กรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนออสเตรเลีย (Australian Securities & Investments Commission - ASIC) ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (Australian Securities Exchange - ASX) ฐานที่แสดงความมั่นใจว่าโครงการระบบบล็อคทดแทนระบบ COBOL เดิมจะเปิดให้บริการได้ตามกำหนด แม้ในความเป็นจริงจะล่าช้าและ ต้องยกเลิกไปในที่สุด
โครงการระบบใหม่ของ ASX เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 และเดิมมีกำหนดเปิดระบบเดือนเมษายน 2021 แต่ก็เลื่อนมาหลายครั้ง พร้อมกับลดขนาดโครงการ (descoped) จนในปี 2022 ทาง ASX ก็ยืนยันว่าพร้อมใช้งานจริงในเดือนเมษายน 2023 แต่สุดท้ายให้ Accenture เข้ามาตรวจสอบโครงการแล้วพบว่ามีข้อกังวลหลายอย่าง จนต้องยกเลิกระบบไปพร้อมบันทึกด้อยค่าโครงการทั้งหมดถึง 255 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ปัญหาของโครงการนี้ทำให้ ASIC สั่งปรับ ASX ไปก่อนแล้่วถึง 1,050,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมครั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดวงเงินที่จะเรียกร้อง
ที่มา - ASIC
Comments
blockchain ไม่สามารถเกิดในโลกอื่นได้เลยนอกจาก bitcoin และผองเพื่อนแค่นั้นเองเหรอ?
มองว่ามันเป็น Technology ที่ใหม่สำหรับคนทั่วๆ ไป ซึ่งมาพร้อมกับ Bitcoin แล้วก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจแนวคิดอีกมาก นอกจากถูกนำมาใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อระดมทุนโครงการต่างๆ ชวนลงทุน crypto หรือนำมาเป็นแนวคิดของแต่ละระบบ (ที่หลายๆ คน แม้แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะใช้งานมันยังไง นอกจากคนที่ศึกษาและทำงานในด้านนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว รวมถึงหลายๆ แนวคิดที่เกิดขึ้นที่จะใช้ Blockchain เนี่ย มันสามารถใช้เครื่องมือที่มีอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่ง Blockchain)
รวมถึงความซับซ้อนของระบบที่จะนำมาใช้งานจริงทั้งในทางทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และมี Use-case ที่จะใช้งานจริงได้ค่อนข้างจำกัด กลายเป็นว่าหลายโครงการที่เกี่ยวกับ Blockchain ไปไม่รอด ทั้งใช้งบประมาณสูง ใช้บุคลากรเฉพาะทางพอสมควร และยากที่จะสำเร็จ ผลคือโครงการถูกยุบ โดนยกเลิก ไม่ทำต่อ หรือล่าช้าไปหลายปี
ที่มันดังได้มาหลายปี ก็เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin กับ Cryptocurrency ต่างๆ และถูกใช้เป็น buzzword ในหลายโครงการที่เปิดระดมทุนตามกระแสช่วงเวลาที่ Bitcoin กำลังดังและมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ นั่นหละครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ไม่ค่อยเกี่ยวกันหรอก แต่ผมนึกถึง Excel กับ BI tools สมัยใหม่
ไม่ว่าของใหม่(block chain) จะดียังไงแต่ถ้าไม่ตอบ use case จริงๆ(แบบไม่ดันทุรัง) พวก transactions database ก็คงจะยังอยู่ต่อไป เหมือน Excel นั่นแหละ
ผมมองว่าถ้า implement จริง มันจะกลายเป็น technical debt ตัวใหญ่ในอนาคตครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ใช่ครับ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรต้องการใช้งานเกินกว่า Merkel Tree
ถ้าเรามีฐานข้อมูลที่ตรวจสอบจากภายนอกได้ว่ามีการลบหรือแก้ไขหรือไม่ (แค่ merkel tree เปล่าๆ ก็เพียงพอ ออกแบบไว้เพื่อการนี้แต่แรก) เราจะต้องการระบบ distributed ไปทำไม?
Satoshi Nakamoto นั้นระบุว่าต้องทำเป็น distributed เพราะไม่ต้องการให้หน่วยงานใดๆ สามารถแบนบัญชีได้ แต่นอกเหนือจากระบบการเงินที่ไม่ต้องการผู้บังคับใช้กฎหมาย มันมีระบบอะไรที่ไม่ต้องการให้มีการแบนบัญชีอีก? ตลาดหุ้นแบนบัญชีคนปั่นหุ้นหรือฉ้อโกงไม่ได้? ธนาคารล็อกบัญชีม้าไม่ได้? ดิจิทัลวอลเล็ตที่ปิดบัญชีร้านค้าโกงไม่ได้?
ระบบแทบทั้งหมดในโลกความเป็นจริงถูกควบคุมอย่างหนัก กรณีนี้คือจาก ASX และ ASIC แล้วเราจะขี่ข้างไปทำระบบที่ล็อกจากศูนย์กลางไม่ได้ แล้วก็พยายามหาทางล็อกให้ได้อีกรอบทำไม
ระบบตรวจสอบการออกใบรับรองดิจิทัลทุกวันนี้ก็ตรวจสอบย้อนกลับได้ ลบไม่ได้ แทบทุกรายรันบนฐานข้อมูล SQL ธรรมดา ใครยิงเซิร์ฟเวอร์ก็แบนไอพีทิ้งไป
lewcpe.com , @wasonliw
น่าจะเป็นอีก 1 เทคโนโลยีที่ไม่คุ้มต่อการลงทุนพัฒนามาใช้งานกับความต้องการทาง business ตอนนี้
..: เรื่อยไป
blockchain คือการ overkill หรือเปล่าครับ