บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติเปิดตัวตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตัวเองที่บีทีเอสหมอชิต รอรับรายงานผ่านอีเมลได้
บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เปิดตัว Bureau Lab ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตัวเองที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีหมอชิต สามารถรอรับรายงานผ่าน E-Credit report ทางอีเมลได้ทันที
วิธีการใช้งานตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง คือ เสียบบัตรประชาชน, มองกล้องเพื่อทำการตรวจสอบใบหน้า Face Recognize, เลือกใช้บริการรายงานข้อมูลเครดิตตามต้องการ เลือกได้ว่าให้ส่งทางอีเมลหรือรอรับรายงานที่ตู้
ตู้ Bureau Lab จะมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการตรวจเครดิตของตัวเอง โดยปัจจุบันประชาชนสามารถตรวจเครดิตบูโรของได้ผ่านเคาน์เตอร์ แบบรอรับรายงานรูปแบบเอกสารได้ภายใน 15 นาที ตามศูนย์ตรวจเครดิตบูโรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และยื่นขอตรวจเครดิตบูโรในแอป KKP e-Banking ธนาคารเกียรตินาคินภัทร, แอป TMB TOUCH ธนาคารทีเอ็มบี, แอป Krungthai Next ธนาคารกรุงไทย, แอป Thanachart Connect
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
Comments
เก็บค่าธรรมเนียมตามเคย
ต้องการสื่ออะไรอ่ะครับ
ผมเคยไปขอที่ธนาคาร ก็เสียค่าธรรมเนียม 200 บาทซึ่งผมมองว่าแพงเกินไป เพื่อนๆคิดว่าไงครับ
ขอผ่านแอพผมเสีย 150ขอผ่าน ncb couter เสีย 100 แถมขอ log ได้ด้วย
มันแปลกตรงข้อมูลของเราเองยังต้องซื้อนี่แหละ
จริงๆ ต้องบอกว่าข้อมูลที่ธนาคารมีเกี่ยวกับพฤติกรรมการชำระหนี้ของเราครับ เพราะคนส่งข้อมูลให้ NCB คือธนาคาร
ไม่คิดว่ามีค่าเก็บค่ามูล มีคนดูแล มีพนักงานให้บริการ มีการเมนเทนระบบ มีการรวยรวมข้อมูล ฯลฯ อะไรบ้างเหรอครับ?
จริง ๆ ก็ไม่อยากอ้างอิงต่างประเทศ แต่สงสัยว่าเขาทำยังไงให้คนในประเทศเขาสามารถขอข้อมูลตรงนี้ได้ฟรี ทุกปีผ่านทางต้นทาง หรือ จะดูผ่านระบบ 3rd party (ส่วนใหญ่ก็ของธนาคาร) ผ่าน app, update ทุกเดือน หรือ แจ้งเตือนเมื่อมีการร้องขอข้อมูลของเรา ...โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
เช่นประเทศไหนบ้างครับ
usa เท่าที่รู้ครับ แหล่งอ้างอิงด้วยตัวเองเนี่ยแหละครับ
ไม่รู้ว่าเพราะทางบูโรไปเก็บเงินกับทางอื่นเอารึเปล่า หรือมีรายได้จากแหล่งอื่นๆ
ผมเองสนับสนุนให้มันฟรีนะ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้แค่ไหนเพราะผมไม่รู้ว่ามันได้รายได้จากไหนบ้าง รายได้หลักน่าจะมาจากธนาคาร
และน่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายการเปิดเผยข้อมูลด้วยมั้ง เดาล้วนๆ แต่เท่าที่เดาออก มันมีแต่ค่าใช้จ่าย และไม่มีรายได้แบบ passive ก็เลยต้องคิดค่าให้บริการ
เลือกที่จะเก็บและทำรายได้จากการออกเอกสารจากส่วนที่มีการเก็บข้อมูลอยู่แล้ว ไม่ขอเขาก็เก็บนะ
ไม่ต่างกับการเลือกเก็บค่าธรรมเนียมโอนเงินข้ามจังหวัดสมัยก่อน ที่สมัยนี้พอมีการแข่งขันก็เริ่มจะหายไปละ ค่าธรรมเนียมการโอน
ปล.ตามภาพพอโปรโมทตู้ก็ไม่เก็บค่าธรรมเนียมนะ จนมันหมดโปร
ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจครับ รบกวนช่วยอธิบายที่ต้องการสื่อหน่อยครับ
ต่อให้ไม่ออกเอกสารเลยเขาก็เก็บข้อมูลเราอยู่ดีครับ
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ส่วนหนึ่งมันก็เพื่อประโยชน์ของธนาคารหนะซิครับ
iPAtS
รบกวนขยายความหน่อยได้มั้ยครับ
คนไหนมาตรวจเครดิตบูโร = มีแนวโน้มต้องการกู้เงิน
แบบนี้มั้งครับ
Statement online ขอได้ฟรี
แต่ไปสาขาเสียตังจะบอกว่าเป็นค่าดำเนินการ ก็หาใช่เรื่อง
เพราะ ฝาก-ถอนเงิน ก็เป็นบริการที่ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียม
ขอ Statement ถือเป็นบริการสำหรับผู้ที่มีบัญชีเงินฝาก และผู้มีบัญชีเงินฝากก็หมายถึงเราเอาเงินไปให้ธนาคาร เราเป็นเจ้าหนี้เพราะงั้นมันควรจะฟรีแหละครับ
ขอความรู้หน่อยครับ เราต้องการรู้เครดิตนี้ไปทำไมเหรอครับ?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
จริงๆ ลูกค้าหลักคือสถาบันการเงินครับ ใช้เช็คว่าลูกค้าที่มาขอสินเชื่อมีประวัติการชำระหนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับคนที่เป็นลูกหนี้หลายๆ ที่ และจ่ายไม่ตรงเวลา อาจจะใช้เช็คว่าสรุปแล้วตัวเองค้างหนี้ก้อนไหนกี่งวดแล้วก็ได้ (แต่ปกติแต่ละ สง. ก็มีใบแจ้งหนี้บอกของตัวเองอยู่แล้วนะ)
สุดท้ายที่ไม่น่าจะต้องมาเช็คกัน แต่ก็ใช้เช็คได้ คือกรณีมีคนขโมยเอกสารต่างๆ ของเราไปขอกู้ ถ้าเช็คก็จะเจอหนี้ที่ไม่ใช่ของเราครับ (เช็คจากเลขประจำตัวประชาชน)
บางคนอยากจะกู้ใหม่ ก็ไปเช็คก็ได้ครับว่าที่เราจ่ายหมดประวัติยังมีไหม เผื่อมีก็แจ้งเขาไป เวลาไปยื่นเรื่องก๋จะได้ไม่มีปัญหาครับ
ผมมักเช็ค 1-2 ปีครั้ง
1. ตรวจสอบว่าสถานะพวกสินเชื่อ, บัตรเครดิตที่ใช้-ปิดไปก่อนหน้านี้ ทุกอย่างปรกติสมบูรณ์หรือไม่
2. มันช่วยสรุปยอดการใช้บัตรเครดิตได้ดีว่าเราใช้ไปปีเท่าไหร่
3. ตรวจสอบว่ามีการสมัครสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตโดยไม่ใช่เราใช้อยู่หรือไม่
4. หากกำลังกู้สินเชื่อยอดใหญ่ๆ เช่นบ้าน-รถ หรือทำธุรกิจ ก็ตรวจสอบก่อนการยื่นกู้ เพื่อมั่นใจว่าทุกอย่างปรกติและมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ อย่างตอนซื้อบ้าน ก็ทำยอดบัตรเครดิตให้ไม่มียอดค้างชำระขั้นต่ำให้ได้มากที่สุด หรือค้างชำระยอดใหญ่ ไม่งั้นเค้าจะให้คะแนนศักยภาพชำระต่ำ จะไม่ผ่านเอา อะไรแบบนั้น
การขอแต่ละครั้งจะมี log ขึ้นเสมอ แนะนำให้นานๆ ขอที เพราะการขอบ่อย หากเราไปทำเรื่องสินเชื่อที่มีมูลค่าเยอะๆ อาจจะเข้าข่ายกำลังขอสินเชื่อหลายแห่งอาจทำให้การพิจารณาสินเชื่อช่วงนั้นมีปัญหา
อ้อ เข้าใจละ ขอบคุณทุกท่านครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ไม่เคยขอเลย เพราะทุกปีบัตรเครดิตกับสินเชื่อรถยนต์ มาได้รหัส 10 ทุกเดือน
แรงงงงค่ะ ของฉันมี 11 ใบนึง พอดีไม่ยักจะคิดไปญี่ปุ่นฮ่าๆๆๆ (แล้วไปสมัครทำไม นั่นน่ะซิ -,,,,-)