บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล SoftWatch ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการใช้ Microsoft Office ของพนักงาน 148,500 คนในองค์กร 51 แห่ง พบว่าพนักงานถึง 7 ใน 10 คน ใช้งาน Office เพียงแค่เปิดเอกสารหรือแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ไม่คุ้มค่าไลเซนส์ที่จ่ายไปนัก
ผลการศึกษายังพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียง 48 นาทีรวมต่อวันกับโปรแกรมตระกูล Office และส่วนใหญ่ก็เป็นการใช้โปรแกรมอีเมล Outlook รองลงมาคือ Excel, Word และ PowerPoint ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าพนักงานถึง 29% ใช้ Word กับ Excel เพื่อเปิดอ่านเอกสารหรือไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ และตัวเลขนี้สูงขึ้นถึง 70% เมื่อเป็น PowerPoint
SoftWatch มองว่าปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์น้อยและไม่คุ้มเงินที่จ่ายไปแบบนี้อาจผลักดันให้องค์กรพิจารณาทางเลือกที่จ่ายน้อยลง แต่ยังได้งานใกล้เคียงกันอย่าง Google Apps มากขึ้น
ทั้งนี้ SoftWatch เป็นตัวแทนจำหน่าย Google Apps รายหนึ่งด้วยครับ
ที่มา: Tech World
Comments
เปลี่ยนมาใช้ libre office หรือ openoffice เถอะ ผมว่าคนที่ใช้จริงๆ จังๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกพนักงานบัญชีมากกว่า หรือพวกพิมพ์เอกสารภายในพวกนี้ ส่วนที่เหลือคือเปิดอ่านเท่านั้น
ประเด็นคือ ถ้าเปิดเอกสาร สร้าง หรือแก้ไขเอกสาร จะใช้ร่วมกับแอพอื่นได้ไหม นั่นล่ะครับ
บางทีก็ไม่ได้อยากใช้ หรือเคยชินหรอกครับ อยากเปลี่ยนใจจะขาด แต่มันทำงานกับคนอื่นลำบาก ก็เลยเป็นไฟท์บังคับน่ะครับ
เหมือนจำใจกินบุฟเฟห์ทั้งๆ ที่กินไม่คุ้มเพราะเค้าไปกันทั้งแผนกหรือเปล่าครับ :-D
ปัญหาหลักคือเอาไฟล์งานที่ทำใน M$ Office ไปใช้กับโปรแกรมอื่นแล้วมันเกิดปัญหา ทั้งฟอนต์ เลย์เอาท์ การตัดคำ ฯลฯแล้วฟีเจอร์ที่ไมโครซอฟท์ยัดใส่เข้ามาให้ก็มากมายเกินความจำเป็นด้วย ยกตัวอย่าง VBA สำหรับ Excel นี่ ผมคิดว่าคนส่วนมากอาจจะไม่เคยใช้ในส่วนนี้เลย บางส่วนแค่เอาไฟล์ที่เค้าทำเอาไว้แล้วมาใช้ต่อ แต่ไม่ได้สร้างเอง แล้วน่าจะน้อยคนจริงๆ ที่ทำ VBA ใช้เองแบบจริงๆ จังๆ พนักงานส่วนมากก็แค่ใส่ข้อมูลในตารางแล้วใส่ filter กับ function ก็เทพสุดในสำนักงานแล้วมั้ง
ผมเห็นด้วยกับแนวทางที่ M$ แจก Office ไปกับ device นะ เอาแค่ฟังก์ชั่นพื้นฐานก็พอ ส่วนอะไรที่มันเกินกว่านั้นให้เป็นส่วนเสริมที่ต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าจะให้ดีช่วยทำให้ M$ Office for Mac มันเปิดเอกสารไทยที่ทำมาจาก M$ Office for Windows ได้แบบเป๊ะซะทีจะได้ไม๊..
คงยากล่ะครับเอาแค่ MS Office ต่างเวอร์ชั่นบนวินโดว์ยังเพี้ยนซะขนาดนั้น ข้าม OS อย่าได้หวังจะทำได้
ผมทำสำเร็จมาแล้วครับ ให้เจ้านายเปลี่ยนทั้งบริษัทเลย จะมีบางเครื่องเท่านั้นที่มีไว้เผื่อมีปัญหาทางเทคนิค
เอาอะไรมาวัดความคุ้มค่าครับ ระยะเวลากับการแก้ไขเพียงเล็กน้อย เพียงพอจะบอกว่าคุ้มค่าจริงหรือเปล่า ? // ขอบคุณสำหรับข่าวนะครับ
บางทีวัดเรื่องเวลาอาจไม่ถูก อาจต้องวัดมูลค่าที่ทำได้จากตัวแอพ เทียบกับค่าไลเซนต์ด้วยนะครับ ซึ่งผมว่าหน่วยงานธุรกิจทั่วไปก็คิดเรื่องนี้ล่ะ
ต้นทุน (ค่าซอฟต์แวร์ ต่อหัว) เทียบกับ ผลผลิต (งานที่ได้ ต่อหัว)
เอ่อ...... รุ่น Viewer ก็มีครับ ฟรีด้วย = =
แต่เว้นเรื่อง OLP นะ
ขึ้นอยู่กับองค์กรครับ
สมัยผมทำ ERM นี่ผมว่าคุ้มมาก ผมทำด้านที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมซึ่งใช้งานทั้ง Word, Excel, PowerPoint, Outlook ตลอด เป็นงานที่ทำให้ผมรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในตลาดองค์กรเลยแหละ เพราะโปรแกรมแต่ละตัวทำงานเข้ากันดีมาก ทั้ง Sharepoint, Office, Lync, Windows
เค้าบอกแค่ว่า ส่วนใหญ่ไช้น้อยแบบนั้นครับ
ตลอดมาผมแนะนำให้ไช้ office ทางเลือกฟรีๆ มาตลอดเพราะรู้ดีว่าไม่ค่อยใด้ไช้งานหรอก
แต่มันมีเรื่องความเข้ากันใด้ ตอนหลังเลยแนะนำให้ลง office ทุก 4-5 เครื่องแทนการลงทุกเครื่องเพื่อลดต้นทุน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เห็นคำชักชวนให้มาใช้ Office ฟรีๆ ทั้งหลายนี้ ผมอยากเห็นSuccess Story เป็นแนวทางด้วยครับ
I need healing.
ถ้าใช้เป็นจริงๆ ผมว่าค่า Excel ตัวเดียวนี่ก็คุ้มพอจ่ายค่าไลเซนส์ของชุดออฟฟิศทั้งชุดเลยนะ
lewcpe.com , @wasonliw
ผมว่า %ที่ใช้เป็นจริงๆ ก็ส่วนนึง (น้อย)และงานที่ต้องใช้ความสามารถขนาดนั้นก็คงส่วนนึง (น้อยมาก)
แต่ส่วนใหญ่แค่แก้เอกสารเบื้องต้น บางงานเปิดมาอ่านอย่างเดียวบางงานเปิดมาแก้นิดๆหน่อยๆ
มุมมองของธุรกิจคงใช้คำว่าคุ้มไม่ได้ถ้ารวมต้นทุนของ MS office สูงกว่าผลตอบแทน ที่ได้รับ
ผมคนนึงครับที่ใช้เขียน VBA ใน Excel เองเพื่อใช้ในงานวิเคราะห์ข้อมูล ทั่วๆ ไปประจำวันให้ออกมาเป็นกราฟ เอาดูง่ายๆ นะครับถ้าไม่มีนี่ ชีวิตจะลำบากกว่านี้เยอะเลย
+1 แต่มันแล้วแต่แผนกด้วยนะครับ แต่อย่างแผนกผมทำงานด้านวิศวกรรม ต้องมีการวางแผนงานและวิเคราะห์ มีทำกราฟกันมหาศาล เจ้าตัว VBA นี่ใช้เยอะมากก (function เดิมๆ เอาไม่อยู่จริงๆ)
Excel + VBA นี่แผนกผมรักๆ เลย
Outlook ยังใช้ยากกว่า Thunderbird อีกตั้งค่า Auto แต่ละเมล์เลย
ทั้งแม้จะไม่ได้ใช้งาน VBA แต่ไฟล์บางไฟล์จะทำงานได้สมบูรณ์เพราะ VBA ยังไงก็ต้องยอมซื้อล่ะครับ
แต่ถ้าไม่ได้แก้เอกสารอะไรให้อ่านเฉย ๆ นี่น่าจะออกมาเป็น PDF นะครับ ฟอร์แมตไม่เพี้ยนตามเครื่องที่เปิดด้วย
ส่วน Word ก็เอาไว้สำหรับเครื่องที่ต้องแก้ไขจริง ๆ
แต่ว่ากันตามตรงแล้วถ้าเปิดจากอีเมล มันก็มี Office Web App อยู่นะครับฟรีด้วย ก็น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ผูกบัญชีกับ MS เป็นหลักแต่ใครผูกกับ Google เป็นหลัก ใช้ Google Apps สะดวกกว่าครับ
จริง! และน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว
ทุกอย่างครับมีเพียงน้อยนิดที่จะเอาไปใช้ได้เต็มที่ เช่นไอโฟนมันทำไรได้เยอะมากแต่คนส่วนใหญ่ก็แค่โทรแชทแอพและเกม ซึ่งมันไม่คุ้ม ผมว่ามันต้องตัดสินค่าไลเซนที่ความสะดวกและประสิทธิภาพของงานเป็นหลักมากกว่านะครับ แต่อย่างว่าก็อยากขายของมันก็ต้องบลัฟกันไป
Office.com ก็โอเคอยู่นะ
ສະບາຍດີ :)
องค์กรที่ผมทำงานเคยรณรงค์ให้ใช้ Openoffice อยู่พักนึง แต่ก็เหมือนจะเงียบๆ ไป ผมมองว่าน่าจะเพราะบ้านเราไม่ได้เติบโตกับ Linux แต่เติบโตมากับ windows
ซื้อ license ลง terminal server เครื่องเดียว ใครจะใช้ทำอะไรก็ remote เข้าไป ไฟล์อยู่บนไดรฟ์กลางอยู่แล้ว
//โดน MS ตบ
โดนค่า CAL แทน
+1 RDS CAL อย่าคิดว่าจะรอด
ราคา xxxx/User แพงระยับจริงๆ
CAL คืออะไรครับ?
I am Cortana.Nice to meet you.
Client Access List (?)
^
^
that's just my two cents.
Client Access License
CAL = Client Access Licenses สัญญาณการใช้สิทธิ์เชื่อมต่อกับระบบใดๆ ได้พร้อมๆ กัน เช่น Windows Server มักจะให้มา 5 CAL ซึ่ง 5 CAL คือเราสามารถใช้งาน Service ใดๆ ได้พร้อม กัน 5 เครื่องได้ (เช่น RDS เข้ามาใช้งาน ถ้าเกินต้องซื้อเพิ่ม)
RDS ต้องซื้อแยกครับ ไม่ได้รวมมากับ CAL เดิมครับ เรื่องนี้ผมด่า MS แล้วก็เป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือนเคย
MS office คิดไลเซน Per User หรือเปล่าครับ
มีแบบต่อเครื่องและแบบต่อคน
^
^
that's just my two cents.
อยู่ที่คนใช้ด้วยนะ ถ้าตามทันใช้คุ้มได้ก็ดี แน่นอนคนขายก็ต้องใส่ฟีเจอร์เพิ่มเพื่อผลกำไร แต่ก็เหมือน H/W นั่นละปัจจุบันเครื่องสเปกต่ำราคาไม่แพงก็ทำงานได้ครอบคลุมเยอะมากใช้งานไม่หมดแล้ว เลยกลายเป็นเรื่องของการลดขนาดลดพลังงาน เคลื่อนที่พกพาไป ตลาดการคำนวณเฉพาะทางนั้นมันก็ไม่แมสอยู่แล้ว
ผมพบว่าพนักงานออฟฟิศเกินครึ่งใช้งาน MS Office ไม่ได้ในระดับที่ควรจะเป็นครับ
อย่าง Word เนี่ย บางคนไม่เคยใช้ Style บางคนไม่เคยใช้ Template บางคนไม่เคยใช้ Numbered List หรือ List ด้วยซ้ำ
แต่ทุกคนจะเขียนใน Resume ว่าใช้ MS Office ได้ ทั้งๆ ไอ้ที่ใช้เป็นมันแค่ระดับ Wordpad เอง (ซึ่งไม่ต้องซื้อ MS Office ให้ใช้ก็ได้นะ ใช้ Wordpad ไป)
มันอยู่ที่ตำแหน่งงานนั้นๆด้วยนะครับ ว่าต้องการใช้ในระดับยากง่ายแค่ไหน อย่างน้อยๆไอ้คำว่าใช้เป็นก็คือใช้งานพื้นฐานของโปรแกรมได้คล่อง ซึ่งหากมีพื้นฐานตรงนี้ก็สามารถขยับขยายใช้งานในระดับที่ยากซับซ้อนมากกว่านั้นได้ง่าย และผมก็ไม่รู้ด้วยว่า ใช้โปรแกรมไม่ได้ในระดับที่ควรจะเป็น มันวัดจากอะไร
ยกตัวอย่าง เลขานุการที่แค่รวบรวมทำเอกสารที่เป็นคำสั่งเจ้านายทั้งภายในและภายนอก แค่จัดเอกสารเป็น พิมพ์สัมผัสคล่อง ก็พอแล้ว นอกนั้นเป็นความสามารถอื่นๆ ถามว่า Wordpad ทำได้มั้ย มันก็ทำได้แต่องค์กรณ์เค้าไม่ได้ใช้ Wordpad ไง
Template อันนี้ผมว่ามันเป็นเพีบงพีเจอร์ธรรมดาเท่านั้น หากอยากทำแบบมืออาชีพไม่ควรใช้เพราะมันจะโหลครับNumbered List โอเคตรงนี้จะอำนวยความสะดวกได้ แต่ถามว่าถึงเค้าจะไม่เคยใช้ แต่แค่บอกครั้งเดียวเค้าก็ทำได้
ผมว่า Resume ที่เค้าจะบอกว่าใช้เป็น ก็ไม่เกินความจริง หากตำแหน่งงานเค้าต้องการแค่นั้น
อย่าง excel สูตรทั้งหลายแหล่ะ บางบริษัทไม่จำเป็นเลยเพราะสร้างโปรแกรมคำนวนเอา ดึงข้อมูลออกมาเป็นรายงานแทน พนักงานแค่ปริ้นออกมา ตรวจสอบความถูกต้องแล้วเซ็น จบ ส่งเจ้านายได้
+1 ยิ่งพวกพยายามทำมาแล้วบอกว่าเป็นเทมเพลตนี่ บางทีให้บอกรายละเอียดทั้งหมดมาให้ตั้งเองยังจะดีกว่าอีกครับ :S ยังไม่เคยเจอเจ้าไหนทำมาแล้วสั่งทำสารบัญอัตโนมัติสำเร็จ ต้องมาจัดใหม่เองก่อนทุกที
ที่ผมรับข้อมูลจากลูกค้ามา มีจำนวนมากกกกกก ที่ใช้ไม่เป็นแม้กระทั่งพื้นฐานการพิมพ์เอกสาร คุณท่านเล่นใช้วิธีกด enter เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่ทุกบรรทัด
อาจจะชินมาจากพิมพ์ดีดก็เป็นได้นะครับ
Enter ขึ้นบรรทัดนี่ผมว่ายังไม่เท่าไร
เจอแล้ว Facepalm เลยนี่คือใช้การเคาะ space จัดย่อหน้า
พูดถึง word นี่ เจอ font คนละขนาดในบรรทัดเดียวกันประจำ = ='
เห็นจริงครับว่าบริษัทจำนวนมากไม่ค่อยใช้ Software ที่มีในเครื่องได้คุ้มค่าครับ ความจริงแล้วผมว่าแทบทุก Application เลยครับ แต่เพราะค่านิยม Software เถื่อนในไทยทำให้คนไทยไม่ค่อยแคร์ที่จะแก้ใขครับ
เช่น Photoshop นั้นมีความสามารถเยอะกว่าที่คนใช้จริงมากๆครับ หรือ MS Word/Excel ก็เช่นเดียวกัน
ตัวผมโชคดีที่องค์กรปรับตัวเองเข้าสู่ GDocs ได้และปัจจุบันก็เริ่มไม่ค่อยอยากใช้ MS Office เพราะการทำงาน GDocs มันเหมาะสมกับงานของเรามากกว่าครับ : )
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
ไม่ได้จ่ายเงินซื้อเองเลยไม่สนใจว่าจะคุ้มรึเปล่าสินะครับ
ทำให้คิดถึง Windows เถื่อนเลยครับ
ทั้ง ๆ ที่ Windows Home Premium ก็ไม่ได้แพงมาก
แต่ก็ไม่ใช้ อยากจะใช้ Ultimate ที่แพงมาก (พอแพงก็เอามาข้ออ้างแบบผิด ๆ)
ทั้ง ๆ ที่ฟีเจอร์ที่ใช้ Home Premium ก็ตอบโจทย์หมดแล้ว
ทำผมนึกถึงอีกประเด็น ร้านลงซอฟต์แวร์เถื่อน ชอบลงตัว Ultimate มาให้ ทั้งที่ใช้งานจริงไม่เคยใช้ฟังก์ชั่นพวกนั้นเลย แค่ Professional ก็เหลือเฟือแล้ว
หรือเห็นว่าของเถื่อน ไหน ๆ ก็ไม่ต้องเสียเงิน เลยเอาที่แพงที่สุด - - แต่ความรู้สึกผมตัว Pro ใช้ดีกว่า Ultimate นะ เหมือนจะเร็วกว่าด้วย (ความรู้สึกล้วนๆ)
ผมว่าไม่ใช่ความรู้สึกอย่างเดียวหรอก เพราะบางฟีเจอร์จะถูกเปิดใช้งานเป็นค่าดีฟอลต์ในรุ่น Ultimate แต่ต้องเปิดใช้เอง (หรือไม่มีให้ใช้เลย) ในรุ่น Pro
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
มีใครแถวนี้ใช้ LaTex บ้างมั้ยครับ?
ผมเพิ่งหัดครับ
ใช้มานานแล้วแต่ก็ยังเหมือนเพิ่งเริ่มหัดอยู่ดี ฮาาา
Outlook Word Excel PowerPoint บริษัทผมมีให้แค่นี้ แต่ผมว่า Word ผมใช้ไม่คุ้ม จะพิมอะไรที่เป็นเอกสารหน่อยไปใช้ notepad++ ตลอด
ในระดับบริษัทใหญ่ๆ เค้าไม่สนใจว่าคุ้มค่าไม่คุ้มค่าในเรื่องยิบย่อยพวกนี้นะจากที่พบเจอมา เค้าสนใจแค่ว่ามันทำให้งานทั้งระบบยังคงส่งต่อข้อมูลกันไปมาได้อย่างราบรื่นได้หรือไม่เป็นหลักมากกว่า คือมูลค่าเงินที่ลงไปกับมูลค่าความราบรื่นในการประสานงานมักทำให้เรื่องพวกนี้ดูเล็กน้อยลงไป
+1
+1
ผมว่าเค้าวัดความคุ้มค่าแบบแปลกๆนะ
- ถ้าใช้เวลาในการใช้งานโปรแกรมนิดเดียวนี่คือทำงานได้เร็วหรือเปล่าครับหรือว่าโปรแกรมไม่ดีจนไม่ใช้กัน
- ถ้าเปลี่ยนเป็นค่ายอื่นแล้วใช้เวลาเพิ่ม 5 เท่าแปลว่าคุ้มหรือครับ หรือว่ามัวแต่แก้ปัญหานู้นนี่
ผมเลือกแบบแรกนะ จะได้ทำอย่างอื่นต่อ 555
แซวเล่นขำๆน่ะครับ ประเด็นคือเค้าวัดความคุ้มค่าจากเวลาการใช้งานผมว่ามันไม่ถูกนะ น่าจะวัดจากผลกระทบที่ตามมาต่อการดำเนินการธุรกิจ(แน่นอน software เปลี่ยน พฤติกรรมการใช้งานเปลี่ยน) เทียบกับความคุ้มค่าที่ได้ลดค่า license ลงไป ทั้งด้านเงิน เวลา ค่าเสียโอกาส
คืออยากได้เป็นความรู้ด้วยว่าจะประเมิณกันยังไง
โรงงานผม Excel ตัวเดียวโคตรคุ้มแล้วล่ะครับ
ไม่รู้ครัช ใช้ OpenOffice มาตลอดจนมันเปลี่ยนเป็น LibraOffice
ตระกูล open หรือ libra มันอาจจะไม่เหมาะสำหรับบางสายงาน บางทีก็ต้องดูประเภทธุรกิจด้วยครับ เช่น
ถ้าบริษัทเล็ก ยอดขาย 100 - 200 ลบ. ต่อปี บางทีซื้อ License MS OFFICE มาใช้ไม่คุ้ม หรือบริษัทประเภท IT วันๆยุ่งแต่ PHP , JAVA , RUBY , Database ก็ไม่ได้ใช้ OFFICE อย่างคุ้มค่าเหมือนกัน
ผมเข้าใจว่าคนเล่น Blognone อยู่สาย IT ส่วนมาก เลยคิดว่า ใช้ Open Office หรือ Libra Office ก็ใช้แทนกันได้
ถูกต้องครับ แต่ต้องมามองสายงานบางสาย
เช่น สายพวก Financial ทั้งหลาย เป็น Office Base เลยนะครับ พวกนี้ใช้งาน Office เกือบ 95% ของงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Word , Excel , Powerpoint , Lynx และ Outlook อย่างที่ทำงานผม รายได้ปีละ 90,000 ล้าน ++ เรื่องความเชื่อถือได้ของระบบ สำคัญมาก รวมไปถึงการ Support อย่างดี และต้องการความปลอดภัยระดับสูงสุด
การซื้อ Solution ทั้งระบบเป็นทางออกที่ดี และ โปรแกรมตระกูล libra หรือ open office คงตอบโจทย์แบบนี้ไม่ได้แน่นอน และ มีความเสี่ยงสูงมาก รวมไปถึง การแก้ไขที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก
ลองคิดดูว่า การ maintain 30,000 User ในบริษัท มันโหดแค่ไหน
ความคุ้ม น่าจะนับเป็นจำนวนเอกสารที่ถูกเปิดอ่าน และจำนวนคำที่ถูกแก้ไข หรือเพิ่มเข้าไปนะครับแต่จะถูกต้องจริง ๆ ต้องนับฟีเจอร์ที่ถูกใช้งานมากกว่า
อย่าง MS Word ทำสารบัญเนี่ย ใช้เวลาแค่ไม่กี่วิเอง หรือจะเปลี่ยน Format ก็ใช้เวลาน้อยมาก
แต่ถ้าใช้ไม่คุ้มเนี่ย จัดสารบัญอาจจะใช้เวลาเป็นวัน เปลี่ยน Format อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียวกว่าจะเสร็จ
คุ้มหรือป่าวก็คือ การเอามันมาใช้แล้วเราได้กำไรหรือป่าว ถ้าไม่ได้ก็ไม่คุ้มครับ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ ต้องการ security และ หากจะสอนให้พนักงานใช้ open source ก็คงต้องเทรนตลอดเวลา เพราะพนักงานมีสมัครเข้าลาออกตลอดเวลา word excel powerpoint ทุกคนก็มีสกิลติดตัวได้มาประมาณนึง
นอกเรื่องครับ วันก่อนผมจะพิมพ์รายชื่อพนักงาน โดยใช้ libre office จะทำกระดาษแนวนอน ไปไม่เป็นเลยทีเดียว ต้องยืมเครื่องที่มี MS Office ทำกระดาษแนวนอนแล้วทำตารางแล้ว save ออกมา ผมมาพิมพ์ชื่อต่ออีกที