EA เปิดเผยฟีเจอร์ใหม่ของเกม The Sims 4 คือ Sexual Orientation ที่สามารถตั้งค่าความสนใจทางเพศให้ตัวละคร แยกจากเพศกำเนิด (Gender) ได้ อัพเดตนี้จะมีผลต่อตัวเกมภาคหลักด้วย ไม่ได้จำกัดเฉพาะภาคเสริม เท่ากับว่าผู้เล่น The Sims 4 ทุกคนสามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้
ในหน้าจอตั้งค่านี้ ตัวละครของเราสามารถบอกได้ว่าสนใจเพศใด (romantically attracted to), สนใจมีความสัมพันธ์หรือไม่ (exploring romantically) และสนใจมีเพศสัมพันธ์ (Mess Around หรือ WooHoo) กับเพศใด ผู้เล่นสามารถเลือก "ไม่" ทุกข้อเพื่อให้ตัวละครไม่สนใจเรื่องเพศเลย (Asexual Sim) หรือจะเลือกเป็นไม่สนใจความสัมพันธ์ แต่สนใจมีเซ็กซ์อย่างเดียว (Aromantic Sim) ก็ได้เช่นกัน
EA ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้ยังมีตัวเลือกความสนใจแค่ 2 อย่างคือหญิง-ชาย ยังไม่สะท้อนความต้องการของชาว LGBTQIA+ ครบถ้วน เหตุผลเป็นเรื่องทางเทคนิคเพราะเอนจินของ The Sims 4 (เกมอายุ 8 ปี) ไม่ได้ออกแบบมารองรับตัวละครเพศอื่นนอกจากหญิง-ชาย ซึ่ง EA จะหาแนวทางแก้ไขต่อไป
ที่มา - EA
Comments
อยากได้ NPC story progression มากกว่า
มันคือ Neighborhood Stories รึเปล่าครับ
https://www.ea.com/games/the-sims/the-sims-4/news/introducing-neighborhood-stories
https://www.ea.com/games/the-sims/the-sims-4/news/neighborhood-stories-system
่น่าจะเป็นอันนี้ครับ 👌ไม่ได้เข้านาน เดี๋ยวผมไปลองก่อน
แนวทางที่น่าจะดีสุด ออกภาคใหม่แล้วปรับเอนจิ้นให้รองรับแบบที่ชาว LGBTQIA+ ต้องการไง รวมถึงสาย Non-binary ที่แยกย่อยเป็นร้อยๆสายด้วย จะได้ไม่ต้องเรียกร้องกันเยอะ
แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองว่าเกมนี้เอาใจพวก SJW & Woke มากกว่าในอดีตรึเปล่า ดูจะเริ่มยัดเยียดเยอะขึ้นมาจนเกมไม่ค่อยสนุกแล้ว
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เอิ่ม เกมนี้มันอวย LGBT อยู่แล้วนะ จะมีอะไรแบบนี้มาเยอะ ๆ มันก็ไม่แปลก แถมเกมนี้มันปรับได้เยอะมากแล้วมันไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นอะไรยังไงด้วย แล้วกลุ่มผู้เล่นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเป็น Cis-gender ก็ไม่ได้อึดอัด ดีด้วยซ้ำที่จะได้ลองอะไรใหม่ ๆ เช่น Masculine Sim ก็สามารถตั้งท้องได้ Feminine Sim ก็สามารถใช้เสียง Masculine ได้ ยิ่งเพิ่ม Mod บาปยิ่งปรับได้ลึกกว่านั้นอีก
ถ้าเป็นเกมพวกมี Lore ตั้งต้นมาดีแล้ว ดันมาเปลี่ยนทีหลัง (กรณี Blizzard เปลี่ยน 76 เป็น LGBT) อันนี้ถึงน่าด่า
ปล. LGBT แฝงตัวอยู่ในสังคมมานานแล้วล่ะ พอโลกมันเปิดมากขึ้นถึงได้ออกจากหลุมกัน แค่เผอิญว่ามันเยอะกว่าที่คาด การตลาดแนวนี้มันเลยออกมาเยอะจนเอียน แต่เดี๋ยวหลัง ๆ มันก็จะปรับตัวกันจนพอดีเองแหละ เหมือนผู้หญิงที่พึ่งจะมีสิทธิเสรีภาพเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา และก็ช่วงแรก ๆ ที่พวกตัวละครหญิงสายนักสู้ที่โดน blame กันช่วงหนึ่งในยุค 2000s ในบางกลุ่มบนอินเทอร์เน็ต
ไม่ควรใช้คำว่าแฝง แต่ควรเป็นแบบประมาณว่ากลุ่ม LGBT มีมานานแล้ว แต่สังคมเพิ่งจะเปิดกว้างยอมรับและเข้าใจความหลากหลายทางเพศมากกว่า
แฝงตัวอยู่จริง ๆ นั่นแหละ สมัยนั้นมีใครกล้าแสดงตัวเป็น LGBT ขนาดนั้นเลยเหรอ สมัยนั้นไม่ใช่แค่ไม่ยอมรับแต่จะกำจัดทิ้งด้วย ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พึ่งมาเบาลงเมื่อ 2000s ที่เห็นว่าเป็นความผิดปกติทางเพศ แล้วก็หันมาเรื่มยอมรับตอน 2010s แล้วก็แตกตื่นกันยุค 2020s
เอ่อรสนิยมทางเพศที่ต่างจากสังคม heterosexual เป็นใหญ่ไม่ใช่ความผิดปกติทางเพศแต่อย่างใด และ gender ที่ไม่ตรงกับความต้องการของตัวตน ก็ไม่ใช่ความผิดปกติ แค่ไม่ถูกต้องตามความต้องการเลยมีการผ่าตัด gender reassignment surgery หรือการผ่าข้ามเพศของ trans และตัวตนอัตลักษณ์ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศเดียวเท่านั้นตามที่สังคม heterosexual ตีกรอบ เลยมี non binary ขึ้นมา มี gender fluids หรือ ไม่มีความสนใจทางเพศ ก็เป็น asexual
LGBT ไม่เคยแฝงตัว แต่เพราะสังคมที่ heterosexual เป็นใหญ่มาตีกรอบและให้คำนิยามต่างหากเลยทำให้ไม่สามารถแสดงออกได้ หรือรับรู้ถึง knowledge เรื่องความหลากหลายทางเพศ จนกระทั่งยุคปัจจุบัน (ซึ่งในอดีต ยุคกรีก ยุคซามูไรบูชิโด ยุคอียิปต์โบราณตำนานฮอรัส ก็มีบันทึกไว้ถึงการชอบพอในเพศเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ)
สัตว์โลกหลายสปีชี่ส์มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นปกติ สิงโต เพนกวิน บลาๆๆ แต่มีสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่เหยียดรักเพศเดียวกัน นั่นคือมนุษย์
ผมว่าอันนี้อาจจะแค่นิยามคำว่าแฝงตัวไม่ตรงกันนะครับ
ไม่ได้หมายถึงไม่ตรงกับผมนะ 😅
คุณกำลังรู้สึกว่าโดนเหยียดหรือเปล่า เลยต้องชักแม่น้ำทั้ง 5 มาขนาดนี้ เรื่องพวกนี้เขาเข้าใจกันหมดแล้ว และผมไม่เคยบอกว่าเรื่องพวกนี้มันคือเรื่องผิดปกติ แต่ความจริงคือ LGBT ยุคก่อนหรือใกล้ ๆ กันไม่ได้อยู่สบายอะไรเลย (ยกเว้นว่าคุณจะยัดรวมสังคมมนุษย์ยุคโบราณเข้ามาด้วย นั่นก็เรื่องของคุณ) ต้องอยู่กันแบบหลบซ่อนรสนิยมตัวเอง ต้องแฝงตัวเป็น Cis-gender แบยฝืนตัวเอง ต้องเปิดเผยตัวตนในส่วนที่สังคมไม่ได้สนใจ ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองตลอดจนเครียด ประวัติของคนที่ต้องตายเพราะการเป็น LGBT ก็มี เอาแบบเลื่องชื่อเลยก็ Alan Turing อธิบายเท่านี้คุณน่าจะเข้าใจมากขึ้น
ผมเองก็ LGBT คนหนึ่ง และขนาดว่าโลกมันมาขนาดนี้ การเป็น LGBT มันก็ไม่ได้สุขสบายอะไรเลย โดนเหยียด โดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก มาดีขึ้นเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมาเองมั้ง
ปล. แนะนำให้อ่านพวกนิยาย LGBT อิงประวัติศาสตร์ช่วง 1900s จะเข้าใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ได้รู้สึกโดนเหยียด แต่รู้สึกว่าการใช้คำมี bias ในเชิง stereotype ของ สังคม heterosexual เป็นใหญ่เช่น “แฝง” หรือ “ความผิดปกติทางเพศ” โดยที่ทำให้ความเป็น LGBT ถูกด้อยค่ากลางเป็นแค่สังคมชายขอบ เพียงแค่รสนิยมและการแสดงออกต่างจากสังคมกระแสหลัก ไม่ได้หมายความว่ากลุ่ม LGBT จะต้องแฝงตัว หรือ ความผิดปกติทางเพศ แต่ทำไมไม่ใช่ การมีอัตลักษณ์ที่ต่างไปจากสังคมกระแสหลักทำให้เกิดการตีค่าคำนิยายและกรอบทางศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรมขึ้นมากดดันจนทำให้ไม่สามารถแสดงอัตลักษณ์ที่แท้จริงออกมาได้อย่างอิสระ และเมื่อเป็นที่โจษจันขึ้นมา สังคมกระแสหลักจึงใช้กรอบทัศนะครอบงำที่ตัวเองตั้งขึ้นมาใช้นิยามว่า ผิดปกติ
ประมาณนั้น
คุณ defensive เกินจนเห็นทุกอย่างเป็น threat ครับ
สิ่งที่คุณอธิบายมาทั้งหมดนั่นแหละ เป็นเหตุผลที่ทำให้ LGBT ต้องแฝงตัว คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าแต่ก่อน LGBT ก็อยู่ลำบากมาก แล้วทำไมมันถึงยากมากที่จะยอมรับเรื่องในอดีตล่ะ ทำไมตอนนี้ เมื่อโลกเปิดกว้างมากขึ้น คุณจึงแสดงออกอย่างก้าวร้าวเมื่อมีคนพูดถึง LGBT ในอีกมุมมองหนึ่ง และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใดด้วย ทำไมเราจึงไม่ควรพูดถึงมัน ในเมื่อมันสามารถเป็นกรณีศึกษา เป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ และกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้ที่เข้ามาอ่านเรื่องเหล่านี้ในภายหลังได้
ุ่ถ้าให้แฟร์ ผมเองก็อาจจะอยู่ในกลุ่ม Cis-gender เป็นเวลานาน จนทำให้เข้าใจมุมมองของ Cis-gender ที่มีต่อ LGBT ซึ่งภายหลังเองพวกเขาก็เปิดใจยอมรับกันเยอะมาก ต้องขอบคุณความพยายามของเหล่า LGBT รุ่นก่อนและรุ่นนี้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBT กันมากขึ้น และทำให้มันกลายเป็นเรื่องปกติภายในสังคมไทย เหล่า Homophobe และ Troller ต้องกลายเป็นฝ่ายที่ต้องมาแฝงตัวแตนเหล่า LGBT แทนแล้ว (และผมก็อยู่กลุ่มเล็ก ๆ พวกนั้นด้วย) เพียงแต่ว่าตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น 100% มันต้องใช้เวลา และการแสดงออกที่ก้าวร้าวต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ผ่านไปผ่านมา ยังไม่เข้าใจแนวคิด LGBT แล้วมาอ่านความคิดเห็นเหล่านี้ จะทำให้เขารังเกียจ LGBT แทนที่จะยอมรับก็เป็นไปได้
ก้าวร้าว? อธิบายด้วยเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับกับการเลือกใช้ “ความผิดปกติทางเพศ” ที่ก็รู้กันว่า based on อะไร ที่แน่ๆ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ กับการใช้คำนิยามที่ไม่ถูกต้อง ที่ไม่ยึดติดกับนิยามที่พิสูจน์แล้วในปัจจุบัน ถ้าจะคิดแบบนั้นว่านั่นคือความก้าวร้าว ย่อมได้ เพราะนั่นคือภาพสะท้อน LGBT movement เพราะ pride กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ต้องผ่าน rebellion resistance Resilient เลือดตกยางออกกว่าที่จะทำให้ภาพสะท้อนของกลุ่มที่โดนตีกรอบว่าเป็นชายขอบมามีสิทธิ์มีเสียงได้รับความเท่าเทียมในสังคมปัจจุบันได้ ว่าเป็นมนุษย์มีสิทธิ์มีเสียงเหมือนคนทั่วไป ก็ขอยอมก้าวร้าวเพื่อความเท่าเทียมละกัน
ภายหลังก็ขอให้มีความสุขกับการถูกเหยียดเพราะผลจากพฤติกรรมของตัวเองแล้วกันนะ พวกนั้นยิ่งชอบพฤติกรรมอะไรแบบนี้เสียด้วย เพราะปั่นสนุกดี ดีไม่ดีอาจจะได้คนที่ผ่านไปผ่านมาเข้ามาต่อต้านคุณเพิ่มขึ้นเพราะหมั่นไส้ด้วย ก็ขอให้โชคดีแล้วกัน
ไม่มีอะไร ไม่เสียเวลาชีวิต 😎
ถกประเด็นกันด้วยข้อมูลไม่ได้ ใช้อารมณ์ใส่ bias อย่างเดียว ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วไม่รับฟังคำอธิบายในอีกแง่มุมนึง แล้วก็มาแช่งชัก แบบนี้คงไม่เสียเวลาตอบคำถามตอบโต้ต่อไปแล้วล่ะ คนที่อ่านคงมีวิจารณญาณคิดวิเคราะห์แยกแยะได้เอง
หัวเราะ ใครกันที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว สิ่งที่คุณอธิบายน่ะ เขาเข้าใจกันหมดแล้ว ไม่มีใครแย้งคุณด้วยซ้ำ มีแต่คุณเท่านั้นที่ไม่เข้าใจสิ่งที่จะสื่อแล้วแย้งในสิ่งที่คนอื่นเขาก็เห็นเหมือนคุณ คุณก็ยังจะเถียงในเรื่องที่เขาเข้าใจกันแล้วต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งที่มันไม่จำเป็นอะไรเลย งงกับคุณมากกว่าที่ลากเรื่องลงมาได้ขนาดนี้ ทั้งที่สิ่งที่ผมเล่ามันก็ความจริงที่เกิดขึ้น LGBT เคยถูกมองเป็นปัญหาความเบี่ยงเบนทางเพศมาก่อน (ไปเช็กหนังสือสุขศึกษาที่พิมพ์ช่วง 2000s ได้เลย) เพียงแต่ว่าปัญหามันลดลงมากจากความพยายามของเหล่า LGBT ที่ทำคนเข้าใจกันมากขึ้น แล้วคนก็กำลังปรับตัว มีแต่คนประเภทคุณนีแหละที่จะทำให้คนอื่นที่ไม่รู้จักเรื่องนี้เขามอง LGBT แย่กว่าเดิม ตื่นตัวจนอธิบายไม่เป็น
อย่างที่ได้บอกไปคือ LGBT มันไม่ใช่ความน่าภาคภูมิใจอะไรเลย คนที่เคยเป็นสมัยก๋อนก็พยายามจะแก้ไขตัวเองไม่ให้เป็น จนบางคนก็ต้องตายเพราะความพยายามนั้น มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว การใช้คำว่าแฝงตัวมันก็ไม่ได้แปลกอะไร นอกจากว่าตัวคุณเองจะคิดไปเองว่าคำนี้คือคำเหยียด เหมือนพวกมุก LGTV นั่นแหละ ผมเอาไปเล่นใน Gay Community แห่งหนึ่งแล้วนั่งหัวเรากันเองบ่อย ๆ ไม่มีใครเครียดกับมันเลย สิ่งที่ต้องผลักดันจริง ๆ คือการทำให้สังคมมองว่า กลุ่ม LGBT ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มสังคมรูปแบบหนึ่ง แค่นั้น ต้องการสิทธิ เสรีภาพ และการยอมรับที่เหมือนกับกลุ่มสังคมอื่น ๆ แต่คุณกำลังทำสิ่งตรงกันข้าม คุณกำลังทำให้เหมือนนี้เป็นเหมือนกลุ่ม "พิเศษ" ที่ต้องการความสนใจ และสนับสนุนเหมือนเป็นกลุ่มชนชั้นนำ ไม่ว่าใครมองเห็นก็รังเกียจ ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย คุณอยากให้มันเป็นแบบนั้นไหมล่ะ
ผมก็งงว่าเป็นอะไรกับคำว่าแฝง เมื่อในอดีตชาวเพศทางเลือกก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ จนมี slur ว่าอีแอบ และภาษาอังกฤษมีคำว่า coming out of closet
ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่ดีหรอก แต่มันยืนยันได้ว่าเพศทางเลือกต้องแฝงในสังคมเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม
ผมว่ากลุ่มหลากหลายที่เขาสู้เขาดิ้นรนกันมา เขาแข็งแกร่งพอที่จะไม่มาอะไรกับคำว่าแฝงนะ โดยส่วนตัวผมก็มองว่าเป็นคำที่สื่อถึงความลำบากของกลุ่มหลากหลายที่เราเห็นได้ดี ไม่ได้ดูเป็นแง่ลบอะไร ผมพยายามมองสองด้านด้วยการคิดให้เป็นแง่ลบนะ แต่แบบ ไม่ได้อะ มันไม่ใช่ 555 มันไม่เหมือนอย่างคำอื่น ๆ เช่นคำว่าเพศทางเลือกหรือความผิดปกติทางเพศหรืออะไรทำนองนั้นที่พอได้ฟังเหตุผลแล้วมัน make sense ในตัวเองว่าคำเหล่านั้นไม่โอเค
ปล. แถวยาวไป ขอคลิกตอบด้านล่างนี่เลยละกันครับ ด้วยความขี้เกียจ
ทำไมเวลาหนัง/สื่อบันเทิง/เกมส์ ทำอะไรออกมาแล้วแป้กชอบมาโทษ woke โทษ sjw โทษ LGBTQXYZ+ กันจังครับThe sims เองมันก็แสดงอาการหมดมุขมาซักพักใหญ่ ๆ จนคนเค้าเรียกร้องให้ขึ้น sim 5 กันซักพักแล้วนะครับ
จริงๆ แนวทางปรับค่าเป็นส่วนๆ ไปแบบนี้นี่ผมว่าดีกว่าการแยกเป็นร้อยๆ สายด้วยซ้ำ ผมคิด (และพูดบ้าง) อยู่เรื่อยๆ ว่าการแยกเป็นร้อยสาย (พร้อมตั้งชื่อและตัวย่อมาต่อท้าย) เนี่ยมันไม่เวิร์ค ทำไมเราต้องพยายามเอาค่ายย่อยๆ ที่มีไม่รู้กี่ตัว แต่ละตัวก็มีหลายคำตอบอีก มาจับกันเป็นก้อนแล้วตั้งชื่อขึ้นมาด้วย ทำไมไม่เอาแค่คุยเป็นส่วนของค่าย่อยๆ ไปแบบในข่าวนี้
คนที่ชอบแบบนั้นเค้าก็อยากปรับให้มันเป็นแบบที่อยากเป็นได้นี่ครับ อยากปรับเป็นแบบธรรมดาก็ได้เหมือนเดิมนี่นา?
ใช่มันคือ optional มันไม่ใช่การ Force ว่าเราจะต้องเลือก ไม่เลือกก็จบแค่นั้นไม่ได้บังคับให้เลือก
น่าจะตามกระแสครับ เพราะผมตอนผมเล่นใหม่ๆ เกมมันแบ่งแค่ชาย-หญิง 2 อย่างเท่านั้นupdate ความหลากหลายทางเพศ/สีผิว/เชื้อชาติ แบบนี้น่าจะพึ่งมาได้ประมาณ 2 ปี (ช่วงที่มีประเด็นกัน)
เฉพาะความหลากหลายทางเพศที่พึ่งจะมาเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนที่เหลือ สีผิว เชื้อชาติ มัน woke กันมาตั้งแต่ 2010 ละ แค่มันไม่ดังเหมือนช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหนึ่งที่คนดำคนหนึ่งตายแล้วแห่ BLM กันรัว ๆ
woke กันขนาดไหน ระดับที่ว่า ALM กับ Stop Asian Hate ยังโดนถล่มกลับ 55555
ALM จริงๆ มันเป็นเหมือน All (White) Lives Matter -> A(W)LM มากกว่า เพราะคนที่ชอบพูด ALM ก็เป็นพวก white supremacist ส่วนคนขาวที่เข้าใจสถานการณ์ก็จะไม่พูด ส่วน SAH มันก็แนวเดียวกับ BLM แหละ เพียงแต่คนเอเชียไม่เจอหนักเท่าคนดำครับ
ปล. ผมรู้เรื่องนี้ไม่มาก แต่ก็พอเข้าใจอยู่ครับ
ALM ผมมีมุมมองเดียวกับคุณเลย พวกที่พูด ALM ไปนี่คือเท่ากับไปขวางโชว์(กระแส)เขาแบบซึ่งหน้า เห็นจุดประสงค์แบบชัดเจนมากเลยว่าต้องการอะไร แต่ก็อดพูดถึงไม่ได้เพราะในความคิดเห็นส่วนตัว มองว่า BLM กระแสมันแรงมากเกินไปหน่อยจริง ๆ จนมีพวกฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายแล้วเอา BLM กำบังตัวเอง
ใช่ครับ ทางที่ดีที่สุดคือออกภาคใหม่แต่ ผมไม่ได้บอกว่าออกภาคใหม่เพื่อเรื่องนี้นะครับ
คืออยากเล่นภาคใหม่มากกว่าน่ะ
รอไปยาว ๆ ผ่านมาขนาดนี้ DLC รวมกันยังไม่เท่าคอนเทนต์ของ Sims 3 เลย 555
ถ้าภาคใหม่มีระบบ open neighborhood แบบ The Sims 3 ผมอาจจะซื้อวันแรกเลยก็ได้ เพราะพูดตรงๆ open neighborhood นี่ทำเอาผมเล่น 2 และ 4 ไม่ได้ เนื่องจากการเยี่ยมสถานที่ต่างๆ มันไม่ลื่นไหลแบบ 3 เลยครับ
ส่วนตัวผมไม่มองว่ามันคือการยัดเหยียด มองว่ามันคือ optional ไม่ได้แบบว่า Force ว่าเราจะต้องเลือกนะไม่เลือกไม่ได้ตัวเลือกนี้ เพราะเขาไม่ได้บังคับวว่าเราจะต้องเลือก ถ้าไม่เลือกก็ไปตามเพศวิถึชายหญิงเหมือนเดิม
ดราม่ากันยาวมากอยากให้มีสรุปจัง 55+