ะครับ
อ้าวเปลี่ยนรูปแล้วเหรอ ตอนแรกเป็นรูปธงชาติไทย
รูปเล็กในข่าวตอนแรกเป็นรูปธงไทยครับ แต่รูปด้่านในที่เป็น embed facebook post มันเป็นรูปนั้นมานานแล้วนะ เนื้อข่าวก็ระบุชื่อค่ายมาตั้งแต่แรก
อ๋อ พอดีเข้าใจว่าหมายถึง hashtag twitter ครับไม่คิดว่าจะเป็นชื่อค่าย
ทำไมคนที่โดนถึงไม่แจ้งความ ถ้าไม่ดำเนินคดีก็เอาผิดไม่ได้ ถามอาจจะฟ้องกลับได้ด้วย
ส่วนคนที่มาแฉไม่ได้เป็นผู้เสียหาย เรื่อง SH โดยตรง
คดีนี้เอาผิดยากมาก ต้องพิสูจน์ให้ได้จริง ๆ ว่าเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ไม่งั้นโดนฟ้องกลับตาย
ไม่ใช่ทุกคนที่โดนจะเข้มแข็งขนาดนั้น แถมบางครั้งตำรวจเองก็มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยครับ
victim-blaming มาแล้ว
ก่อนจะไปทักท้วงคนโดนกระทำ ไม่ถามคนทำบ้างว่าทำไมคนทำไม่คิด ทำไมทำไปไม่รู้เหรอว่าผิด.
(ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่กล้านะ เบื้องลึกเบื้องหลังไม่อยู่ตรงนั้นไม่น่าจะเข้าใจได้ดี และยิ่งเป็นเด็กๆ วัยรุ่นอาจจะไม่ทันคน)
ສະບາຍດີ :)
ผมไม่เห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็น victim blaming นะ เค้าไม่ได้บอกว่าเหยื่อผิด, พลาด, แย่ หรือบกพร่องจากการถูกกระทำ
แค่เพราะคำถามมันไม่รื่นหู หรือเพราะคำถามมันไม่มี empathy ไม่ได้แปลว่า victim blamimg เสมอนะ
ยังไงๆ ก็ควรแจ้งความเพื่อปกป้องตัวเอง แม้มันจะขัดกับความรู้สึก แต่มันเป็นสิ่งที่ควรทำ ซึ่งตอนนี้ก็มีแผนจะเข้าไปแจ้งความพร้อมๆ ผู้ใหญ่แล้วด้วย
ยกตัวอย่างเคสถูกข่มขืนทั่วๆ ไป เหยื่อมักจะรีบอาบน้ำชำระตัวเพราะรู้สึกขยะแขยง ถ้าพูดแค่มุม empathy เพียวๆ ก็คงเห็นด้วยที่จะให้ไปล้างตัวให้สะอาดหมดจด แต่ในมุมของกฎหมาย การล้างตัวคือการทำลายหลักฐาน ถ้าบอกให้ไปแจ้งความก่อนล้างตัว มันขาด empathy ในมุมของความรู้สึกก็จริง แต่ในระยะยาว มันสำคัญต่อการทวงคืนความยุติธรรมให้เหยื่อมาก ฟังดูเหมือนเป็น victim blamimg แต่ไม่ใช่
+1 ผมว่าเรื่องนี้มันยากจริงๆ คือจะสืบสวนก็ยากที่จะไม่ทำร้ายเหยื่อ แต่จะเอาผิดแบบง่ายก็จะกลายเป็นให้ร้ายกันได้ง่ายเกินไปอีก ไม่รู้จุดเหมาะสมจะอยู่ตรงไหน
น่าจะต้องใช้การสื่อสารที่เหมาะสมครับ เจตนานี่ดูกันยากว่าจะโทษ หรือจะถาม หรือจะแนะนำ
การสื่อสารที่เหมาะสมมันมีทั้งสองทางคือทั้งผู้ส่งสาส์น และผู้รับสาส์น
คือ พยายามใช้คำที่ไม่ทำร้ายเหยื่อ ซึ่งยากมากเพราะคนเพิ่งเจอเหตุการณ์รู้สึกแย่ไปหมด ยิ่งถ้ามีมือที่สามคอยปั่น แทนที่จะคอยไกล่เกลี่ยก็จะยิ่งยากไปอีก
ส่วนผู้รับสาส์นก็ต้องใช้สติให้มาก อย่าตีความทุกอย่างเป็นแง่ลบ ผู้ร่วมฟังหรือมือที่สามก็ควรโฟกัสที่ประโยชน์ทั้งในแง่อารมณ์ความรู้สึก และเหตุผลไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่โฟกัสที่ตัวเอง เอามาตรฐานตัวเองไปตั้ง แล้วคอยตัดสินคนอื่น มันทำให้สถานการณ์บานปลาย และไม่ได้มีจุดหมายเพื่อเหยื่ออ่ะครับ
เพราะการตั้งคำถามแบบนี้ไม่ช่วยอะไรไงครับ งั้นถามกลับว่าจริงๆ ถามเพราะอยากรู้คำตอบว่า "ทำไม" (ซึ่งมีคนอธิบายไปบางส่วนแล้วข้างล่าง ก็สามารถยกเหตผลมาคุยกันได้ว่าทำไมอะไรเหตใด) หรือ ถามเพราะไม่พอใจที่คนโดนไม่ทำตามที่ตัวเองคิด นอกจากพยายามกดดันให้เยื่อรู้สึกว่าพลาดที่โดนขนาดนั้นทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าอยากตั้งประเด็นเรื่องการแจ้งความมันควรจะเป็นคำพูดลักษณะ "แนะนำ" รึเปล่าเช่น เหตการแบบนี้อยากแนะนำให้แจ้งความนะ ปรึกษาองค์กรนี้นะ... ไม่ใช่ "ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้นทำไม แบบนี้ดีกว่า" ซึ่งทางออกมันอาตจะดีกว่าจริง ถูกแล้วถ้าคิดแบบ programmer 2>1, 1>0 แต่ในที่นี้ไม่ใช่คำถามเพื่อหาคำตอบ แต่เป็นการ BLAME
ສະບາຍດີ :)
อันนี้คุณใช้มาตรฐานตัวเองในการพิพากษาคนอื่นรึเปล่าครับ?
ใช่ครับ ตอนนั้นผมก็พิมพ์ไปด้วยอารมณ์มากไป ขอโทษนะครับ ที่ผมอยากจะสื่อคือ อยากให้คนแนะนำด้วยการแนะนำจริงๆ ไม่ใช่การตั้งคำถามที่ไม่ได้จะหวังคำตอบนะครับ หรือเราควรป้องกันไม่ให้มันเกิดอีกยังไงแทนนะครับ เหมือนที่คุณบอกต้องมี empathy นั่นแหละ
ສະບາຍດີ :)
คุณต้องรู้ด้วยว่าศาล เค้าพิจารณาจากหลักฐาน และพยานนะครับ
ผมไม่ได้โทษเหยื่อเลย ผมมองในมุมว่าหากจะเอาผิด ก็ควรจะแจ้งความดำเนินคดีสิ
แล้วก็พิสูจน์ไปตามกระบวนการ
ที่คุณว่าก็ถูกแล้วครับ ผมติดใจแค่วิธีการบอกให้ไปดำเนินคดีเป็นการตั้งคำถามแค่นั้น ตอนนั้นผมก็พิมพ์ไปด้วยอารมณ์มากไป ขอโทษนะครับที่ไปหาว่าเป็นการ blaming
ສະບາຍດີ :)
เคสที่ผู้ถูกล่วงละเมิดไม่กล้าไปแจ้งความนี่เยอะมากนะครับ มีประเด็นกันแทบทุกครั้งที่มีเรื่องแบบนี้ แล้วฝั่งผู้เสียหายก็อธิบายด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันทุกเคสแหละครับ
ผมเข้าใจคุณนะ แต่บ้านเรายังติดคตินิยมเดิม ๆ อยู่ และนี่แหละที่อยากแก้ไข ซึ่งอันดับแรกเลยคือไม่ควรตำหนิเหยื่อก่อน
ถ้าฟังภาษาอังกฤษออกผมแนะนำให้ไปฟังอันนี้ครับ เรื่องชุดตรวจคนที่ถูกข่มขืน ถึงจะเป็นกระบวนการของอเมริกาไม่ใช่ที่ไทยแต่ฟังแล้วจะเข้าใจว่าทำไมเหยื่อหลายคนถึงเลือกที่จะไม่แจ้งความแล้วพยายามเดินหน้ากับชีวิตต่อไป
https://www.iheart.com/podcast/105-stuff-you-should-know-26940277/episode/how-rape-kits-work-30771148/
ต้องเข้าทาง องค์กรอิสระจะดีที่สุดครับ พวกมูลนิธิสำหรับผู้หญิง อย่างของคุณปวีณา เพราะเค้าจะช่วยดูให้หลายๆอย่าง ทั้งสิทธิของผู้เสียหาย ทั้งมุมของการฟ้องร้อง ทั้งการเยียวยาด้านจิตใจ ถ้าไปเองเดี่ยวๆคงสู้ยาก
ปัญหาแรกคงไม่ใช่ว่าจะแจ้งใคร หรือจะเริ่มดำเนินคดียังไงอ่ะ
แต่ปัญหาแรกคือเหยื่อส่วนนึงมองว่าเป็นตราบาป และไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากใครเพราะอับอาย และรู้สึกแย่กับตัวเองครับ
จุดแรกคือต้องไม่โทษตัวเอง ไม่เกลียดตัวเอง และไม่รู้สึกกลัวที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ก่อน เพราะเหยื่อไม่ใช่คนผิด
อันนี้ผมตอบแบบรวบจากความเห็นที่ถามว่าทำไมไม่แจ้งความ และความเห็นคุณที่แนะนำว่าควรแจ้งที่ใดอ่ะครับ
ก็นี่แหละครับถึงได้แนะนำ ถ้าไปให้ถูกที่อย่างมูลนิธิแบบนั้นจะช่วยตรงนี้ได้ เพราะมูลนิธิเหล่านั้นจะมีนักจิตวิทยา ที่คอยช่วยเยียวยาจิตใจด้วย และต่อเนื่องไปถึงแนะนำการฟ้องร้องต่างๆด้วย
ถ้าเค้าไม่ได้ไปเองอย่างน้อยคนใกล้ชิดติดต่อมาให้ก็ยังดี เค้าอาจจะช่วยเหลือตัวเองให้ออกมาจากความรู้สึกตรงนั้นไม่ได้ คนใกล้ชิดก็ควรจะช่วยเหลือ
ลำพังไปแค่แจ้งตำรวจเค้าไม่รู้เค้ามีอะไรแบบนี้ให้หรือเปล่า
ปัญหาแรกที่ผมพูดถึง คือเหยื่อส่วนมากจะเลือกเก็บไว้คนเดียวครับ
มันก็มีหลายๆสาเหตุ ตั้งแต่ภาวะจิตใจของเหยื่อเอง ความกลัวที่จะโดน victim blaming จากสังคมหรือคนใกล้ตัว ความเชื่อมั่นที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และอื่นๆ
ถ้าให้กล่าวแบบรวมๆก็คือไม่มีคนให้พึ่งพานั่นแหละครับ
จะพึ่งพาคนใกล้ตัวหรือครอบครัวก็กลัวโดน victim blaming กลับเพราะสังคมไทยป้อนค่านิยมว่าบางคนสมควรโดนล่วงละเมิดทางเพศมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อันนี้ก็คงต้องโทษการศึกษาและสื่อต่างๆ (เช่น ฉากนางร้ายในละครไทยที่นำเสนอให้คนดูสะใจ)
จะพึ่งพาตำรวจหรือกระบวนการยุติธรรมก็ไม่ไว้ใจ เพราะมีหลายกรณีที่ตำรวจก็พึ่งพาไม่ได้ หรือศาลที่มีแนวโน้มว่าจะเอนเอียงไปทางผู้มีอำนาจหรือเงินมากกว่า จนทำให้คนเชื่อมั่นกระบวนยุติธรรมน้อยลง
มันไม่ง่ายอย่างตัวหนังสือครับไม่งั้นมันไม่เป็นปัญหาทุ่วโลกหรอก การคุกคามทางเพศ ละเมิดทางเพศ มันไม่ใช่เรื่องมิติเดียวแบบรถโดนขูด หรือขโมยขึ้นบ้าน
เพื่อนผม ผู้ชาย หล่อ รวย มั่นใจ เคยโดนผู้ใหญ่ในที่ทำงานที่คนนับหน้าถือตาไปทั่ววงการล้วงหำ คุณคิดว่าเขาเลือกอะไร ระหว่างไปแจ้งความ กับปลีกตัวหนีออกมา เงียบๆให้มันจบๆไป นี่ขนาดผู้ชาย ไม่มีอะไรกดดันให้อายอะไร
มันมีมิติของอิทธิพลมืดด้วยไงครับยิ่งถ้า oppressor มีเงินมีอำนาจมาก ยิ่งสิ่งผลร้ายต่อการตัดสินใจของเหยื่อครับ เพราะการคุกคามไม่ได้มาแค่เรื่องเพศ มันอาจจะมาเป็นการคุกคามในมิติอื่นๆ ตั้งแต่ cyber-bullying ไปจนถึงการล็อบบี้องค์กรอื่นๆ ไม่ให้เหยื่อเข้าทำงานก็เป็นได้
หลายคนน่าจะนึกถึงศาลเตี้ยอ่ะนะ หรืออาจมีแค่ผมคนเดียวก็ได้
ผมว่าเดี๋ยวนึ้คนก็นึกถึงศาลเตี้ยมากกว่าศาลปกติเสียอีก ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ด้วย ได้ผลเร็วแบบทันใจ ไม่ต้องรอใครมาจัดการ ผู้ก่อเหตุได้รับผลการกระทำเร็วขึ้น
แต่มีข้อเสียที่สำคัญคือ ไม่รับประกันผลลัพธ์ที่จะออกมา และไม่รับรองว่าคนที่โดนตัดสินจะผิดจริง (เว้นแต่ว่าจะมีหลักฐานมัดแน่น และชัดเจนที่ไม่สามารถนำหลักฐานอื่นมาขัดแย้งได้)
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เหมือนคดีจะพลิกไม่ใช่ว่าพลิกผิดเป็นถูก แต่พลิกอารมณ์ว่า ฟ้องเอาเงินได้แสน แต่โดนเขาฟ้องคืนเสียห้าแสนไรงี้
ไม่นับพวกที่โดนคดีหมิ่นอีกหลายร้อยคน ซึ่งอันนี้สมควรโดนกันซะบ้าง พวกด่าคนอื่นเอามัน
มีลิงค์มั้ยครับ สนใจ
ลองฟังจากคนในดูละกันครับ https://www.facebook.com/watch/live/?v=422775755575676
ป.ล. อย่าเชื่อมาก ทั้งฝ่ายกล่าวหาและฝ่ายโดนกล่าวหา
59 นาที ขอโทษครับ ยาวเกินไปเลยไม่ได้ดูเลยครับ ขอลิงค์เค้าแล้วไม่ดูอีก ขอโทษจริงๆ ครับ