Dr. Raymond M. Soneira ประธานของบริษัท DisplayMate ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแสดงผล เขียนบทความทดสอบจอภาพของ Surface ในเชิงลึก โดยเทียบกับแท็บเล็ตคู่แข่งทั้ง iPad 3 และ Galaxy Tab 10.1
การทดสอบรอบนี้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญจริงๆ และผลออกมาละเอียดมาก คัดมาเฉพาะผลสรุปนะครับ
DisplayMate ให้คะแนนโดยรวม (overall assessment) คือ iPad 3 ระดับ A, Surface ระดับ A- และ Galaxy Tab 10.1 ระดับ B+
ถ้าแยกย่อยเรื่องคุณสมบัติหน้าจอ iPad ชนะเรื่องสีสันของภาพ ส่วน Surface ชนะเรื่องการสะท้อนของแสงและอัตราคอนทราสต์ ทั้งสามรายทำคะแนนได้ดีพอๆ กันเรื่องการแสดงภาพเมื่อมองในมุมเอียง 30 องศา
จุดที่น่าสนใจคืออัตราการใช้พลังงานของ backlight ที่ Surface ชนะขาด ใช้พลังงาน 2.3 วัตต์ เทียบกับ Galaxy Tab ที่ 4.7 วัตต์ และ iPad ที่ 7.0 วัตต์ และในการทดสอบเปิดหน้าจอค้างไว้ที่ความสว่างสูงสุดโดยไม่ใช้งานอะไรเลย Surface ก็อยู่ได้นานถึง 8.1 ชั่วโมง ตามด้วย iPad 5.8 ชั่วโมง และ Galaxy Tab 4.8 ชั่วโมง
ที่มา - DisplayMate
Comments
ก็ชัดเจนดีนะครับ " iPad ชนะเรื่องสีสันของภาพ ส่วน Surface ชนะเรื่องการสะท้อนของแสง"
Surface ประหยัดไฟ ทำให้ใช้งานได้นานกว่า ก็ดีสิ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
จอ Surface ประหยัดไฟเบอร์ 5
A- อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยนะครับ และเมื่อเทียบกับบริโภคพลังงานแล้วยิ่งน่าสนใจมากมาก มิน่าแบตให้มาน้อยเพราะ มีดี นี่เอง /อยากรู้รายละเอียดเทคฯจอ surface ขึ้นมาแล้วซิ
สมราคาคุย จอ Surface Pro น่าจะดีขึ้นกว่านี้
แบตนานกว่าตั้ง 2-3 ชั่วโมงนี่...ไม่ใช่ย่อยนะ !!? (แต่ Pro น่าจะกินไฟมากขึ้นนี่นะ? รอดูๆ)
ประเด็นคือนานกว่าเมื่อ idle เนี่ยแหละครับ (แหงล่ะ ก็ทดสอบจอนี่นา?)
แล้วที่โฆษณาว่า iPad ใช้งานได้ 10 ชั่วโมงนั่นล่ะ?
Dream high, work hard.
น่าจะใช้ความสว่างหน้าจอต่ำสุด และปิดสัญญาณไร้สายทุกชนิดนะครับ
ใช้ 10 ชั่วโมงนั่นคือ web browsing อย่างน้อยก็ต้องเปิด Wi-Fi ล่ะครับ
Dream high, work hard.
ไม่ต้องต่ำสุด ไม่ต้องปิดไร้สายหมดก็ถึง(บ้างไม่ถึงบ้าง) ครับ
อย่าเปิดไฟเต็มสิครับ ทุกวันนี้ผมเปิด 40% เอง
ผมไม่ต้องการความละเอียดขนาดretina แต่ขออ่านอะไรได้นานๆหน่อย.เริ่มสนใจsurface ขึ้นมาแล้ว
ถือเป็นข่าวดี ส่วนตัวผมยังรอเครื่องอยู่เลย น่าจะได้อาทิตย์หน้า
สำหรับผม Paperwhite ดีที่สุดเลย อิอิ
สว่างสุดของ Surface อาจจะเท่ากับสว่าง 70% ของ Tab 10.1
ถ้าจะให้แฟร์ต้องปรับให้ความสว่างเท่ากันจริงๆ ก่อน เช่น ใช้เครื่องวัดแสงมาช่วยในการวัดแสงที่แต่ละเครื่องเปล่งออกมาแล้วปรับให้สว่างเท่ากันมากที่สุด
ระดับผู้เชี่ยวชาญวัดเขาทำได้มากกว่านั้นครับลองไปอ่านตามลิ้งค์เลยครับ
แฟร์ ? เค้าทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญตามข่าวครับ หรือคุณเชี่ยวชาญกว่า
ไม่ได้เชี่ยว แต่ผมคงพูดไม่ครบ ที่ว่าไม่แฟร์คือเปิดสว่างสุดทุกเครื่องแล้ววัดจำนวนชั่วโมงใช้งานครับ ส่วนอัตราการกินไฟนั้นถูกต้องแล้วที่ใช้ความสว่างเท่ากันในการวัด แต่ก็น่าจะใช้ความสว่างนี้ในการวัดชั่วโมงใช้งานด้วย
ผมว่าดีแล้วครับที่เขาแย้ง ไม่จำเป็นว่าผู้เชี่ยวชาญจะตรงไปตรงมาไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไร้ข้อผิดพลาด ดูที่ข้อมูลดีกว่าครับถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นเขาควรอ่านจากตัวที่อ้างอิงมาโดยตรงก่อนครับ
"Since the displays have different screen sizes and maximum brightness, the values are also scaled to the
same screen brightness (Luminance) and screen area in order to compare their relative Power Efficiencies."
จุดนี้ครับที่ผมคิดว่าไม่แฟร์ เพราะสว่างสุดของแต่ละจอมันคนละลูเมนส์แน่ๆ
"และในการทดสอบเปิดหน้าจอค้างไว้ที่ความสว่างสูงสุดโดยไม่ใช้งานอะไรเลย Surface ก็อยู่ได้นานถึง 8.1 ชั่วโมง ตามด้วย iPad 5.8 ชั่วโมง และ Galaxy Tab 4.8 ชั่วโมง"
ก็ใช่ไงครับ
"Since the displays have different screen sizes and maximum brightness, the values are also --
== scaled to the same screen brightness (Luminance) ==
-- and screen area in order to compare their relative Power Efficiencies."
แต่ถ้าอยากรู้ว่าเวลาจัดเต็มจะเป็นยังไง เค้าก็ทดสอบให้และได้ผลว่า Surface ไม่ยอมให้จัดหนักเกินไปเลยอึดกว่าคนอื่น
ผมไม่ได้ไปอ่านในลิ้งค์ข่าวนะ แค่อ่านเอาตามเนื้อข่าวข้างบน ซึ่งคุณ mk ไม่น่าแปลผิด ผมรู้สึกไม่แฟร์กับ Tab 10.1 เพราะเนื้อข่าวข้างบนบอกไว้ว่าเปิดสว่างสุดทุกเครื่องแล้ววัดชั่วโมงใช้งาน ผมว่าผมเข้าใจถูกตามเนื้อข่าวนะ เหมือนเอารถต่างยี่ห้อใส่น้ำมันเต็มถังและวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดของแต่ละคัน เพื่อดูใครวิ่งได้ระยะมากกว่ากัน
ผมเห็นด้วยนะ จะตัดสินว่า Surface แบตนานกว่าโดยเปิดแสงสว่างสูงสุดก็ไม่ได้ เพราะ iPad อาจสว่างกว่า ทำให้กินไฟมากกว่า หากจะวัดแบตควรทำให้ความสว่างหน้าจอเท่ากัน และคนปกติคงไม่ได้เปิดหน้าจอความสว่างสูงสุดทั้งวันหรอกครับ (ปวดตา)
ผมไม่แปลผิดหรอกครับ แต่มันมีผลการทดสอบอื่นๆ อีกเยอะที่ไม่ได้แปลมาครับ
ผมว่ามันก็แฟร์แล้วนิ
== scaled to the same screen brightness (Luminance) ==
ประโยคนี้มันแปลว่า วัดที่ความสว่าง (ความเข้มส่องสว่าง) เท่ากันไม่ใช่หรอ หรือผมเข้าใจผิด
ดูที่ผลการทดสอบสุดท้ายที่เปิดความสว่างสูงสุดทุกเครื่องสิครับ หรืออ่านในย่อหน้าสุดท้ายในเนื้อข่าวก็ได้
เปิดความสว่างสูงสุดทุกเครื่อง เพื่อดูว่าเครื่องไหนอยู่ได้นานสุด มันต้องสว่างไม่เท่ากันแน่ๆ ส่วนการทดสอบอื่น เช่น อัตราการกินไฟ เขาคงเปิดให้สว่างเท่ากัน
ตรงนั้นผมไม่ชัวร์นะ แต่เห็นบอกว่าทดสอบแบบไม่เปิดแอพ นั่นหมายความว่าถ้าแอพรันให้การ์ดจอทำงานเต็มที่อีก iPad ก็น่าจะยิ่งร่วงกราว
ชัดเจนแล้วครับ iPad ได้สีสันของภาพ Surface ได้การสะท้อนแสง ส่วนตัวอุปกรณ์พกพาจริงๆมันต้องเน้นประหยัดไฟอยู่แล้วเรื่องของสีไว้ทีหลังครับ หุหุ เอา iPad มาอ่าน e-book ไม่เวิร์คอย่างแรง โดนแดดที เลิก...
ถ้าจะอ่านกลางแจ้งจริงจังขนาดนั้นผมว่าไปทาง Kindle ดีกว่าครับ
ไอแพดหนักด้วย (ตัว 9.7 นิ้วนะ)
อ่านกลางแจ้ง อย่าลืมกางร่มนะคับเดี๋ยวจะร้อน ^___^
ปล.แต่ผมก็คงต้องเลือกใช้ iPad ต่อไป
ผมว่า Windows มีข้อดีตรงที่สามารถปรับ ClearType ให้กลับไปเป็นแบบ Pixel ได้นี่แหละ
การทำให้ฟอนต์โชว์ตามสเกลของ Pixel มันจะทำให้ตัวอักษรคอมตาม Pixel เลย และทำให้อ่านได้ง่ายไม่ปวดตาอีด้วย แต่ ClearType ในหลายๆ เวลามันทำให้ผมรู้สึกปวดตามาก เพราะมันจะมีการทำให้ฟอนต์ Smooth จึงทำให้มีการเฟดฟอนต์ให้มีความเข้มและบางใน Pixel ข้างเคียงที่ต่อเนื่องเป็นตัวอักษร ถึงแม้จะดูดี แต่การอ่านยังเทียบแบบ Pixeless ไม่ได้อยู่ดีตามความคิดผม... ซึ่งการทำให้ฟอนต์เป็น Pixel หรือ Standard ตาม Pixel มันจะทำให้พวกฟอนต์ Microsoft Sans Serif, Tahoma ที่ขนาดฟอนต์ 8,9,10 สามารถอ่านได้สบายตาง่ายๆ ไม่ว่าจะใช้จอที่ความละเอียดเท่าไหร่ก็ตาม ผมยังคิดเลยว่า เรื่องขนาดหน้าจอไม่เป็นอุปสรรคสำหรับ Microsoft เท่าไหร่เลย เพราะไม่ว่าจะเกมหรือโปรแกรมใดๆ ก็สามารถปรับการแสดงผลให้เหมะสมกับความละเอียดของจอได้ เช่น เกมต่างๆ ที่มีใน Windows ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความละเอียดหน้าจอ เพราะสามารถปรับความละเอียดของหน้าจอเพื่อความเหมาะสม และรวมถังการปรับจอให้ละเอียดต่ำ แต่เกมเร็วขึ้นและลดอาการ Lag ได้ด้วย
ผมก็ไม่เข้าใจนะว่า เรื่องความละเอียดหน้าจอที่หลากหลายของ Windows OS กลับไม่เป็นอุปสรรคใดๆ ต่างจาก iOS และ Android ที่ความละเอียดหน้าจอกลับมีอุปสรรค จนทำให้ Apple ต้องทำ iOS ให้มีขนาดหน้าจอที่แทบจะตายตัวเพื่อให้ตรงกับ Scale ที่วางเอาไว้ และ Android ที่เป็นปัญหามากในเรื่องหน้าจอที่มีความละเอียดที่หลากหลายมากไม่ต่างกับ Microsoft เท่าไหร่นัก แต่กลับทำมีคนตำหนิเรื่องนี้กันมาก
Windows ถ้าความละเอียดไม่ต่างกันแบบหลุดโลกจริง ๆ โปรแกรมแทบไม่เป็นปัญหาเลยก็จริง แต่ผมว่าน่าจะมาจากตัวโปรแกรมมันยืดหยุ่นปรับขนาดหน้าต่างได้มั้งครับ
ส่วนตัว Modern นี่สงสัยจะของจริง ใช้กับจอ Full HD หรือ 1024*768 ก็เฉย - -" fragment ไม่ใช่ปัญหาเค้าแฮะ
ผมว่าเรื่องประหยัดพลังงานนี่แหละน่าสนใจที่สุดเลย
ผมว่าน่าจะทดสอบตอนเล่นโปรแกรมเดียวกันด้วยนะ เปิดหน้าจอค้างไว้เฉยๆมันอาจจะจัดการทรัพยากรต่างกับตอนเล่นโปรแกรมก็ได้นะ
โปรแกรมเดียวกัน ลำบากละจะหาจากไหนที่มันเหมือนกันทั้ง 3 OS หว่า
แต่ละ OS ก็อาจมี Algorithm ในเกมต่างกันนะ วุ่นวายกว่าเดิมอีกครับ
เทสแบบ แข่งกับ OS ตรงๆ ผมว่าง่ายสุดละ