ออสเตรเลียเปลี่ยนแผนการฉีดวัคซีนในประเทศ โดยแนะนำให้ประชาชนอายุต่ำกว่า 50 ปีฉีดวัคซีนจาก Pfizer แทน แม้เดิมจะสั่งซื้อวัคซีน ChAdOx1 ของ AstraZeneca ไปถึง 50 ล้านโดส เพียงพอสำหรับประชากรทั้งประเทศแล้วก็ตาม
ออสเตรเลียมี บริษัท CSL Behring รับผลิตวัคซีนให้ AstraZeneca กำลังผลิตถึง 53.8 ล้านโดสต่อปี โดยออสเตรเลียเองสั่งซื้อไปแล้ว 50 ล้านโดสเพียงพอสำหรับประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน แต่หลังจากมี รายงานความเชื่อมโยงระหว่างการเกิดลิ่มเลือดและวัคซีน ทางออสเตรเลียก็เปลี่ยนคำแนะนำให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ใช้วัคซีน Pfizer แทนพร้อมกับประกาศซื้อวัคซีนจาก Pfizer เพิ่ม
ตามแผนของรัฐบาลออสเตรเลีย เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาควรฉีดวัคซีนได้ 4 ล้านโดส แต่กลับฉีดจริงได้เพียง 6 แสนโดส
ภาพรวมตอนนี้ออสเตรเลียสั่งวัคซีนจาก AstraZeneca 50 ล้านโดส, Pfizer 40 ล้านโดส, Novavax 51 ล้านโดส, และยังจองวัคซีนผ่านโครงการ COVAX ไปอีก 25 ล้านโดส
ที่มา - CNBC , health.gov.au
ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
Comments
ประเทศอื่นเค้ามีทางหนีทีไล่หลายทางเนอะ น่าอิจฉาT-T
มีใครทราบเหตุผลจริงๆ อย่างเป็นทางการที่รัฐบาลเราเขาไม่สั่งวัคชีนเข้ามาเยอะๆไหม
ผมมองได้อย่างเดียวจริงๆ เป็นเรื่องผลประโยชน์ ?
วันที่ 2 ครม. อนุมัติงบ 6,387,285,900 บาท เพื่อจัดซื้อวัคซีนโควิด 19 จำนวน 35 ล้านโดส
ฟังจากรายการช่อง thaipbs ที่เชิญหมอทวีมาเมื่อวันก่อน สรุปว่า
จากที่อ่านนี้ดู misleadพอสมควร แล้วพยายามจะสร้างตัวละครร้าย เพื่อให้ตัวเองดูไม่ผิดมากนักทั่งๆที่เหตุผลจริงๆคือมองสถานการณ์ไม่ขาดและวางแผนผิดพลาดเต็มๆ
+1 ทำแบบนี้มาพักใหญ่ ๆ แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=GWIg2k0WKtk&ab_channel=ThaiPBS
เข้าไปดูเองดีกว่าครับ ถ้าวางแผนผิดพลาดคง ติดโควิดกันมากมายแบบประเทศที่บางคนสรรเสริญและปกป้อง ตายเป็นหลักแสนไปแล้วในความคิดส่วนตัวถ้าบ้านเราทำตามต่างประเทศแล้วตายเป็นแสนแล้วฉีดวักซีนช้าอีกก็ควรจะด่าแล้วเรียกว่าพลาด
แล้วตอนนี้ถ้าเทียบกับประเทศที่หลายๆคนชอบเลียต้องบอกว่าบ้านเราสถาณะการโควิดดีกว่ามาก
ไม่ได้เข้าไปดูนะครับ แต่ประเทศเราป้องกันโควิท มองให้เห็นภาพเลยก็แบบ ถ้าอุบัติเหตุมันเยอะ ก็ห้ามคนออกมาขับรถ
กลุ่มคนผู้บริหารประเทศนี้มันบาลานซ์ การรักษาโรค เศรษฐกิจ ได้ห่วยมาก แถมการต่อรองซื้อวัคซีน เห็นๆกันอยู่ว่า ก็รอแต่จะซาบซึ้งกันท่าเดียว
ตอนนี้ไม่ตายจากโรค ก็ตกงานตาย เงินก็ไม่กล้าแจก ไม่ครอบคลุม QE ก็ไม่กล้าทำ
ลองไปดูด้วยครับ ยาวหน่อย แต่ค่อนข้างรอบด้าน ครบถ้วนhttps://www.youtube.com/watch?v=15nsYZ1rXEg
ตายเป็นแสนตอนนี้มี 7-8 ประเทศ ไม่มีประเทศที่ผมชื่นชมนะhttps://www.worldometers.info/coronavirus/
เราจัดการโรคได้ แต่ด้วยต้นทุนที่ตกที่คนธรรมดาหนักมากมันไม่ควรเป็นต้นทุนกับคนอย่างพวกเรามากเกินไปสิ
https://www.dmh.go.th/report/suicide/stat_prov.aspลองเปลียบเทียบก่อนหลังโควิดดูครับ เทียบกับ UK หรือ เมกา ที่เปิดกว้างเสรี อัตราการเสียชีวิตเทียบกันไม่ได้ บ้านเราพึ่งการท่องเทียว และ ประเทศต่างๆก็ปิดกั้นกันหมด
เว็บที่คุณให้มาไม่มีข้อมูลปี 2563 ซึ่งอยู่ใน Scope เรื่อง Covid
เดิม US กับ UK มีปัญหาตั้งแต่ผู้นำเหมือนเราแค่คนละขั้ว แต่ตอนนี้ US ไม่น่ามีปัญหาเรื่องผู้นำแล้ว2 ประเทศนี้ไม่ใช่ประเทศที่ผมชื่นชมในการจัดการ Covid ด้วย
จริงๆแล้วที่ US กับ UK ตายเยอะไม่ใช่เพราะเสรีภาพ แต่เป็นเรื่องความรู้ต่างหาก
อารมณ์ถ้ามีซึนามิในบ้านเราอีกครั้งถ้าเป็นตอนกลางวันจำนวนคนตายน่าจะน้อยกว่ามาก ไม่เหมือนกับครั้งแรก
ว่าแต่ใครโยนบาปให้เสรีภาพก่อนเนี่ย
บ้านเราปลอดภัยในระยะสั้นถ้ามีเงิน แต่ก็แลกกับการปิดเศรษฐกิจที่นานจนเป็นที่วิจารณ์และเคลือบแคลงน่าสงสัยหลังจากนั้นถ้ายังเป็นทรงนี้เราเสียเปรียบแน่ๆ ต้นทุนการจัดการกับโรคจะสูงกว่าเนื่องจากวัคซีนที่น่าจะเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุดมันช้า และค่าใช้จ่ายที่ว่าก็ตกที่คนธรรมดาทั้งเงิน เวลา พลังงาน และเสรีภาพ
ปัญหาก่อนหน้ามีเยอะตั้งแต่สนามมวย ตุนหน้ากาก พ่นยา สัญญาวัคซีน การสั่งซื้อวัคซีน แผนการฉีดวัคซีนการนำเข้าวัคซีน มันเยอะจนไม่รู้เอาอารมณ์ในมาชื่นชมนะ
รอดู GDP per Capita ปี 2021 - 2023 เทียบ US/UK ที่ว่าจัดการห่วยแตกก็ได้ว่าแนวโน้มเป็นยังไงใครจะได้รับผลกระทบมากกว่ากัน
เอ้อ เอาส่วนที่ดูแลไม่ให้เชื้อแพร่กระจายมารวมกับส่วนที่กีดกันไม่ให้เอกชนนำเข้าได้
แล้วยังกล้าคุยทับประเทศอเมริกาที่เค้าเริ่มจากยอดคนตายสูงสุด จนปัจจุบันดีขึ้นเรื่อยๆ แถมมีตัวเลือกวัคซีนให้เยอะแยะ และทยอยฉีดจนครอบคลุมมากกว่า 30% ของประชากรแล้ว
ประเทศไทยยังวนเวียนกับความเก่งว่ายอดผู้ติดเชื้อไม่สูงอยู่เลย แถมยอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ new high อีกแล้วมั้ง
ภูมิใจมันไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่อย่าเอาปัญหาหลายๆ ตัวมายำรวมกัน แล้วคุยแค่ส่วนที่เคยดีที่สุดสิครับ
คุณบอกก่อนหน้านี้ว่ากักเพราะเค้าผลิตเองได้ เป็นสิทที่จะกักถึงแม้จะไม่ได้ใช้ ก็นั่นแหละว่าเราจะไปซื้อต่อได้ยังไงเพราะเขากักไว้หรือเอาไว้ใช้เอง ต่อมาบอกว่าประเทศรอบๆเราบริหารหาวักซีนได้ดีฉีดได้มากมาย ผมลองเข้าเวป https://ourworldindata.org/covid-vaccinations ไปดูอัตรากาฉีดวักซีนประเทศรอบๆก็ไม่เหมือนที่คุณบอก แต่ละประเทศไม่ถึง % เทียบตามจำนวนก็ไม่ได้ต่างกันมาก ก็เป็นแบบที่หมอบอกตลาดเป็นของผู้ขาย
การตายด้วยโควิดนั้น ส่วนตัวคิดว่าเกียว ไวรัสนี้เริ่มจากจีน ทุกประเทศรู้พร้อมๆกันขึ้นอยู่ว่าประเทศใหนจัดการได้ดีกว่ารักษาชีวิตคนได้มากกว่า เรื่องวักซีนก็เหมือนผลสืบเนื้องที่ต้องเร่งแก้ปัญหาจากการปล่อยปะละเลยให้มันระบาดหนัก ให้คนเลือกว่าจะตายเป็นแสนแบบ UK US กับตายน้อยแล้วบริหารวักซีนแย่ๆแบบที่คุณว่า ที่ประเทศรอบๆก็ไม่ได้ฉีดได้แบบ US UK แบบที่คุณต้องการ เพระผลิตเองไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องรอประเทศมหาอำนาจฉีดกันหมดประเทศแถบเราๆถึงจะได้ฉีดจริงจัง
ส่วนคนรวย และนักการเมืองแย่ๆ ไม่รับผิดชอบให้คนอื่นซวย ก็ได้แต่ด่าและทำใจเพื่อรักษาสุขภาพจิต ได้แต่เอาใจช่วยคนทำงาน
ใครบอกว่ากักอ่ะคุณไปเอามาจากไหนว่าผมพูดว่าประเทศอื่นกักเพราะเค้าผลิตเองได้ ผมบอกว่ารัฐบาลไทยนี่แหละกีดกันเอกชนไม่ให้ซื้อโดยการไม่ออกใบอนุญาติให้จนมาถึงเมื่อเร็วๆ นี้นี่แหละ
ดูเหมือนคุณจะเก่งเรื่องจับแพะชนแกะนะ
ผมตอบผิดกระทู้ จะตอบด้านล่าง
อ้อครับ ผมก็ใส่ซะเต็มเหนี่ยวเลย ขออภัยด้วย
ช่วงนี้ผมหักห้ามใจเลิกด่าใครว่าสลิม แต่เวลาเจอพวกเลือกจะเชื่อแต่สิ่งที่ถูกใจ เลือกรับข้อมูลแค่ครึ่งๆกลางๆนี่มันคันปากจริงๆ
ถ้าคิดว่าประเทศเราไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจเราฉีดได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว ผมจะยกตัวอย่างประเทศที่ฉีดไปเยอะกว่าเราให้ฟังนะครับ
รวันด้า
พม่า
อาเซอไบจัน
ศรีลังกา
โคลัมเบีย
ฟิลิปปิน
กัมพูชา
อันนี้เฉพาะประเทศที่ด้อยพัฒนากว่าเรานะครับ ประเทศระดับเดียวกันไม่ต้องพูดถึง ฉีดเยอะกว่าเราหมด
เอาข้อมูลมาจากใหนครับลิ้งที่แปะข้างบนก็ดูได้หรือคิดเอาเอง หรือหาแค่ฉีดมากกว่านิดหน่อยแล้วเอามาแปะให้หาง่ายขึ้นรองค้นหา จำนวนฉีดวัคซีนโควิด ใน google จะมีภาพแผนที่โลกแสดงสีจำนวนฉีด เอาพม่าก็ไม่ตรงแล้ว แล้วจะเห็นว่าแถวบ้านเราที่มากกว่าก็มีน้อยกว่าก็มีแต่โดยรวมได้น้อยมาก ซึงแถวบ้านเราส่วนใหญ่คือเรืองการเมืองที่ได้บริจากจากประเทศที่หนุน
หรือการบริหารที่ดีแบบที่คุณว่าคือไปเป็นประเทศยากจนเพื่อเข้า covax หรือ จะให้ไปเลียจีนเพื่อให้ได้วักซีน จะได้เอามาอ้างแบบคุณได้ ?
แหมหาว่าคิดเอาเอง มีประชดด้วย
ถ้าหาข้อมูลได้เก่งเท่าปากก็น่าจะเห็นว่า เวปที่คุณอ้างมาข้อมูลมันล้าหลังและก็เชื่อถือไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศ update มาวันไม่เท่ากัน
update dose ของพม่า 1,040,000 เยอะกว่าไทยประมาณ 2 เท่า(ให้หาง่ายขึ้นรองค้นหา "bloomberg vovid tracker" ใน google จะมีภาพแผนที่โลกแสดงสีจำนวนฉีด)
ไม่ได้คิดเอาเอง ข้อมูลก็เห็นอยู่ ผิดผมก็ยอมรับว่าผิด แล้วต่างกันแค่นี้มีประโยชน์อะไร ถ้าได้มากกว่าแบบ UK SA ก็ว่าไปอย่าง แถมฉีดเยอะก็ยังตายติดเยอะกว่าบ้านเราอยู่ดี แถมประเทศที่คุุณเอามาอ้างไม่ได้มาจากการบริหาร แต่ได้จาก covax ประเทศยากจน แล้วต่างกันแค่นี้ เอามาอ้าง ก็เข้าใจนะว่าคนที่ผลักคนเห็นต่างไปผ่ายตรงข้างคิดยังไงเอาแค่ข้อมูลบางส่วนนิดหน่อย และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการบริหารจัดการวักซีนเลย ลองดูในกราฟว่ามีประเทศมากมายที่ฉีดน้อยกว่า ไม่เอามาอ้าง
เข้าใจแหละว่าอยากเป็นประเทศยากจนเพื่อเข้า covax แบบ เมียนม่าสินะ แถมตอนนี้อินเดียก็เลิกส่งออกแล้วเพราะตัวเองระบาดหนัก
ก็เข้าใจ แค่ตัวเลยมากกว่าแต่ไม่ดูเหตุผล ยอมยากจน ยอมเลียบางประเทศเพื่อให้ได้มาโดยเป็นสัตรูกับบางประเทศ เป็นความคิดที่ดี
ไปดูเลยว่าที่ฉีดมากกว่าจากประเทศด้อยพัฒนาเพราะอะไรเป็นเพราะบริหารวักซีนดีกว่าหรือได้จากการบริจากทางการเมืองมา
คุณควรเปิดใจดูลิ้งที่หมอที่มีความสามารถมาพูดไม่ได้แค่คิดเอาเอง
เรืองวักซีนยุกแลกเป็นเป็นดราม่า โดยเหตผลติดกม
https://www.youtube.com/watch?v=KOvKtE8n8lk&ab_channel=ThaiPBS
เรื่องทำไมเอกชนไม่นำเข้ากีดกันหรือเปล่า และ ระบาดรอบสาม
https://www.youtube.com/watch?v=GWIg2k0WKtk&ab_channel=ThaiPBS
ควรดูก่อนด่าคนอืนเพราะข้อมูลก็พูดตามหมอไม่ได้คิดเองเออเองแบบคุณ
ผมมองว่าการที่ไทยภูมิใจกับตัวเลข 0 คือจุดเริ่มต้นของปัญหาตอนนี้แหล่ะคือตัวเลข0แล้วยังงัย เราจะปิดประเทศไปอีก3ปี? รัฐไม่ได้มองปัญหาในมุมมองอื่นเลยนอกจากทำยังงัยก็ได้ให้ตัวเลขเป็น0แล้วมันก็มากิดปัญหาในมิติอื่นๆตอนนี้แหล่ะ
เห็นด้วยกับคุณมากๆ ครับ เพราะมายาคติอันนี้ที่ทำให้เราไม่ได้คิดรอบด้าน ไม่พยายามทำความเข้าใจธรรมชาติของมัน ไม่ได้ดูทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ ลืมไปว่าสุดท้ายคนก็ต้องกินต้องใช้ จนละเลยเรื่องการรับมือทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่กว่าไวรัสและต้องวางแผนในระยะยาว
"ถ้าวางแผนผิดพลาดคงติดโควิดกันมากมาย" การป้องกันโควิดมันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลอย่างเดียว จะโยงว่าติดโควิดน้อยเท่ากับรัฐบาลทำงานดีหรือรัฐบาลทำงานห่วยเท่ากับติดโควิดเยอะไม่ได้ครับ
เพราะงั้นถ้าจะวิเคราะห์ว่ารัฐบาลวางแผนดีไม่ดี อย่ามองแค่ผิวเผินหรือดูแค่สถานการณ์โควิดว่าดีไม่ดีอย่างเดียว ต้องวิเคราะห์ให้ลึกกว่านั้นครับ
ส่วนตัวผมมองว่าที่สถานการณ์บ้านเราไม่ได้เลวร้ายเนี่ย ต้องยกให้ประชาชนและทีมแพทย์ครับ ส่วนรัฐบาลว่ากันตามตรงผมแทบไม่เห็นครั้งไหนที่ทำดีจนน่าชื่นชมเลย แต่ทำเรื่องเสียเนี่ยเห็นกันประจำ
อ่านแล้วขำ นี่ดีแล้วหรอ ดียังไง ตั้งแต่เริ่มมีโควิด ไทยเราแย่ลงเรื่อยๆ ในขณะที่ประเทศอื่น ตัวเลขการติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ
ถ้าเอาตัวเลขการติดเชื้อ การตาย ไทยก็น้อยอยู่หรอก แต่ถ้าเทียบอดีตถึงปัจจุบัน ถอยหลังลงคลองจ๊ะ
น่าภูมิใจเนอะ ตอนแรกในรับคำชมมากมายจากต่างประเทศ ตอนนี้นะหรอ...
ต้องโทษดารานักแสดง และชาวเสี้ยนครับ ที่ไปเที่ยวจน ระบาดกันอีกรอบ(ผมช่วยสุดๆได้เท่านี้แหละ 5555)
หลายข้อนี่เขาพูด เหมือนคิดว่าไม่มีgoogle หรือคนไทยอ่านงานวิจัยไม่เป็นกันเลยนะครับ -_-"
1. WHO เพิ่งประกาศความสำเร็จโครงการCOVAX ส่งมอบไป38ล้านโดส
2. ก็มหาอำนาจเขาเป็นผู้ผลิตเอง ทั้งไฟเซอร์ Moderna Astrazeneca(หรือจะนับ Sinophram,Sputnik) ก็ตามสัญชาติผู้ผลิต ก็เป็นมหาอำนาจทั้งนั้น
3. ผลิตไม่ทัน แต่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่จนกว่าเราดันฉีดได้เยอะกว่าเรา งงไหม
4. ของบ้านเรา? ของจุฬา? อันนี้ยังอีกยาวนาน ไม่น่าทันในสองปี งบประมาณวิจัยเราน้อยกว่าบ.ยาขนาดใหญ่สักพันเท่าได้ ประชาชนและเศรษฐกิจรอนานขนาดนั้นไม่ไหวครับ งบกู้มาล้านล้าน เอามาซื้อวัคซีนดีกว่าเอามาจ่ายเงินเยียวยา
5. เราเพิ่งสั่งวัคซีนเพิ่มหลังดราม่าในสภานี่เอง ก่อนหน้านี้มีแผนฉีดแค่ 30% ของประชากร ตอนหลังก็เพิ่มมาแค่ 50% ของประชากร ไม่เหมือนหลายประเทศที่เขาตั้งเป้า 100%ของประชากร หรือมากกว่าด้วยซ้ำเผื่อคนต่างชาติที่เข้าประเทศ
6. งานวิจัยค่อนข้างชัดเจนว่ามีผลดีมากๆ โดยเฉพาะอิสราเอล ส่วนที่ได้ผลน้อยเช่นชิลิ เพราะวัคซีนประสิทธิภาพต่ำ(ยี่ห้อที่บ้านเราก็เลือกใช้)
ประเด็นสำคัญที่หน่วยงานรัฐไม่พูดถึง คือการกระจายความเสี่ยงของวัคซีน เหมือนเราทุ่มแทงจนหมดตัว ยังไม่สำนึก ยังกู้เงินมาทุ่มตัวเดิมอยู่นั่นแหละ
38 ล้าน โดสกี่ประเทศ ได้ประเทศละเท่าใหล่ แล้วตามแผนหรือเปล่า ตามที่หาข้อมูล แต่ละประเทศได้น้อย แล้วตามที่ขาวที่ผ่านมาในย้านนี้ส่วนใหญ่ก็ได้บริจากมาจากเรื่องการเมือวแล้วก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไร
แล้วที่พิมพ์มาส่วนใหญ่ในวิดีโอก็ตอบในนั้นแล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=GWIg2k0WKtk&ab_channel=ThaiPBS
COVAX มันเหมือนทางเลือกเสริมมากกว่า เราไม่ได้อยู่ในกลุ่มยากจน ยังไงก็ต้องเสียเงินซื้อ แต่ประเทศที่รายได้ต่อหัวสูงกว่าเราก็ยังร่วม และได้วัคซีนมาบางส่วนไปแล้ว
ผมย้ำคำว่ากระจายความเสี่ยงนะครับ
แต่ของเราแทบจะผูกขาดโดยเจ้านึง(อีกเจ้านึงนี่เหมือนมาขัดตาทัพ) เพราะรบ.เลือกที่จะผูกขาดเองโดยไม่กระจายความเสี่ยงเลย
มาเลเซีย สิงคโปร์ เขาก็ซื้อนะครับ และอันที่จริง เพื่อนบ้านที่ได้บริจาคจากจีน ดันได้ของดีแบบsinophram แต่เราซื้อจากจีน ดันได้ของประสิทธิภาพต่ำกว่า และเป็นประเทศแรกในโลกที่เสียเงินซื้อตัวนี้
จะอ้างการเมือง แต่การวางแผนวัคซีนของเรามันห่วยแตกแต่ต้น ตั้งแต่แผนแรกที่คิดจะฉีดแค่ 30% ของประชากรแล้วล่ะ ไม่ต้องอ้างรวยจนหรอก งบวัคซีนไม่ถึง1% ของเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่จะมาสู้โควิทเลย
ยังไม่อยากด่าอีกเรื่อง คือเรื่องการกระจายวัคซีนนะครับ ตัดเรื่องที่หมอหลายท่านไม่ลงชื่อฉีดเพราะไม่มั่นใจในวัคซีนที่กระจายมา(sinoxxx) แต่โควต้าจนท.ในรพ.ตจว.ได้ฉีดช้ากว่า พนักงานในผับทองหล่อนะครับ ทั้งๆที่หมอตจว.นี่แหละ เจอคนไข้มาตรวจก่อนเช่นกัน และมีหมอบางท่านติดเชื้อจากคนไข้จนถึงเสียชีวิตไปแล้ว แถมคุณรู้ไหม รพ.เอกชนในกทม. ก็ได้โควต้าช้าพอๆกับรพ.ตจว. ทั้งๆที่คนไข้มาตรวจจนล้นรพ. จนรับมือไม่ไหว คนของรัฐก็ไปพูดด่าว่าเพราะรพ.เอกชนไม่อยากทำเรื่องเบิกจ่าย(กรณีเข้าเกณฑ์PUI) ซึ่งความจริงไม่ใช่เลย วัคซีนก็ไม่กระจายมาแถมโยนภาระให้ตรวจPUI แต่จริงๆคนมาตรวจเสียเงินเองเยอะกว่าด้วยซ้ำ เพราะส่วนใหญ่คนที่พอมีเงินจ่ายคิดว่า ถ้าติดจริงก็ได้รักษารพ.เอกชนดีกว่าไปรพ.รัฐ
แค่แผนการกระจายโควต้าวัคซีนก็ห่วยแตกแล้ว แถมยังด่าไม่ได้อีก วันก่อนมีหมอเขียนประชดดาราที่ได้ฉีดก่อน ยังโดนขู่จะฟ้องอยู่เลย
ป.ล.จังหวัดที่ผมอยู่ช่วงนี้เลียบๆเคียงๆถามมา ได้วัคซีนมาพันกว่าโดสกระจายทั้งจังหวัดครับ แค่จนท.รพ.ก็ไม่พอแล้ว แต่เขาไล่ฉีดหัวหน้าส่วนราชการก่อน ทั้งๆที่แทบไม่มีโอกาสเจอผู้ป่วยเลย แปลกดีไหม?
ป.ล.2 ประเทศที่เจริญแล้ว เขามีแผนกระจายวัคซีน คือฉีดจนท.ทางการแพทย์ทุกคนก่อน รวมไปถึงจนท.ที่ไม่ใช่แพทย์แต่มีส่วนในการดูแลผู้ป่วย ตามสถานดูแลคนชราหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก รองลงมาคือคนสูงอายุ แล้วค่อยไปคนธรรมดาที่อายุน้อยลงมา ในพื้นที่เสี่ยง แต่บ้านเรา วางpriority สลับกัน ปากบอกให้จนท.รพ.ก่อนแต่ให้ไม่ครบ ไปไล่ฉีดคนทั่วไปในพื้นที่สีแดงก่อน(แล้วพื้นที่อื่นจนท.รพ.ไม่เสี่ยง?)
เอาจริงคุณไม่ได้ดูวิดีโอ เอาลิ้งไปดูตั้งแต่เริ่มต้นเค้าก็บอกอยู่ว่าประชุมทุกวันแผนเปลี่ยนทุกวันจะเอาข้อมูลอ้างอิงไม่ได้แล้วมาอ้าง เค้าก็บอกอยู่ว่าสั่งไม่ได้เพราะกฎหมาย กระทู้เก่าก็เคยมีคนเอาข้อมูลเท็จมาปล่อยว่าออกกฎหมายแก้แล้วทั้งที่ความจริง ก็ยังไม่ได้แก้ เดี๋ยวผมรวมลิ้งไว้ให้ลองเข้าไปดูเปิดใจให้กว่างมองผลลัภมากกว่าความเกลีดชัง
เรืองวักซีนยุกแลกเป็นเป็นดราม่า โดยเหตผลติดกมhttps://www.youtube.com/watch?v=KOvKtE8n8lk&ab_channel=ThaiPBS
เรื่องทำไมเอกชนไม่นำเข้ากีดกันหรือเปล่า และ ระบาดรอบสามhttps://www.youtube.com/watch?v=GWIg2k0WKtk&ab_channel=ThaiPBS
เรื่องผลป้องกันที่คุณว่าหมอไม่เปิด google คุณน่าจะตีความผิดในความหมายการป้องกัน หรือคุณเป็นหมอก็ต้องออกสือออกข่าวโจมตีหมอแรงๆไปเลยว่าโกหก
https://www.youtube.com/watch?v=Nh4rJcFtEAg&ab_channel=ThaiPBS
ผมมงงกับคุณ
รบ.เป็นคนสั่งแก้กฎหมาย ให้รองรับการสั่งวัคซีนในนามรบ.อย่างเร่งด่วนล่วงหน้าได้ โดยยกเว้นข้อกฎหมายเก่าๆไปได้
พอเป็นเอกชน ไม่ยอมแก้กฎหมายและอ้างว่าติดข้อกฎหมาย ทั้งๆที่ตัวเองแก้กฎหมายเพื่อเอื้อให้สองเจ้าที่รบ.สั่งได้?
ผมงงกับตรรกะคุณจริงๆครับ
อ้อไม่ต้องเอาคนมาเล่าข่าวหรอก พูดตรงๆผมไม่มีเวลาเปิดดูคลิป โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ให้ข่าวmisleading ประจำ ขอเอกสารชัดๆดีกว่า หรือคุณก็ยกคำตอบจากคลิปมาอภิปรายกันเป็นข้อๆไป คลิปเป็นแค่อ้างอิงไป
ผมไม่ได้ว่าใครโกหก แต่พูดความจริงไม่ครบถ้วนมันก็ชี้นำเช่นกัน ตั้งแต่ที่โจมตี mRNA ว่าน่ากลัว คนตายเพียบ โดยเอาข่าวจากนสพ.ที่ยังไม่ใช่งานวิจัยที่หาความเชื่อมโยง มาพูด เอาเชื้อตายดีกว่า โดยไม่พูดถึงเรื่องประสิทธิภาพนั่นแหละ แถมพอวัคซีนเจ้านึงมีข่าวside effectรุนแรง จนหลายประเทศระงับการใช้ ก็อ้างว่ายังไม่เชื่อมโยง เราไม่ต้องกลัวไปก่อน(ทีmRNAนี่รีบพูดขู่เชียว?) พอมาเจอเชื้ออังกฤษ ที่วัคซีนที่มีเป็นหลักตอนนี้แทบจะไร้ประสิทธิภาพ ก็อ้างว่าวัคซีนช่วยไม่ได้ ทั้งๆที่ยี่ห้ออื่นมันช่วยได้
เราว่ากันด้วยข้อกฎหมายและงานวิจัย คนที่เล่นเรื่องความเกลียดชังตั้งแต่เรื่องไฟเซอร์ใหม่ๆ มีอยู่ฝ่ายเดียวครับ โจมตีสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ซื้อ โดยชี้นำผิดๆเพื่อปลอบใจตัวเอง นี่น่ากลัวนะครับ
เรื่องการกระจายวัคซีนไม่พูดถึงเลยเหรอครับ? เห็นคนบางกลุ่มไปรุมด่าหมอที่บ่นเรื่องนี้อยู่?
ป.ล.แผนเปลี่ยนทุกวัน นี่หลายเรื่องมันเปลี่ยนเพราะมีคนด่าดังๆนะ เช่นแผนการจัดหาวัคซีน จาก30% เพิ่มมาเป็น 50% ของประชากรก็หลังโดนแฉแรงๆนี่แหละ แบบนี้ไม่ใช่การวางแผนแต่แรก แต่เป็นการเปลี่ยนแผนเพราะโดนด่า อย่ามาอ้างว่าคิดล่วงหน้าแล้วเลย
พูดอีกก็ถูกอีกครับ
+1 แทงหวยผิดก็น่าจะยอมรับแล้วหาทางแก้ไข ดื้อดึงแบบนี้จะพากันแย่หมดทั้งประเทศ
+1 ผมนี่สงสัยมากว่า Sinovac นี่ผลการทดสอบต่างๆแต่แรกเดิมก็ไม่ชัดเจน แต่ก็ผ่านมาได้ง่ายดี ผลวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ออกมาก็ทดสอบที่ตัวอย่างน้อยและยังไม่ได้ทำ peer reviewคือเห็นด้วยว่าวัคซีนมันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดมันใช้ไม่ได้เลย แต่ข้อมูลการประกาศจากหน่วยงานราชการชอบเขียนสรุปด้วยข้อคิดเห็นมากกว่าตัวเลขข้อเท็จจริง คนที่ตามอ่านแต่จากแหล่งพวกนี้ก็อวยๆกันไป
แค่เรื่องแรกสุดที่ยกมามันก็ชัดแล้วครับว่าเบื้องบนเราทำอะไรกันอยู่
ก็ไม่รู้ทำไมยังมีคนกล้าเอาข้อมูลมาเชียร์อีก ยิ่งเป็นข้อมูลยกมาลอยๆที่หาเพิ่มเติมจากกูเกิ้ลก็ได้ด้วยนะ
+1024ครับ
จริง จะตอบประมาณนี้เหมือนกัน + ทำไมถึงมีเรื่องขัดขวางการนำเข้าวัคซีนโดย รพ.เอกชน
ที่สำคัญมันชัดเจนว่าวัคซีนถูกกว่าค่าตรวจอย่างมีนัยยะ ทำไมมันถึงฉีดได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น
การอ้างว่าวัคซีนผลิตไม่ทัน มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เป็นเรื่องประหลาด เพราะประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ทำไมเขาถึงสั่งวัคซีนไฟเซอร์ได้ และของล็อตแรกบินมาถึงก่อนไทยเสียอีก หรือจะมีใครอ้างว่าไทยยังไม่พร้อมที่จะเก็บวัคซีนในอุณหภูมิ -70 องศา แต่มาเลเซียทำได้?????
"ผลิตไม่ทัน มีเงินก็ซื้อไม่ได้"
https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2956657984584582
"เคยพูดคุยกับผู้ผลิตหลายต่อหลายเจ้า ผู้ผลิตพร้อมขึ้นทะเบียนกับไทย แต่มีเงื่อนไขว่าไทยต้องซื้อวัคซีนเท่านี้ จัดส่งได้ตามระยะเวลานี้ ซึ่งไทยไม่ได้ต้องการขนาดนั้น และระยะเวลาการจัดส่งก็อาจจะช้าไปแล้ว การพูดคุยก็ยุติลง แต่ไทยไม่เคยลดละความพยายามที่จะให้ทางผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนปัจจุบัน ไทยขึ้นทะเบียนวัคซีนไป 3 ยี่ห้อ ได้แก่ แอสตราเซนนิกา ซิโนแวค และจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน ซึ่งแบรนด์ตัวสุดท้ายไทย ได้ขอซื้อแล้ว แต่ทางนั้น ส่งวัคซีนได้ช่วงปลายปี ชนกับรอบการผลิตของแอสตราเซนนิกาพอดี ตอนนั้น เราไม่มีความจำเป็นขนาดนั้นแล้ว"
สรุปคือเค้าจะขาย แต่รัฐบาลมองว่าไม่จำเป็น เพราะถ้าส่งปลายปีจะมาชนกับวัคซีนของเจ้านาย
เพราะถ้ามีมากกว่านี้ใครจะใช้ของที่ผลิตจากโรงงานนั้นล่ะครับ ขอสอนให้เราอยู่แบบพอเพียง ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพราะงั้นวัคซีนแค่ 2 ก็เพียงพอและพอเพียงแล้ว
ซ้ำ
(คหสต.)
ความเปราะบางทางการเมือง รวมกับแทงม้าผิดตัว อันนี้ไม่รู้สงสาร หรือสมน้ำหน้าดีตอนนี้สังคมวิพากษ์เรื่องความห่างชั้นทางสังคม ผมมองว่าถ้าปล่อยเอกชนนำเข้า แล้วได้ก่อนรัฐ นอกจากรัฐเสียหน้าแล้ว รัฐก็กลัวจะถูกโจมตีเรื่องชนชั้นทางสังคมอีก
แทงม้า AZ เต็มข้อ คือกว่า 90% แต่มีปัญหาตั้งแต่ ช้า / ลิ่มเลือด ไหนจะผลิตในประเทศ แต่โควต้าในประเทศดันน้อยอีก
สิ่งนึงที่สงสัยมากเลย นี่เราได้นายกจากทหารตำแหน่งผบ.ทบ. แต่การตัดสินใจทางการเมือง ดูแล้วขี้ขลาด ขี้กลัว ไม่สมฐานะเลย
ปกติถ้ามีความไม่แน่นอนที่ประเมินไม่ได้แบบนี้เขาจะแทงม้าหลายๆตัวครับ ไม่แทงตัวเดียว ตังไม่มีก็ไปลงขันกับ who ครับ แต่อินดี้แบบนี้ก็ซวยไปเอาแค่ให้เอกชนนำเข้าเองยังไม่ให้เลย คนรวยๆมันจะได้ลดการแพร่เชื้อเพราะก็ไม่มีปัญญาบังคับคนรวยอยู่แล้ว สุดท้ายก็เป็นต้นเหตุแพร่โรครอบใหม่คนจนก็ซวยไป
เหตุผลแบบเป็นทางการก็คงจะเป็น "ทุกอย่างเป็นไปตามแผนดีอยู่แล้วแต่ประชาชนนั่นแหละที่ทำเสียแผน" ละมั้งครับ เห็นแถลงทีไรก็มักจะโทษประชาชนตลอด
ส่วนเหตุผลที่แท้จริงที่นอกจากจะเอาเข้าแค่ 2 ยี่ห้อนี้พร้อมๆกับกีดกันไม่ให้เอกชนนำเข้าเอง.. ไม่รู้ว่าออกความเห็นแล้วจะโดนอะไรไหม 55+
ล็อคไว้สองเจ้าจะได้จัดการง่ายครับ
1. Sinovac ของเจ้าสัว
2. Astra ของเจ้านาย
ฮา
นายอนุทินเคยให้สัมภาษณ์ว่าวัคซีนเพียงสองยี่ห้อก็พอแล้ว จัดการยุ่งยาก ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลจัดการเรื่องวัคซีนได้แย่มากจริงๆ คหสต. มันเป็นข้ออ้างและผลประโยชน์ต่างๆแอบแฝง ที่ทำให้เรามีวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อที่จัดซื้อโดยรัฐบาล
ความคืบหน้าของไทย "ไฟเขียว องค์การเภสัชนำเข้าวัคซีนทางเลือก ของจอห์นสันแอนด์จอนห์สัน-โมเดอร์นา ต่อคิว ขายวัคซีนให้เอกชน 10 ล้านโดส ตั้ง “นพ.ปิยะสกล” ประธานจัดหาวัคซีนทางเลือก”หมายเหตุ นพ. ปิยะสกล(เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ ไม่ใช่ด้านระบาดวิทยา หรืออายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ)คือคนเดียวกับที่ชงให้รัฐบาลทำดีล'สามทาง'ระหว่างรัฐไทย-AZ-SiamBio
ออสเตรียฉีดได้ 4 แสนโดสจากที่วางแผนไว้ 6 ล้านโดสแปลว่าแผนการที่วางไว้ทำไม่ได้จริง
พูดๆ ไปก็นึกถึงของไทยนะ แผนการฉีดต่อเดือนยังไม่เห็นเลย
ของไทยลองดูสรุปผลการประชุม สบค.ครั้งที่ 4/64 หน้า 3 ครับ
ผมพิมพ์ในมือถือไม่ถนัดแปะให้
A smooth sea never made a skillful sailor.
สวัสดีครับ อ่าน blognone มี account มานาน แต่ไม่ได้คอมเมนต์อะไรเลย อันนี้จากคนในพื้นที่ มีสาเหตุครับที่ไม่เป็นไปตามแผน
1.เมื่อกลางเดือน มี.ค ที่ผ่านมา รัฐ NSW (ซิดนีย์) ตอนบน กับรัฐ QLD (บริสเบน) ตอนล่าง มีสภาพอากาศไม่ดี น้ำท่วมหนัก เส้นทางการคมนาคมถูกตัดขาด ทำให้ไม่สามารถขนส่งวัคซีนได้ครับ
2.มีการ block ไม่ให้ขนส่งวัคซีน AZ จากยุโรปเข้าประเทศ เพราะเนื่องจากว่ายุโรปกำลังเจอวิกฤติหนักครับ ซึ่งทางนายกที่นี้ก็กึ่งรับกึ่งสู้ เพราะประเทศค่อยข้างบริหารจัดการการระบาดได้ค่อนข้างดีครับ อันนี้ อาจจะเรื่องด้วยภูมิประเทศด้วย ออสเตรเลียพื้นที่ประมาณอเมริกา แต่พื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยได้จริงมีน้อยครับ
3.สำหรับโรงงาน CSL ที่จะผลิต AZ เอง (รับเทคโนโลยีมาทำเอง เหมือนบริษัทของคนนั้นในประเทศไทย) เหมือนกับว่าเริ่ม line การผลิตช้าครับ และมี concern เรื่องคุณภาพด้วย วัคซีน AZ ที่มีตอนนี้เป็นของนำเข้าจากต่างประเทศครับ
ปล.ขอเพิ่มเติมเรื่องการสั่งซื้อเกินนะครับ ผมคิดว่า สาเหตุคือ ประเทศนี้ คนที่เป็นคนออสซี่จริงๆ (มีสัญชาติหรือ Permanent Visa) มีจำนวนน้อยครับ ที่บอก 20 กว่าล้านคนนั้นแหละครับ แต่จะมีคนอีกมากนอกเหนือจากนี้ ที่อยู่ด้วย Temporary Visa ประเภทต่างๆ รวมถึงผี (Unlawful) ด้วยครับ ซึ่งรัฐบาลบอกว่าจะฉีดให้กลุ่มนี้ฟรีด้วย
คิดง่าย ๆ ครับ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราสามารถสั่งซื้อวัคซีนให้ครอบคลุมและกระจายความเสี่ยงหลากหลายยี่ห้อมากกว่าตอนนี้ได้หรือไม่
ถ้าคิดในใจแล้วผลคือบอกว่าได้ ก็แปลว่าที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบันมันไม่ดีพอไงครับ
ไม่เห็นจะต้องแก้ตัวแทนอะไรกันมากมาย ตัวอย่างประเทศที่วางแผนดีกว่าเราก็มีให้เห็นอยู่ แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ฉีดตามแผน แต่อย่างน้อยเขาก็สั่งของไปแล้ว ต่างกับเราที่ไม่ได้สั่งวัคซีนจากยี่ห้ออื่นเลย แทงม้าเต็งเต็มที่
That is the way things are.
เห็นด้วยครับ ถ้าไม่หน้ามืดตาบอด ก็คงตอบได้ ว่าประเทศไทยมันล้มเหลวขนาดไหน
สั่งแล้วได้ของหรือไม่ ก็ยังเป็นคนละเรื่องกับที่รัฐกีดกันไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนนะครับ
ปัจจุบันแค่การกระจายชุดตรวจที่ได้มาตรฐานให้ประชาชนซื้อมาตรวจเองได้ก็ไม่มี คือพยายามยึดอำนาจในการเข้าถึงชุดตรวจและวัคซีนไว้กับรัฐบาลหมดเลย แล้วอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
แต่วัคซีนที่ที่รัฐพยายามนำเข้ามันห่วยเป็นอันดับต้นๆ นะ ไม่รู้ว่าได้ความปลอดภัยกว่ายังไง ต่อให้รัฐบาลเอา JnJ หรือ Pfizer เข้ามา มันก็ความปลอดภัยเท่ากับเอกชนนำเข้าอยู่ดี
คืองงมากว่ายังมีคนพยายามสร้างความถูกต้องให้รัฐบาลอยู่อีก อะไรไม่ดีอะไรควรปรับปรุงก็น่าจะพูดกันตรงๆ จะดีกว่าพยายามสร้างภาพด้วยข้อมูลผิดๆ นะ
เอาง่ายๆ เลย Malaysia เศรษฐกิจลักษณะประเทศไม่ได้ต่างกันมาก ซื้อ Pfizer เมื่อต้นมกราคมเจรจาน่าจะช่วงปลายปี Pfizer ส่งมอบให้บางส่วนให้เดือน กุมภา ไทยแทงม้าผิดแล้วก็ยังดื้อไม่ยอมรับ สไตล์แบบผู้ใหญ่ไทย ฉันถูกเสมอแล้วเธอจะทำไมไม่เคยยอมรับผิด ตอนนี้ยังไม่สาย J&J หรือ Pfizer ขอตัดมาก่อนก็ได้ ฉีดให้กลุ่มเสี่ยงจริงๆ ไม่ใช่เสี่ยงเพราะไปเอง
j&j ไได้แน่ครับ
เป็นบ้าอะไรกับ Pfizer ถึงไม่ยอมสั่งมาเคยมีประชาสัมพันธ์ รพ เอกชน รับจองคิวฉีดวัคซีน ก็ไปสกัดเอกชนไม่ให้นำเข้ามาอีก
อันนั้นเคสแรกเลยที่ทำให้ทุกคนรู้ว่ารัฐบาลพยายาม monopolize วัคซีนโควิด
รัฐจะบอกว่าเพราะมันอันตรายจึงไม่ให้เอกชนนำเข้าไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลนำเข้าเองมันก็ไม่ได้แปลว่าความปลอดภัยจะสูงกว่า
เรายังไม่เคยมีสถานการณ์รพ.เต็มจนประกาศไม่รับตรวจเพิ่ม แต่ตอนนี้เรามีสถานการณ์นี้แล้ว ไม่รู้ว่าต้องภูมิใจกับยอดต่ำๆ ไปถึงไหน เพราะยอดผู้ป่วยมันเพิ่มเร็วกว่ายอดรักษาหาย
นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่ายอดผู้ป่วยที่เห็นๆ กันมันสะท้อนความจริงแค่ไหน ต่ำกว่าความจริงมั้ย จะบอกว่าสูงกว่าความจริงคงเป็นไปไม่ได้
อันที่จริงผมคิดว่า Monopolize ตั้งแต่หน้ากากอนามัย ที่ไปดักหน้าโรงงานเอามาจำหน่ายเอง ทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางเองแล้วครับ
จนหน้ากากอนามัยขาดตลาด หาของไม่ได้ ต้องรีบไปหาหน้ากากผ้ามาใช้แทนหลายคนอาจลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ลืมไปแล้วจริงๆ ครับ
ก็ไม่เข้าใจว่าคนที่สนับสนุนรัฐบาลทำไมไม่สนับสนุนด้วยการบอกให้รัฐบาลแก้ไขสิ่งผิดพลาด แต่ดันพยายามสร้างความชอบธรรมให้สิ่งที่รัฐบาลทำผิด แล้วก็ชูแต่จุดที่ทำได้ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ดีแค่ในระยะสั้นๆ ด้วย เพราะระยะยาวแล้วถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ย่ำอยู่กับที่มากๆ
เรื่องการป้องกันโรคที่ทำได้ดี ถ้าผมยกเครดิตให้รัฐบาลก่อนๆ ที่สร้างโปรโตคอลเอาไว้จะใจร้ายเกินไปมั้ย เพราะดูแล้วเป็นแบบนั้น เพราะถ้ารัฐบาลนี้เก่งจริงๆ ต้องต่อยอดจากตรงนั้นได้ ไม่ใช่ระบาดรอบ 3 แล้วยังคุยว่าคุมโรคได้อยู่เลย
นี่ถึงขั้นต้องไปเทียบกับอเมริกาตอนระบาดรอบแรกด้วย เหมือนพวก self esteem ต่ำต้องเอาตัวเองไปเทียบกับเจ้าของสถิติที่ห่วยที่สุด แถมเป็นสถิติในอดีตด้วยซ้ำ
Pfizer มันใช้ตู้เย็น -70cมันจะกลายเป็นจ่ายค่าวัคซีนแพงๆแล้วต้องซื้อตู้แช่แพงๆด้วย
จริงครับ นอนตายอยู่บ้านกันดีกว่าคือชีวิตประชาชนค่าไม่พอเนอะ เปลืองตัง นอกจากเปลืองงบภาษีที่ต้องมาแจก(ทำไมไม่เอาไปซื้อวัคซีนแต่แรกเนอะ) ยังเปลืองค่าวัคซีน ตายๆ ไปชิ้วๆ รกประเทศ
เอาจริงเขาไม่แพงนะ ไทยจัดซิโนแวคมาแพงๆ ยังกล้าทำเลยครับ แล้วของมันก็แพงตามคุณภาพอะนะ แอสตราก็ห่วยกว่า ซิโนแวคก็ห่วยกว่า
เพิ่มเติม ตอนหลังเขาพบแล้วนะครับว่า ไม่ต้องเย็นขนาดนั้น เช่นอาทิตย์สุดท้ายก่อนฉีดอาจจะตู้เย็นธรรมดาได้ อะไรแบบนี้ เพราะก็ไม่ได้จะเก็บนานขนาดนั้นซึ่งแปลว่าสามารถลดต้นทุนการจัดเก็บได้ถ้าบริหารดีๆ ครับ
อันนี้อัปเดทหน่อยครับ Pfizer บอกว่าเก็บในช่องแช่แข็งธรรมดาได้ FDA คอมเฟิมแล้วด้วย https://time.com/5942452/pfizer-biontech-vaccine-cold-storage-fda/
แช่ช่องธรรมดาได้ แต่อายุมันจะสั้น
จากหลายเดือนเหลือไม่กี่สัปดาห์
ถ้าฉีดไม่ทันก็เหมือนซื้อมาทิ้ง
รัฐบาลไม่มีปัญญาจ่ายก็เปิดให้ รพ. เอกชนจัดการก็ได้ครับ
อันนี้จะบอกว่าอะไรนะครับ?
รถสปอร์ตแพง ค่าเมนเทนแพง กินน้ำมันเยอะ แล้วยังไงนะครับ?
1) ตู้แช่ ultra freeze มันแพง ไม่ได้หาซื้อกันได้ทันที
อยากได้ก็หาซื้อไม่ได้พอๆกับวัคซีนเลย
2) ถ้าฝืนซื้อโดยมีแต่ตู้แช่ธรรมดา อายุวัคซีนจะเหลือไม่กี่สัปดาห์
ฉีดไม่ทันเท่ากับซื้อมาทิ้ง ก็โดนด่าว่าผลาญภาษีอีก
3) ดังนั้น วัคซีนที่ใช้ตู้แช่ธรรมดา จะจัดการความเสี่ยงที่จะเสียเงินเปล่าได้ดีกว่ามาก
ไม่รวมราคาวัคซีนเองที่ถูกกว่าอีกด้วย
มันจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มกว่า มีประสิทธิภาพต่อเม็ดเงิน ที่มากกว่า
ลืมคิดถึงความเสี่ยงอื่นๆให้ครบด้านรึเปล่าครับ?
เช่น
- วัคซีนส่งมอบล่าช้าผิดแผน (การผิดไม่ได้ตามมาตราฐาน ทำให้ได้ล่าช้า)
- วัคซีนทุกตัวตอนนี้ใช้งานกันแบบฉุกเฉินทั้งนั้น ดังนั้นอาจจะมีอาการข้างเคียงที่ไม่เหมาะกับการฉีดให้กับคนได้ทุกกลุ่ม ส่งผลกระทบต่อการฉีด
- ไวรัสกลายพันธุ์ในการแพร่กระจายแต่ระรอบ ทำให้วัคซีนแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพที่อาจจะลดลงไปอีก
- ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ป้องกันได้ต่ำ ทำให้เป้าหมายการฉีดที่ประชากร 60% อาจจะไม่เพียงพอ ต้องซื้อเพื่อมาฉีดเพิ่มขึ้น
ปัจจัยอื่นๆที่เราอาจจะยังไม่เจอกันอีก ทั้งหมดนี้ ความล่าช้าที่เกิดส่งผลความเสียหายและรายได้ทางเศรฐกิจ ดังนั้นการที่คุณสรุปประสิทธิภาพต่อเม็ดเงิน โดยที่มองที่วัคซีนที่จัดเก็บง่ายเป็นหลัก น่าจะสรุปได้ไม่ถูกต้องรึเปล่าครับ?
3ข้อแรกที่ยกมา Pfizer ก็มีปัญหาเหมือนๆกันนะครับ
ส่วน ประสิทธิภาพ อันนี้ด้อยกว่าก็จริง
แต่เมื่อดูตัวเลขเศรษฐกิจ
ประเทศที่เร่งฉีดไป เศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีขึ้นมาก
ยิ่งเป็นประเทศที่พึ่งท่องเที่ยว ยิ่งไม่ช่วยเพราะยังมีการห้ามเดินทาง
สุดท้ายข้อได้เปรียบตรงนี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตัวกลายพันธุ์เข้ามาเท่ากับว่า การจ่ายแพงกว่าตรงนี้ จะสูญเปล่ามากกว่าเช่นกัน
ประเด็นคือตัวกลายพันธุ์ที่เข้าไทยเป็นสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) ซึ่งไฟเซอร์เขาออกมาบอกแล้วว่าสามารถป้องกันได้จากการวิจัยเชิงสังเกตในอิสราเอลที่มีสายพันธุ์นี้มากกว่า 80% ในระหว่างการสังเกต ผลพบว่าวัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 97% ป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการ และ 94% แบบนับกลุ่มที่ไม่มีอาการด้วย
จาก https://www.pfizer.com/news/press-release/press-release-detail/real-world-evidence-confirms-high-effectiveness-pfizer
และตัววิจัยได้ตีพิมพ์ลง https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2101765 แต่ข้อมูลไม่อัพเดทเท่า press release ของไฟเซอร์
ผมว่าไอ้ประเด็นปลีกย่อยพวกนี้เหมือนการกำลังเถียงกันแบบเด็กๆ ที่อยากเอาชนะกัน ซึ่งประเด็นหลักที่เป็นต้นเหตุของปัญหาก่อนที่จะมาคุยกันยาวเหยียด คือความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารและจัดการวัคซีนของรัฐบาลประเด็นเดียวแค่นั้นแหละครับ
แต่ถ้าเมื่อทั่วโลกพร้อมเปิด
แต่ไทยยังไม่ฉีด นั่นแหละครับเสียโอกาส
สู้ทำประเทศให้พร้อมดีกว่า ยิ่งเป็นประเทศจุดหมายการท่องเที่ยวด้วยยิ่งแล้วใหญ่
ญี่ปุ่นรู้ว่าตัวเองจะจัด Olympic ยังจัดหาวัคซีนเกินจำนวนประชากรเลย นั่นแหละครับความพร้อม
ตัวกลายพันธุ์ มันก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ แก้ปัจจุบันให้ได้ดีก่อน
คุณคงไม่ได้อ่านว่าเค้ากำลังถกว่าให้เอกชนนำเข้าไฟเซอร์ รัฐบาลแค่อนุญาตพอ
ผมถามอีกทีว่าปัญหาไม่มีงบฯ ของรัฐบาล จนรัฐบาลไม่จัดซื้อไฟเซอร์ มันเกี่ยวอะไรกับเอกชนจะซื้อไฟเซอร์แต่รัฐบาลไม่ออกใบอนุญาตให้
ผมถึงถามว่ามีรถสปอร์ตแพง ค่าเมนเทนแพง กินน้ำมันเยอะ แล้วยังไง ในเมื่อเอกชนจะซื้อ ไม่ได้ใช้เงินรัฐบาล ที่ถกๆ กันคือทำไมรัฐไม่อนุญาต ติดขัดอะไร
เท่าที่ผมอ่าน
ข้อเท็จจริงคือ "ไม่มีเอกชนยื่นขอ"
ไม่ใช่ "เอกชนขอแล้ว รบ. ไม่ให้" นะ
เพราะเอกชนกะซื้อมาขายแค่หลักพัน-หมื่นโดส
ราคาต่อโดสก็สูงขึ้นไปอีก
ขณะที่จะโขกราคามากก็ไม่ได้ เพราะมีวัคซีน รบ.แจก ค้ำคออยู่
ถ้าเอามาแล้วขายไม่ออก วัคซีนหมดอายุ จะเจ๊งหนักมาก
ไหนจะเรื่องตู้แช่อีก
สุดท้าย ก็ถอยกันไปเอง ไม่มีใครยื่นขอ เพราะทำไปโอกาสขาดทุนสูงมาก
แสดงว่าคุณยังไม่ได้อ่านเอกสารนี้
"มท.เบรค 'เอกชน-ท้องถิ่น' ซื้อวัคซีน COVID-19 ชี้ 'ระยะแรก' ภาครัฐเท่านั้นที่สามารถดำเนิน"
https://prachatai.com/journal/2021/02/91591
ผมว่าเหมือนคุณไม่เข้าใจที่คนอื่นๆ พยายามอธิบาย ต่อให้แพงหรือถูกแค่ไหน มันก็เป็นส่วนของเอกขนครับ ซึ่งถ้าเป็นการดีลกับรัฐเหมือนไฟเซอร์เองก็เคยพยายามจะดีลแล้วโดยทำราคาพิเศษให้รัฐแล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้เลยทำให้ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น
ถ้าเอกชนจะเอาวัคซีนมาขายแพงๆ แต่ถ้ามีคนจะซื้อแล้วยังไงอ่ะ? อย่าว่าแต่วัคซีนเลย มือถือ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ เครื่องมือ อาหาร วัตถุดิบ ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่
ถ้าผมจะนำเข้าซึ่งผมรู้ความเสี่ยงว่าจะขาดทุนแล้วไงอ่ะ?
ผมยังไม่เข้าใจว่าคุณคิดว่ามันมีเหตุผลอะไรที่รัฐต้องขวางทางเอกชนไม่ให้ทำการค้าขายสินค้าที่กำลังจำเป็นต้องใช้
เหตุผลเดียวคือรัฐกลัวเอกชนจะทำให้วัคซีนราคาแพงจนตลาดป่วน แต่มันแก้ไขได้ด้วยการออกระเบียบ ออกกฎ หรือเพิ่มการแข่งขัน ไม่ใช่พยายามเป็นผู้เล่นเดียวในตลาดแบบนี้
ที่คุณยกมามันไม่ได้เป็นเหตุเป็ตผลซึ่งกันและกัน เหมือนพูดว่าวันนี้ไม่ได้กินข้าว เพราะวันพุธมาก่อนวันพฤหัสอ่ะ
จริงๆ ถ้าจัดการได้ดีผมก็ไม่อยากให้เอกชนนำเข้าแต่เป็นทุกคนได้ฉีดส่วนที่รัฐจัดการมาได้ดีน่ะนะครับซึ่งอาจจะกลายเป็นว่าเปิดให้เอกชนนำเข้า = ยอมรับว่า...
เคยได้ยินเหตุผลและข้อแก้ต่างเป็นดังนี้ครับ Herd immunity จะเกิดขึ้นได้เมื่อฉีดครบ 45 ล้านคน
เหตุผลที่เพิ่งเปิดให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเองได้เพราะว่าถ้าเปิดก่อนหน้านี้ เกรงว่าจะทำให้คนรวยได้วัคซีนก่อน คนจนได้ทีหลัง ?
ตอนนี้มีเพียงพอสำหรับ 35 ล้านคน (Sinovac + AstraZeneca) ก็เลยยอมเปิดให้เอกชนนำเข้าได้ เพื่อมาเติมอีก 10 ล้านให้ครบ 45 ล้าน
ซึ่งฟังแล้วก็ขัดกับเรื่อง Herd immunity ที่ยกขึ้นมามากๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะเร่งฉีดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ต้องคิดเรื่องรวยเรื่องจน เพราะแม้แต่คนจนที่ยังไม่ได้ฉีดก็ยังได้ประโยชน์จากตรงนี้
ตอบคำถามหน่อยว่าทำไมไม่ให้เอกชนนำเข้า ถึงบางคอมเม้น ผมเป็นข้าราชการ มีหนังสือสั่งการสอบถามให้ส่งรายชื่อผู้ประสงค์ขอรับการฉีด แต่ไม่บอกยี่ห้อ ไม่อยากฉีดของ ซิโนแวค ตอนนี้ลังเลมาก อยากเสียเงินเลือกยี่ห้อเองอ้อแล้วอยากบอกว่า คำสั่งของรัฐบาลมาถึงหน่วยงานระดับล่างๆ มันหายนะมากๆๆๆๆ ในแต่ละเรื่อง อีกอย่าง รัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่ต่อว่า สั่งสอนประชาชนนะครับ
มีคนบอกว่า "เพราะถ้าเอกชนนำเข้า ฉีดแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา เอกชนต้องรับผิดชอบไปไล่ถามความรับผิดชอบจากผู้ผลิตเอง ซึ่งเอกชนไม่ยอมรับ และพยายามไม่พูดถึงเรื่องนี้" ซึ่งผมก็งงต่อว่าแล้วต่างยังไงกับรัฐฯ นำเข้าแล้วต้องไปตามถามความรับผิดชอลกรณีที่ฉีดแล้วเกิดปัญหา?
หลังจากประชุมกับ รพ.เอกชน จนออกนโยบายยอมให้เอกชนนำเข้ามาได้รู้สึกจะมีการให้ รบ. ออกหนังสือการันตี จะไม่ฟ้องเจ้าของวัคซีน ด้วยนะครับ
รู้สึกถ้าไม่ออกหนังสือการันตีว่าจะไม่ฟ้องผู้ผลิตวัคซีน ผู้ผลิตวัคซีนเองก็ไม่ขายให้เอกชนด้วยครับ - -'
แล้วถ้าเกิดกับวัคซีนจาก สยามไบโอฯ ล่ะ ผมเดาว่ารัฐบาลก็คงโทษตัวผู้รับวัคซีน เดาตามพฤติกรรมที่ผ่านมาผมเลือกที่จะฉีดกับเอกชน ถ้าตัวเลือกนี้ถูกเลิกขัดขวางจากรัฐบาล
คันทนไม่ไหว ขอนำเสนอข้อมูลจากรายการข่าวการเมืองระดับประเทศ
"ทำไมรัฐบาล เมินซื้อวัคซีนต้านโควิดจากไฟเซอร์ ทั้งที่ของพร้อม" | เจาะลึกทั่วไป | 08 ม.ค. 64ไฟเซอร์พร้อมส่ง 13 ล้านโดส ทันที
https://www.youtube.com/watch?v=rIHYRtZwOU8