เดิมทีอุตสาหกรรมเพลง K-pop มักจะปล่อยเพลงภาษาอื่น ๆ นอกจากภาษาเกาหลี เพียงแค่ ภาษาญี่ปุ่น และ ภาษาอังกฤษ เท่านั้น แต่ไม่นานมานี้ โปรดิวเซอร์ของ HYBE ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ต้นสังกัดของศิลปินระดับโลกอย่าง BTS ได้ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อลดกำแพงทางภาษาเหล่านั้น
HYBE ได้ปล่อยเพลง Masquerade ของ MIDNATT ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 6 เวอร์ชัน (ภาษา) ได้แก่ เกาหลี อังกฤษ สเปน จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม
HYBE ได้เปิดเผยเบื้องหลังของเพลง Masquerade ว่า พวกเขาใช้ AI ผสมผสานเสียงร้องของศิลปินเข้ากับเสียงอ่านคำร้องของเจ้าของภาษา รวมถึงแยกองค์ประกอบเสียงต่าง ๆ เช่น การออกเสียง เสียงต่ำ ระดับเสียง ความดัง เพื่อแก้ไขการออกเสียงภาษาต่างประเทศของนักร้องให้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นซึ่งเป็นการใช้ Deep Learning ที่พัฒนาโดย Supertone บริษัทเทคโนโลยีด้านเสียง AI ที่ถูก HYBE ซื้อกิจการไปในเดือนมกราคมด้วยมูลค่า 45 พันล้านวอน หรือ 1.2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ HYBE ยังระบุว่า บริษัทมีแผนที่จะทำให้ครีเอเตอร์และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI บางส่วนที่ใช้ในเพลงของ MIDNATT รวมถึง Choi Jin-woo โปรดิวเซอร์ของ MIDNATT ยังกล่าวว่า เทคโนโลยีดังกล่าวอาจนำมาใช้สำหรับจุดประสงค์อื่นนอกจากด้านดนตรีได้ เช่น การใช้เป็นล่ามในการประชุมทางวิดีโอ
Comments
Deep Learing --> Deep Learning
อันนี้เจ๋งจริง
วุ้นแปลภาษา
ไม่ได้รับการยอมรับแน่ อย่างนี้ไม่ต้องมีนักร้องก็ได้ ต่อไปเอาดารามาเต้นอ้าปากงับอากาศตามเพลงก็ได้งั้นซิ
ปัจจุบันบางวงก็ Autotune จนร้องสดไม่ได้แล้วก็ยังมีคนชอบอยู่นะฮะ ถ้าสุดท้ายเพลงมันเพราะมันก็มีตลาดของมันอยู่แหละ
ผมว่าอันนี้ดีนะ เจอกันครึ่งทาง คนร้อง cover ได้งานเพิ่มขึ้นด้วย
จากค่ายเพลงที่แทบจะล้มละลาย และฝากการเสี่ยงทายสุดท้ายไว้กับวงบอยแบนด์วงแรกค่าย ชื่อ BTS จนกลายเป็นบอยแบนด์ kpop อันดับ1 รายได้จากวงนี้ สามารถให้บ.เลิกเช่าออฟฟิศเล็กๆ แล้วไปสร้างตึก HYPE Lable แล้วไล่ซื้อค่ายเพลงอื่น เรียกว่ามีทุกวันนี้ได้เพราะ BTS (และทีมงาน)
The Dream hacker..
จุดจบอาชีพล่ามของจริงเลย