Bank of America ธนาคารใหญ่เป็นอันดับสองของสหรัฐฯ รองจาก JPMorgan Chase & Co. เตรียมหันมาใช้ระบบบล็อกเชนที่พัฒนามาจาก Ethereum บนเครือข่ายของ Paxos บริษัทจัดการหลักทรัพย์ด้วยระบบบล็อกเชน เพื่อเพิ่มความเร็วในการหักบัญชีหุ้นให้จบได้ภายเวลาระดับนาทีแทนที่จะใช้เวลาหลายวันเช่นทุกวันนี้
ก่อนหน้านี้บริษัทหลักทรัพย์ Credit Suisse Group AG และ Instinet ของ Nomura Holdings Inc. หันมาใช้งานระบบ Paxos Settlement Service ก่อนแล้ว หลัง SEC ของสหรัฐฯ มี จดหมายเห็นชอบ (No-Action letter) ให้ Paxos เริ่มใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาจัดการหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่ปี 2019 ไปก่อนหน้าแล้ว
ระบบของ Paxos ใช้การทำงานบล็อกเชนที่พัฒนามาจาก Ethereum เพื่อส่งและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ช่วยให้การหักบัญชีหุ้น ไม่ต้องรอเวลาเป็นวันหรือสองวัน (T+2) อีกต่อไป แต่จะสามารถทำได้ภายในวันเดียวกัน (T+0)
การนำระบบ Paxos มาใช้งานของ Bank of America อาจทำให้คู่แข่งอย่าง Depository Trust & Clearing Corp. (DTCC) บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของสหรัฐ ร้อนๆ หนาวๆ ได้ เพราะปัจจุบัน DTCC สามารถชำระบัญชีหุ้นภายในวันเดียวกันได้เฉพาะการทำรายการก่อน 11.30 เท่านั้น ทำให้การทำรายการที่เหลือกว่าอีก 75% ของวันนั้น ต้องค้างอยู่ในระบบถึงสองวัน
การที่ธนาคารใหญ่ๆ ในสหรัฐ นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามามีส่วนร่วมกับระบบการเงินและการบริหารหลักทรัพย์ ถือว่าเป็นอีกก้าวของบล็อกเชน สู่การเข้ามาเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันทั่วไปในโลกการเงินแบบมีตัวกลาง (Centralized Finance - CeFi) และไม่ได้ถูกใช้แค่กับระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized Finance - DeFi) เช่นการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโต หรือยิลด์ฟาร์มมิ่งเท่านั้น
ที่มา - Bloomberg
ภาพจากเว็บไซต์ Bank of America
Comments
ผมอยากรู้ว่าของเดิมเป็นเทคโนโลยีอะไร ติดขัดตรงขั้นตอน ทำไมจึงต้องเป็น T+2 และ blockchain เข้ามาแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ทำไมจึงกลายเป็น T+0 ไปได้
That is the way things are.
มีค่าแกสไหม