อย่างที่ทราบกันว่าแนวทางใหม่ของแอปเปิลคือ เลิกแถมที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือและหูฟังเพื่อลดขยะ โดยยังคงแถมสาย USB-C to Lightning เริ่มทำตั้งแต่เปิดตัว iPhone 12 ซึ่งก็มีข้อสงสัยตามมาว่า ที่แอปเปิลทำเพราะรักษาผลประโยชน์ไว้หรือไม่ หรือเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อ accessories แยกเพื่อเพิ่มรายได้หรือไม่
ล่าสุด มีรายงานว่ากลุ่มนักเรียนในจีน 5 คนฟ้องร้องแอปเปิล โดยหนึ่งในนักเรียนชื่อ Xiaofang ชี้ให้เห็นว่า สาย USB-C กับ Lightning ไม่สามารถใช้งานร่วมกับที่ชาร์จติดผนัง ถือเป็นการบังคับกลายๆ ให้ต้องซื้อที่ชาร์จที่รองรับ USB-C หรือที่ชาร์จ MagSafe เชื่อว่าที่แอปเปิลทำเพื่อรักษาผลกำไรมากกว่าจะทำไปเพื่อสิ่งแวดล้อม
กลุ่มผู้ฟ้องร้องขอให้แอปเปิลจัดหาที่ชาร์จและจ่ายเงิน 100 หยวน ($16) สำหรับการละเมิดสัญญาและค่าธรรมเนียมการดำเนินคดี มีคนแชร์เรื่องราวของคดีนี้ลง Weibo มีคนคอมเม้นท์และได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลาม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แอปเปิลเจอฟ้องจากการไม่ให้ที่ชาร์จ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลของบราซิลได้ ปรับแอปเปิล 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 60 ล้านบาท
ที่มา - The Verge
Comments
เห็นด้วยเลยครับ
ผลประโชน์ -> ผลประโยชน์
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้ามันแถม usb to lighning ธรรมดาจะไม่ว่าเลย แถมแบบนี้โคตรเจ้าเหล่
ใช่ครับ จำได้ว่าตอนนั้น Apple บอกว่าคนมีที่ชาร์จอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา Apple แถม USB-A wall charge นี่หว่า พอมารุ่นนี้แถม USB-C to Lightning มาแล้วมันจะต่อยังไง
ผมมี USB-C wall charge ก็เพราะซื้อ Android ไม่ใช่ iPhone 555
ให้ code Free ไว้ซื้อที่ชาร์จรุ่นพื้นฐานสุดก็ยังดี แต่เล่นตัดเลยเหมือนบังคับไงก็ไม่รู้
ขายข้าวไม่แถมช้อนจะโดนฟ้องมั้ย
อันนี้มันเรื่อง เงื่อนไขการขายนะ
แยกแยะประเด็นที่เขาฟ้องร้องหน่อยก็ดี... เงือนไขการขายมันได้ใคร ผู้บริโภค หรือ บริษัท การไม่แถมของสิ่งใดสิ่งหนึ่งข้อเหตุผลที่มันดีกว่า การบอกว่าว่ารักษ์โลก
ช้อนนี่ผมใช้ช้อนจากที่ไหนมันก็ฟังก์ชั่นเหมือนกันใช้งานแทนกันได้ใช่ไหมครับ จากตุรกี จากเอธิโอเปีย หรือจะใช้แค่กระดาษแข็งพับๆเอามันก็ตักกินได้ถูกไหม
แต่ที่ชาร์จมันใช้แทนกันทั้งหมดไม่ได้ ผมมีหัวชาร์จไอโฟนอันเก่ายังใช้ไม่ได้เลยเพราะเค้าแถมสายชาร์จแบบ Type C - Lightning มา
ถ้ายกเรื่องเงื่อนไขการขาย ก็ต้องพูดถึงเงื่อนไขการใช้งานด้วย ในเมื่ออุปกรณ์มันชาร์จตัวเองไม่ได้ และมันจำเป็นต้องชาร์จไม่อย่างนั้นจะใช้งานต่อเนื่องไม่ได้ ถ้าตัวมันเองต้องชาร์จจากอุปกรณ์เฉพาะที่กำหนดไว้ มันก็ควรจะให้มาด้วยกันหรือเปล่าครับ
ถ้าข้าวกล่องนั้นเวลากินหมดแล้วปิดฝากล่องทิ้งไว้ 1 คืน ตอนเช้าเปิดฝากล่องมาจะมีข้าวอยู่ในกล่องใหม่ ผมว่าถ้าไม่แถมช้อน โดนฟ้องครับ
ผมเคยซื่อข้าวแล้วแม่ค้าชอบลืมช้อน ตลอดเลยครับแต่ผมก็ใช้วิธีฉีกโฟมตักกินแทนได้
เหตุผลที่แอปเปิลบอกไว้คือทุกคนมีที่ชาร์จอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ทุกคนจริงๆ นี่สิ อย่างน้อยให้แลกซื้อในราคาถูกลงบ้างก็ยังดี เอาใจลูกค้าอีกหน่อยก็ได้
ทีเรื่องเปลี่ยน Port จาก Lightning ไปเป็น USB-C น่าจะช่วยเรื่องขยะได้มากกว่าอีก แบบนี้ล่ะไม่ทำ
ผมมีสาย Lightning อยู่ 7 เส้น ถ้าเปลี่ยน 7 เส้นนี้เป็นขยะทันที
มันจะเป็นขยะได้ยังไง Apple เปลี่ยนแล้วมันจะใช้ไม่ได้เหรอ? ซึ่งผมก็ว่าไม่
ทุกวันนี้ dock connector ที่ผมใช้กับ iPod ก็ยังเสียบใช้งานได้กับ iPod อยู่เลยนะ
นั้นนะสิมันจะเป็นขยะได้ยังไง ในเมื่ออุปกรณ์ที่คุณใช้มันยังมีช่องให้เสียบ พูดสะเวอร์จริงๆ
เป็นขยะถ้าเราไม่ได้ใช้เครื่องแล้ว ปกติถ้าเปลี่ยนเครื่องก็ไม่ใช่เครื่องเก่านะ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พังก็ขายทิ้ง
ผมเปลี่ยนไอโฟนทุกปีครับ สายที่มีหลายเส้นเพราะจุดต่างๆ ที่ผมอยู่ประจำจะมีสายรอไว้เลย ไม่ต้องโยกสายไปมา
ถ้าเปลี่ยนพอร์ต อย่างเลวร้ายมันก็เป็นขยะครั้งสุดท้ายครับ
ผมว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มีอุปกรณ์มากกว่า iPhoneการที่ไม่ยอมเปลี่ยนสายสักทีทำให้โลกต้องผลิตสายเพิ่มอีกชนิดนึง ซึ่งเกินความจำเป็น เพราะ usb-c ก็ตอบโจทย์ได้
ยิ่งไม่เลิกใช้ ยิ่งทำให้จำนวนขยะในวันที่ต้องทิ้งเพราะมันหมดความจำเป็นยิ่งมากขึ้น เพราะคาราคาซังกันอยู่แบบนี้
ผมเปลี่ยน platform จาก android/iOS มาบ่อยครั้ง เห็นถึงความไร้ประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ ของสาย lightning หลังจากเลิกใช้ iPhone ได้เป็นอย่างดี
เพราะพอกลับมาใช้ก็ลำบากต้องหาสายมารองรับพฤติกรรมการใช้งานตัวเองที่ชอบวางสายไว้ตามที่ต่างๆ แทนการพกสายแบบเดียวกับคุณนั่นแหละ แถมมันเป็นสายแบบเดียวในกระเป๋าที่แชร์กับอุปกรณ์อื่นไม่ได้นอกจากมือถือ (micro-USB/USB-C ยังมีแชร์กันได้หลายอุปกรณ์)
ผมว่าเปลี่ยนสายก็ไม่ได้ช่วยลดขยะเลยนะครับ เพราะยังไงซื้อโทรศัพท์ก็ต้องแถมสายอยู่แล้ว ถ้าหากไม่แถมสายนี่สิจะลดขยะจริง ๆ แต่ขนาดไม่แถมหัวชาร์จยังโดนฟ้อง นี่ถ้าไม่แถมสายด้วยโดนฟ้องหนักเลยละครับ
สิ่งที่ช่วยลดขยะจริงๆคือการเปลี่ยนมาใช้พอร์ตเดียวกันให้มากที่สุดครับ เวลาซื้ออุปกรณ์เสริมจะได้ไม่ต้องซื้อหลายอย่าง เช่น หางหนู Lightning สำหรับ iPhone และหางหนู USB-C สำหรับ iPad
ไม่รู้ว่าจริงๆ แอปเปิ้ลทำเพราะอยากได้กำไรเพิ่มขึ้นหรือเปล่า แต่ยังไงก็ยอมรับว่าได้ผลประโยชน์เรื่องสิ่งแวดล้อมจริงก็คิดซะว่าไอโฟนขึ้นราคา เพราะตัดที่ชาร์จออก ให้ไปแยกซื้อเองก็แค่นั้น เค้าก็มีสิทธิ์จะขึ้นราคาสินค้าอยู่แล้ว
เอาจริงๆ เรื่องการไม่แถมเนี่ย ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีและมันก็ส่งผลดีกับสิ่งแวดล้อมจริงนะ
แต่เหตุผลที่ Apple ว่ามาผมก็มองว่ามันข้ออ้างจริงๆนั่นแหละครับ ฟังยังไงก็ไม่เชื่อว่า Apple ทำเพื่อโลกเลย
อยากให้จีนลองแบน Apple ดูจัง แก้แค้นให้ Huawei ?
จีนเดือดร้อนคนงานไม่มีงานทำเลยนะครับ
โกรธแค้นอะไรขนาดนั้นครับ
ไม่แถมที่ชาร์จเพราะจะลดขยะ
แต่ไม่เลิกใช้ lighting เพราะไม่มีพอร์ตที่ดีกว่า usb-cสายไลท์ติ้งแท้ผมเสียมาสองเส้นละเนี่ย usb-c ของจีนใช้มาจะสามปียังไม่เปื่อยเลย
งงกับตรรกกะ
เรื่องสายพังช้าพังเร็วนี่มันขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งานของแต่ละคน
แต่ถ้าเป็นคนเดียวกัน แล้วสายนึงพังอีกสายไม่พัง?
ถ้าจะอ้างแบบนั้น ต่อให้สายมันห่วยยังไงมันก็อ้างได้ครับ
ถึงจะไม่ได้ทะนุถนอมดั่งไข่ในหิน แต่ตราบเท่าที่มันเป็นการใช้งานปกติในชีวิตประจำวัน เช่น ม้วนสายด้วยมือ มีการกดทับสายบ้าง ถอดสายด้วยมือเดียว ใช้มือเปื้อนเหงื่อจับสาย ไม่ได้ทำความสะอาดสายเป็นประจำ ไม่ได้วางมือถือในระดับเดียวกับที่ชาร์จ วางทิ้งไว้ในรถกลางแดดบ้าง ฯลฯ ถ้ามันพังไวเพราะเรื่องพวกนี้ ก็สมควรที่จะถูกตำหนิในเรื่องความคงทนครับ
ผมใช้สายของ Apple เปื่อยมาสามเส้นแล้ว
เคยอ่านผ่าน ๆมาว่า Apple ใช้พลาสติกรักโลก
ทำให้สายชาร์จเปื่อยเร็วกว่าพลาสติกธรรมดา
ติ่งอะไรขนาดนั้นครับ
ฉันใช้ของฉันมา 3ปี+ มันก็ยังอยู่ดี ไม่พังนะ ตามเม้นท์บนบอกมันก็มีส่วนจริงอยู่นะ ต้องตัดสินคนอื่นขนาดนั้นเลย?
ที่จริงผมว่าเวลาสั่งซื้อให้มันมี option without น่าดีกว่าครับ
เวลาเราสั่งซื้อ iPhone, samsung บนออนไลน์ หรือสั่งซื้อของส่วนใหญ่ น่าจะทุกอย่างทุกยี่ห้อ เวลาเราเลือกสินค้าใส่ตะกร้ามันจะมีให้เราเพิ่ม option เช่น case, ที่ชาร์จแต่ถ้าขายสินค้าแถมที่ชาร์จอยู่แล้ว แล้วมีตัวเลือกว่าไม่เอาที่ชาร์จ แล้วราคาถูกลงจะดีกว่านะครับ
(แต่เลือกไม่เอาที่ชาร์จแล้วราคาถูกลงร้อยนึงก็ไม่ใช่นะครับ 555)
แบบนั้นในแง่ของผู้ผลิตต้องเพิ่ม sku หรือรุ่น/กล่องขึ้นมา เช่นกล่องนี้มีที่ชาร์จ กล่องนี้ไม่มี ถ้าจะแถมนอกกล่อง ก็ต้องมีการผลิตสายมาแล้วสต็อคเก็บไว้ รอดูว่าลูกค้าจะสั่งหรือไม่สั่ง
"ต้องมีการผลิตสายมาแล้วสต็อคเก็บไว้"
การบริหารจัดการสต๊อคสินค้าเป็นเรื่องปกติมากๆ นะครับ ซึ่งของที่ผลิตมาขายทุกวันนี้ก็ต้องมีการจัดการตรงนี้ทั้งนั้น บริษัทต้องประมาณการว่าจะผลิตอะไรเท่าไหร่ ผลิตมาแล้วก็โยนเข้าสต๊อครอลูกค้าสั่ง เหมือนๆ กันทุกชิ้นอ่ะครับ
แต่ทั้งสายทั้งหัวชาร์จก็มีผลิตมาขายแยกอยู่แล้วนี่ครับ
แต่ถ้าการ ship มือถือใหม่ไปให้ retailer แทนที่จะส่งกล่องเดียว กลายเป็นต้องส่งสองกล่อง (โดยที่สองกล่องนั้นต้องไปด้วยกัน) แล้วกล่องต้องมีสองแบบมั้ย กล่องแบบบางเพราะไม่มีหัวชาร์จ กับกล่องแบบหนา
หรือโยนไปให้เป็นหน้าที่ retailer ที่ต้องจับคู่สายชาร์จกับกล่องเองในกรณีที่ลูกค้าต้องการ ผมมองว่าสมมติร้านนั้นเกิดสายชาร์จหมดพอดี (เพราะสต็อคสายชาร์จ-ที่มีการผลิตอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับสต็อคมือถือ-เพราะไม่ได้ผลิตมาคู่กันแล้ว) ก็กลายเป็นความลำบากเพิ่มเติม
เรื่องหัวชาร์จมีการผลิตอยู่แล้วผมว่า mindset มันน่าจะต่างกันอยู่ระหว่างการผลิตสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อหัวชาร์จ (แบบแยกจากการซื้อมือถือ เช่นเดินเข้าร้านไปซื้อหัวชาร์จ) กับการผลิตพร้อมกับมือถือเพื่อแถมมาในกล่องเลย
เพราะก่อนหน้านี้ที่ยังแถมสายและหัวชาร์จอยู่ ผมมองว่าอย่างน้อยจำนวนมือถือมันเท่ากับจำนวนหัวชาร์จแน่ๆ เพราะต้องมีทุกกล่อง แต่ถ้าเลิกแถมแล้ว หมายความว่าก็ต้องลดการผลิตหัวชาร์จลง (เพราะไม่ต้องแถมแล้ว)
เลือกไม่เอาแล้วราคาถูกลง ผมว่าก็ไม่ต่างจากที่ทำอยู่ตอนนี้แหละครับ ก็คือต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม
มันลดต้นทุนครับ ลดแบบหยาบๆเลย
ทำการค้าเขาก็ต้องการผลประโยชน์สิ ถ้าคิดว่าไม่คุ้มค่าก็ไม่ควรซื้อ