dtac ยังคงเดินหน้าเสริมแกร่งให้โครงการ accelerate ของตัวเองด้วยการประกาศความร่วมมือกับ Founder Insitute โครงการอบรมผู้ประกอบการรายใหญ่จากซิลิคอนวัลเลย์ หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นโครงการของตัวเอง Wizard of Apps ไปเมื่อไม่นานมานี้
Founder Insitute นั้นเป็นโครงการอบรมผู้ประกอบการที่เริ่มต้นและเติบโตในซิลิคอนวัลเลย์ ปัจจุบันก่อตั้งมาได้เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว และมีผลงานผลักดันบริษัทได้มากกว่า 1,000 แห่งจาก 42 เมืองทั่วโลก มีผู้ผ่านการอบรมอยู่ที่ประมาณ 550 คน
จุดแข็งของ Founder Institute อยู่ที่การมีพี่เลี้ยง (mentor) ระดับหัวแถวอยู่ตามเมืองต่างๆ ที่มีโครงการนี้อยู่ ที่โด่งดังและน่าจะคุ้นชื่อกันคงหนีไม่พ้น Elon Musk อดีตผู้ก่อตั้ง PayPal และซีอีโอ Tesla ในไทยก็มี Adrian Vanzyl ซีอีโอ Ardent Capital และพอล ศรีวรกุล ผู้ก่อตั้ง Ensogo
สำหรับโครงการ Founder Institute ในประเทศไทย เริ่มเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 7 ธันวาคม สามารถสมัครกันได้ที่ http://fi.co/join (มีค่าสมัคร 25 เหรียญ) โดยจะมีการทดสอบออนไลน์ซึ่งตรวจผลทดสอบกันโดยสำนักงานใหญ่ของ Founder Institute ที่ซิลิคอนวัลเลย์ด้วย และจะเริ่มโครงการในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ สิริรวมทั้งโครงการจะใช้เวลาทั้งสิ้น 14 สัปดาห์
กระบวนการอบรมของ Founder Insitute จะแบ่งออกเป็น 15 ขั้นตอน ครอบคลุมสามหัวข้อใหญ่ๆ ตั้งแต่การขัดเกลาไอเดีย ตั้งต้นธุรกิจ และไปเสร็จสิ้นที่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งหลังจบโครงการไปแล้วทาง Founder Institute จะมีการจัดวันเดโมซึ่งมีนักลงทุนมาฟังผลงานด้วย ทางฝั่ง dtac เองก็จะติดตามผลงานของผู้ผ่านโครงการนี้ไปได้ และอาจมีการช่วยเหลือในแง่ของทรัพยากร ช่วยคิดโมเดลการหารายได้ ไปจนถึงการลงทุนในผู้ประกอบการรายนั้นๆ
Founder Institute ประเมินว่าจะมีผู้ผ่านการรับเลือกเข้าโครงการอยู่ที่ 20-30 คน และคาดว่าจะผ่านการอบรมประมาณ 15 คนครับ
Comments
ขออนุญาตนะครับ
ค่าสมัคร $25
ค่าเรียน $650
ไม่มีเงิน seed ให้ตั้งบริษัท
ยึดหุ้นบริษัทนักเรียนอีก 3.5%
ถ้าบริษัทนักเรียนระดมทุนได้ ก็ต้องจ่ายอีก $4500
ถ้า incubator เขามั่นใจว่าเก่งจริง สตาร์ตอัพคุณจะรุ่งเรืองมีกำไรในอนาคต เขาไม่มาคิดเงินแต่แรกหรอกครับ แค่ขอแบ่งหุ้นบริษัทคุณไป ในอนาคตถ้าบริษัทคุณมีกำไรเป็นสิบเป็นร้อยล้าน incubator ก็ exit ได้เงินมากกว่าทั้งหมดที่ว่ามารวมกันอีก แฟร์ทั้งสองฝ่าย ถ้าคิดเงินแต่แรกนี่ แสดงว่ากินรวบเดียวแต่แรก ไม่มีแรงจูงใจให้ปั้นบริษัทคุณให้รุ่งครับ
ไม่นับต้องไปเรียน part time อีก เสียเวลาไปอีก 4 เดือน
ถ้าอยากตั้งสตาร์ตอัพนะครับ ง่ายๆ เลย เอาเงิน 350 บาท ไปจดโดเมนเนมนะครับ
แล้วไปเปิดใช้บริการ Amazon Web Service นะครับ ใช้ฟรี 1 ปี ไม่เสียสักบาท
ระหว่างที่ยังเขียนโปรแกรมเขียนแอ็ปไม่เสร็จ ในหน้าหน้าเว็บของคุณ ให้ลงบล็อกไว้ครับ เวิร์ดเพรสก็ได้ ดรูปัล ก็ได้ แล้วเขียนบล็อกคุยกับคนในอินเตอร์เน็ตครับ อธิบายว่าคุณกำลังอยากทำอะไร ถามเขาว่าอยากได้สิ่งที่คุณกำลังจะทำมั้ย อยากได้มากขนาดไหน จะยอมจ่ายตังค์ซื้อสิ่งที่คุณกำลังจะเขียนมั้ย
เอาบล็อกของคุณไปโพสต์ตาม community ตาม facebook page ต่างๆ นะครับ วัดเสียงตอบรับ และสร้างผู้ติดตามครับ ถ้าปัญหาที่คุณกำลังแก้นั้นดีจริงๆ จะมีคนมาให้กำลังให้คุณสร้างสิ่งที่เขาอยากได้เร็วๆ เองครับ
ไม่ต้องกลัวว่าไอเดียคุณจะมีคนก็อปนะครับ ถ้าไอเดียคุณแปลกใหม่จริงๆ จะไม่มีใครกล้าก็อปหรอก แต่ถ้าไอเดียคุณเป็นสิ่งดาษดื่นที่ใครๆ ก็น่าจะนึกออกได้ มันก็จะมีคนทำไปแล้วครับ หรือโดนก็อปง่าย ไม่น่าทำเป็น business แต่แรกอยู่แล้วครับ
ไม่เกินสองเดือนก็เห็นผลแล้วครับ ว่าคนสนใจหรือไม่ ถ้าคนสนใจ คุณก็จะ launch โปรดักส์ของคุณได้แบบมีฐานลูกค้าพร้อม แต่ถ้าไม่เวิร์ก ก็เสียเงินแค่ 350 บาทครับ ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มนอกจากเวลา
ถ้าในทีมคุณไม่มีใครตั้งระบบและเขียนโปรแกรมได้ อย่าเพิ่งคิดทำสตาร์ตอัพครับ ไปหาเพื่อนร่วมทีมฝ่ายเทคนิคให้ได้ก่อน
หรือถ้าทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทีมของคุณไม่สามารถทำเองได้ ต้องรอให้มีคนมาสอน อย่าคิดทำสตาร์ตอัพครับ ทำธุรกิจต้องพึ่งตนเอง ดิ้นรนด้วยตนเอง เรียนรู้หาประสบการณ์ระหว่างทำไปเอง ถ้าทีมคุณพึ่งตัวเองไม่ได้ ทำธุรกิจไม่รอดครับ
เพราะฉะนั้น แค่ 350 บาทก็เริ่มทำสตาร์ตอัพได้ครับ อย่าไปบ้าตามกระแสให้โดนดูดเงิน เงินสองหมื่นสามหมื่น มีค่ามากครับ โดยเฉพาะตอนคุณออกจากงานมาทุ่มเต็มกำลัง เงินสามหมื่น ช่วยให้คุณมีข้าวกินได้เป็นเดือนเลยนะครับ
ประเทศไทยไม่ใช่ silicon valley ครับ ที่แค่มีไอเดียดี ทีมมีความสามารถ แล้วจะมีคนมาให้เงินคุณ
พูดแรงไปขออภัยนะครับ กล้าพูดแบบนี้เพราะเป็น blognone สังคมใช้ความคิดครับ
โอ้...
ผมชอบideaคุณครับ ถ้าอยากประสบความสำเร็จจะต้องลองทำและศึกษา ผมจะลองทำตามideaของคุณดู ผมก็อยากลองทำ startupอยู่เหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับ comment ครับ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับ startup
ว้าวเลยทีเดียว
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ผมคิดแบบเดียวกับคุณครับ ซื้อโดเมน (แต่ของผมตั้งเซิฟเองนะ) ไม่ต้องให้ใครมาครอบงำตัวเอง
เงินทุกบาทคือทุน ให้เขามาชุบมือเปิบแบบนี้ไม่ได้ ดีไม่ดีที่อบรมมาก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีก เสียเงินเปล่าๆ