Phil Schiller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับรายการของ John Gruber ตอบคำถามประเด็นที่หลายคนสงสัย ดังนี้
- ทำไมสตอเรจของ iPhone เริ่มต้นที่ 16GB น้อยเกินไปไหมสำหรับยุคปัจจุบัน?คำตอบของ Schiller คือในระยะยาว โลกจะหมุนไปทางที่ใช้ iCloud เก็บไฟล์แทน และแอปเปิลเลือกออกรุ่น 16GB มาจับตลาดลูกค้าที่ไม่ต้องเก็บไฟล์เยอะ ต้องการเครื่องราคาถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
- แอปเปิลจะทำเครื่องบางไปทำไม เลือกใส่แบตเยอะไม่ดีกว่าหรือ?คำตอบของ Schiller คือถ้าใส่แบตมาเยอะเกินก็มีข้อเสียตรงหนัก แพง ชาร์จนาน ซึ่งแอปเปิลพยายามหาจุดสมดุลที่เหมาะสมของขนาด ความหนา น้ำหนักอยู่แล้ว
- ทำไมแอปเปิลถึงเลือกทำ MacBook พอร์ตเดียวคำตอบคือ MacBook รุ่นนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน แต่เป็นการออกผลิตภัณฑ์เพื่อมุ่งไปยังอนาคต ที่เราไม่ต้องเสียบปลั๊กหรือเสียบสายใดๆ เข้ากับโน้ตบุ๊กเลย เขาบอกว่าอยากให้แอปเปิลกล้าเสี่ยงที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ กว่าคู่แข่งในตลาด
ที่มา - The Verge
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
ทั้งสามข้อมีจุดร่วมกันคือ ลดต้นทุนการผลิต (รวมถึงไล่ให้ไปซื้อตัวบน)
+1 ปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยากถามว่าทำไมถึงเริ่มต้นที่ 16GB แต่ทำไมถึงไม่ทำ 64GB ในราคา 16Gb มากกว่าps. ถ้าคิดเรื่อง Cloud Storage จริงๆ จะออกรุ่น 128GB มาทำมะไหร๋?
ผมว่าเค้าให้เหตุผลตรง สำหรับลูกค้าอยากได้ราคาต่ำๆ นะครับ ก็ให้หนีไปใช้บริการ Cloud แทน
ลดต้นทุนก็จริง แต่ก็ทำให้ราคาขายถูกลงด้วยนะครับแค่ 2,000-3,000 บาทก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อได้แล้ว
ลดต้นทุน ไม่ได้เกี่ยวกับลดราคา หรือลดกำไรมังครับ เค้าคงไม่ได้ตั้งราคาแบบ Cost plus อยู่แล้ว
ต้องการเครื่องราคาถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้<
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตอนเอา DVD drive ออก ตอนนั้นทำเพื่อลดต้นทุนด้วยรึเปล่าครับ ?
ผมบอกว่าทั้งสามอย่างมีแนวร่วมที่เหมือนกันคือลดต้นทุนครับ
แต่ไม่ได้บอกว่าการลดต้นทุนเป็นเหตุผลหลักครับ
ที่แน่ๆคือการออก iPhone 16 GB ไม่ได้ทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น
(และผมเดาว่าทำเพื่อให้คนสนใจซื้อ 64 GB ในขณะที่ตัวเองพูดได้ว่าราคาเริ่มต้นที่ 16 GB)
มันฟังดูแปลกๆ นะ ทุกคำตอบคือบอกว่าต้องการลดต้นทุน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะขายในราคาถูกหรือเอากำไรต่ำ.... เหมือนทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มกำไรมากกว่าแหะ
The Dream hacker..
คำว่า อยากให้แอปเปิลกล้าเสี่ยง นี่คือดีนะ ทำแล้วได้อะไรหลายอย่างอย่างน้อยก็มีเงินในคลังให้ทดลองทำอะไรแปลกๆอยู่แล้ว
ทำไมการสร้าง port เดียวถึงเป็นการลดต้นทุนหละครับ? คือ port คอมมันแพงขนาดนั้นเลยเหรอครับเทียบกับการเปิด line ผลิตใหม่?
My iOS apps My blog
ลดต้นทุนคือ iPhone อย่างเดียวครับ ไม่เกี่ยวกับ Mac
อ่านแล้วดูเหมือน สินค้า Apple จะกลายเป็น Dumb Terminal แบบไร้สาย ในอนาคต :P
อยากถามอีกข้อจัง จะมีใครตอบบ้างนะว่า
+1
ขอตอบในส่วนของ SSD จริงๆแล้ว SSD ของ Macbook Pro Retina, Macbook Air เปลี่ยนได้ครับ ตามสเป็คเป็นแบบ PCIe-Base ในเว็บ ifixit ก็มีสอนวิธีเปลี่ยนด้วยครับ
Macbook Pro Retina
Macbook Air
นำมาแบ่งปันกัน เพราะวันก่อนหาข้อมูลเกี่ยวกับ Macbook ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่ามันเปลี่ยนได้
SSD ผมไม่เถียง แล้วแรมล่ะครับ ก็เปลี่ยนไม่ได้อยู่ดี...iMac 21.5" เปลี่ยนแรม เปลี่ยน HDD ไม่ได้อยู่ดี (หมายถึง เปลี่ยนได้แต่ต้องให้"ผู้เชี่ยวชาญ" ในการแกะ ทำไมแอปเปิ้ล ไม่ทำให้มันเปลี่ยนง่ายๆ เหมือน iMac รุ่นเก่าๆ ล่ะครับ คือผมไม่เข้าใจตรงนี้แหละ ความศรัทธาของผมหมดก็ตรงนี้ล่ะครับ เอาเงินลูกเดียว...
คิดว่าความบางน่าจะมีส่วน
น่าจะเกี่ยวกับดีไซน์ ความบาง อะไรประมาณนั้นมั้งครับ
ผมเคยสงสัยแนวๆนี้เหมือนกันนะครับว่า การลดขนาด sim ปกติ>micro>nano มันช่วยเพิ่มพื้นที่อะไรมากขนาดนั้นเลยเหรอ, หรือการทำช่องซิมแบบถาด มันช่วยเพิ่มพื้นที่ในเครื่องต่างจากแบบเดิมๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมว่าอาจจะหลีกเลี่ยงประสบการการใช้งานที่แย่ลง ซึ่งเกิดจากอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบความเข้ากันได้จากทางApple
พูดง่ายๆ มัดมือชก ขายของตัวเองต่อไปถ้าอินดี้ถึงขั้นบังคับแฟลสไดร์ฟและอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆต้องเป็นยี่ห้อAppleเท่านั้น ด้วย คงจะกลายเป็นSony2แน่ๆ
ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เครื่องจาก Apple ไม่ค่อยเกิดปัญหาจอฟ้าเหมือนเครื่องที่ใช้ Windows
ปล.ผมหมายถึงอาการเครื่องรีสตาร์ตเองนั่นแหละครับ
"โลกจะหมุนไปทางที่ใช้ iCloud เก็บไฟล์แทน"รู้ไหมทำไม fbถึงออกapp version lite หรือ google updateให้ youtube มีoffline mode
"ถ้าใส่แบตมาเยอะเกินก็มีข้อเสียตรงหนัก แพง ชาร์จนาน"ทุกวันนี้พกpowerbankไม่หนักเลยครับ
"เป็นการออกผลิตภัณฑ์เพื่อมุ่งไปยังอนาคต"hwมุ่งอนาคตแต่swที่มากับเครื่องไม่มุ่งไปอนาคต มันจะworkได้ยังไง
"ถ้าใส่แบตมาเยอะเกินก็มีข้อเสียตรงหนัก แพง ชาร์จนาน"
ทุกวันนี้พกpowerbankไม่หนักเลยครับ
- ถ้าจะให้ทำมือถือ หนักเท่าpower bank ผมคนนึงล่ะที่ไม่ซื้อ และไม่ว่าเบตจะใหญ่ขนาดไหนเห็นทุกคนก็พกpowerbankอยู่ดี
เขาคงหมายถึง ให้มันอยู่ได้เกือบวันมั้งครับพี่ - -" คงไม่เอาหนักเท่า PB หรอก อันนี้ก็โหดเกิ๊น~*
ผมพกไอโฟน + powerbank น้ำหนักรวมคือ 150+500 (ประมาณ)
ผมพกมือถือแบตใหญ่ๆ ใช้ทั้งวันไม่ต้องพก powerbank น้ำหนักคือ 250 (ประมาณ)
คุณเอาความเชื่อผิดๆนี้มาจากไหน
ผมไม่พก power bank ครับ แต่เอาที่ชาร์จไปทิ้งไว้ที่นั่นที่นี่แทน (บนโต๊ะทำงาน, ในรถ, ในโรงแรม) ได้เบาแบบชีวิตติดปลั๊กครับ lol
ผมใช้ 6 ธรรมดา ไม่พกแบต ใช้งานโทรศัพท์โทรเข้าโทรออก เช็คอีเมล์งาน Line facebook บ้างตามโอกาส แบตมันก็อยู่ได้เกินวันไม่มีปัญหาครับ ลดขนาดดีแล้วสำหรับผม
ผม 5s ทั้งวันแบตเหลือกลับบ้านเกิน 80% = =")
แบตเสื่อมแล้วครับ ต้องเปลี่ยน
แบตใหญ่ใช้ได้ทั้งวันนี้แบตเท่าไรเหรอครับ? ถ้าผมใช้จริงๆ 5200 ก็ไม่พอครับ
Facebook lite ยังไม่ทำให้ iPhone เลยไม่ใช่เหรอครับ คือคนใช้ iPhone คงไม่ใช่กลุ่มนี้มั้ง เค้ามองว่างั้น
เฟสบุ๊คไลท์และโหมดออฟไลน์ ผมเข้าใจว่ามันหมายถึงพื้นที่ที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตมันไม่เอื้ออำนวยนะครับ เพราะฉะนั้นจะมือถือยี่ห้อไหนก็เจอปัญหานี้ได้หมด
1,2 ไม่เห็นด้วย อัพขึ้น iCloud นี่ดูราคาเน็ตจากประเทศอื่นๆยัง , ยังไงแบตหมดเร็วก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญ เรื่องน้ำหนักมันจะเพิ่มมาเท่าไหร่เชียว
3 โอเคนะ ชอบสิ่งใหม่ท้าทายอนาคตดี
+32 เห็นด้วยนะครับ โดยเฉพาะข้อ 3 นี่ออกมาอินดี้มาก
16GB ผมก็ใช้ไม่เต็มนะ แอปผมต้องมีแค่เท่าที่ใช้หน้าเดียว แล้วก็เป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยถ่ายรูป ใช้แค่แชท เมล์ social 8 GB ยังพอเลย
ใช้แค่นั้นไม่ต้องถึงกับใช้ iphoneก็ได้มั๊งครับ
เป็นเครื่องมรดกจากน้องไงครับ ฮา
ต้องทำอะไรหนักแค่ไหนหรือครับ ถึงต้องใช้ iPhone?
ผมว่า คนใช้ iPhone ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ว่าใช้เพราะความจำเป็นหรอกครับ
Passion ล้วน ๆ (เว้นได้มาฟรี อันนี้อะไรก็ได้จริง ๆ)
Smart Phone ผมใช้ iPhone 3GS เป็นเครื่องแรก เพราะความรู้สึกว่ามันเป็นโทรศัพท์ที่สุดยอดแบบก้าวกระโดดมากๆ(WOW)
พอ Android มา ผมก็ใช้ Galaxy S2 เพราะอยากเอามาโมเล่น ปรับโน่น นี่ นั่น ลงรอม โน่น นี่ นั่น พอถึงจุดๆนึงมันเริ่มไม่สนุกแล้ว หารอมไหนมาลงก็ไม่รู้สึกถึงความนิ่ง สเถียรของระบบในระดับที่ผมพอใจสักที
เบื่อ
เปลี่ยนมาใช้ iPhone5s ด้วยอารมย์ ขี้เกียจทำโน่นทำนี่ อยากใช้งานแบบปกติทั่วไปเหมือนขับรถแบบเร็วพอประมาณ ไม่ต้องแรง แต่ขอขับสบายๆได้แบบต่อเนื่อง ไม่ต้องหวือหวามากนัก
ถ้าอนาคตเบื่อ iOS เมื่อไหร่ ค่อยคิดอีกทีว่าจะไปเล่น Android หรือระบบอื่นๆ ผมไม่ยึดติดกับระบบปฎิบัติการ
ผมว่าใช้ iPhone หรือ Android คนอื่นตัดสินแทนเจ้าของไม่ได้จริงๆครับ อยู่ที่ความพึงพอใจส่วนตัวล้วนๆ
เห็นด้วยครับ ผมมาจากสาย Motorola Linux แล้วก็เริ่มแอนดรอยตั้ง Milestone (สมัยที่ยังโดยชาว Symbian ตราหน้าว่า "ไอ้แพลตฟอร์มไร้อนาคต!") แล้วก็มาเปลี่ยนมาหลายรุ่น ทั้งเครื่องศูนย์ เครื่องหิ้ว พอถึงจุดๆ นึงก็เบื่อ เลยลองใช้ iPhone 5 ไม่เจลเบรค ไม่ทำอะไร ชีวิตมีความสุขดีครับ พอถึงช่วงนีงอยากลองใช้แอนดรอยแบบไม่ปรับแต่งบ้างเลยถือ G3 สุดท้ายก็ต้อง root ต้อง mod ทุกวันนี้กลับไปใช้ iPhone 6 เป็นเครื่องหลัก G3 ลง CM12.1 เป็นเครื่องรอง ข้อเสียของ iPhone อย่างเดียวคือ 3rd party app ตั้งเสียงเตือนอิสระแบบ Android ไม่ได้ เคืองเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ไม่หนักหนาเท่าไหร่ เพราะปกติก็ปิดเสียง.
ใช้งานขั้นไหนถึงต้องใช้ iPhone หรอครับ?
ผมก็ใช้ 16 GB เหลือสบาย
เก็บรูปไว้เป็นร้อยรูป เลือกรูปที่ไม่ใช้ย้ายใส่คอมเกือบทุกวันเพลงประมาณ 100 เพลง, แอพหลายสิบตัว
แต่แทบไม่เล่นเกมส์เลย มีเกมส์เล็กๆไว้ให้ลูกสาวเล่นไม่กี่ตัว
จุดตายอยู่ที่วีดีโอครับ ของผม 32Gb ใส่ภาพ ใส่เพลง เหลือเอาไว้ใส่ mkv ได้แค่ 2 เรื่องเอง
เข้าใจแล้วครับ
ผมเองแทบไม่เคยถ่ายวีดีโอเลย เพราะคิดว่าถ่ายไปก็ไม่ได้ดู
ถ้าถ่ายวีดีโอด้วย ความจุแค่ 16 GB ไม่พอแน่นอน
ข้อ 1.
เหตุผลที่ออกรุ่น 16 GB คือ ทำให้คนซื้อรุ่น 32 GB ส่วนตัวผมคิดงี้นะเพราะปกติคนจะเลือกรุ่นกลางๆมากกว่ารุ่นล่างสุด หรือสูงสุด
ราคาความจำที่ apple ซื้อแต่ละความจุมันไม่ต่างกันเยอะเท่าราคาขายที่กระโดดระหว่างรุ่น(คนละ)ความจุ (บางบทความบอกกำไร 4 เท่า) สรุปว่า "เพื่อกำไร"
ไม่มี 32 ละครับ ข้ามไป 64 เลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อยากให้กล้าเสี่ยงอะไรใหม่ๆ
แบบใส่ sdcard ได้ไรงี้
แบบนี้พอใหวมั้ยครับ
ดีและไม่ดีครับ เครื่องเก่าเคยมี SD card ผมว่ามันวุ่นวาย แยก 2 ที่คน low tech อย่างแม่ผมใช้ android อยู่นี่ใช้มั่วเลย
เครื่องปัจจุบันผมใช้ 6 128GB ครับส่วนตัวขอเมมเยอะๆไม่ต้องมี SD แล้วตั้งให้มัน backup ผ่าน wifi เวลาต่อ ใช้สบายกว่า ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับแต่ละคนอาจรู้สึกไม่เหมือนกัน
+6s
ผมไช้ Android อยู่บอกเลยว่า sd card สำคัญมาก
ผมแยก รูปถ่าย, video, เพลง, หนัง, game rom เอาไว้บน sd card ซึ่งราคาถูกกว่าการซื้อเครื่องความจุสูงๆ มาก
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันถึงดีและไม่ดีไงครับ ก็คงเป็นอีกตลาดแต่ถ้าทำคงมีความวุ่นวายในเรื่อง support user ตามมาพอสมควร
พูดกันตรงๆ คือต่างกันหมื่นนึงนี่ผมไม่สนถ้าออก 128GB ไม่มี SD กับจะขนาดเท่าไหร่มี SD ประหยัดไม่เกินหมื่นผมเลือกไม่มี SD ครับ 128GB ผมใช้ไม่หมดอยู่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ SD ครับ
ถ้าคนใช้เป็นมันก็มีประโยชน์ครับ ก็คล้ายกับลงWindowsทำไมต้องมีไดรฟC,D ขนาดผมแยกให้พี่สาวผม ไปเปิดดูอีกทีCเต็ม Dว่าง
แต่Appleเค้าคงมองถึงคนที่Low Tec(End User) ด้วยแหละครับ เอาจริงๆผมว่าเค้ามองเป็นลูกค้าหลักเลยครับ เพราะคนแบบนี้เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำหรอกครับว่าจะแยกไปทำไม เพราะกดแอพมันก็เรียกไฟล์มาให้อยู่ดี บางคนซื้อSDมาใส่ก็โวยอีกว่าซื้อมาใส่แล้วทำไมถ่ายรูปแล้วยังฟ้องเมมเต็ม(ย้ายที่จัดเก็บไม่เป็น) ซื้อมาใส่แล้วก็โวยวาย ทำไมยังลงแอพไม่ได้อีก(ไม่รู้ว่ามันลงแอพในเมมไม่ได้)
ผมว่าApple เลยตัดปัญหาไปเลย ขายความจุทีเดียวจบ ลูกค้าไม่ต้องมาปวดหัวเรื่องการจัดการความจุด้วย มี16/64/128GBก็ลงข้อมูลได้ทุกอย่าง ลงAppก็ได้ ไม่ต้องย้ายTarget Storageด้วย
คุณว่าGoogle กล้าบอกในโฆษณามั้ยล่ะว่าปัจจุบันลงApp ใน SD Card ไม่ได้แล้ว
ผมละมองว่าGoogleตีตลาดได้ถูกจุดมากน่ะครับ ลองสังเกตรอบตัวดูได้ครับ ว่ากลุ่มHi-Tech กับ กลุ่มLow-Tech กลุ่มไหนมีมากกว่ากัน และกลุ่มหลังเนี่ยผมว่ากำลังซื้อเค้าสูงมากๆด้วย(เอาสมองไปคิดวิธีหาเงินหมด ไม่ว่างพอที่จะมาศึกษาIT)
+10000 คนรวยๆ มักไม่รู้เรื่อง IT คนที่ใช้เครื่องไม่ค่อยเป็น ดู Spec ไม่ออก จึงเลือกใช้ iPhone เพราะมันง่าย และพร้อมที่จะจ่ายอยู่แล้ว เพราะมันง่ายและสะดวกกว่า android เยอะ คิดแล้วถึงแพงกว่าก็คุ้มแน่นอน
อยากให้คนซื้อ64GBมากกว่า เพราะเพิ่มอีกนิดก็ได้ความจุเพิ่มสามเท่าใครจะไม่เอา ไอ้เรื่องคลาวด์แค่5GBเองใครจะเอา
ได้ขายพื้นที่บน Cloud เพิ่มเติมไงครับ :-D
เป็นห่วงเรื่องชาร์จนาน แต่ก็ให้ adapter 1A มาทั้งๆที่เครื่องรองรับการชาร์จเข้าที่ 2A ตั้งแต่ iPad mini รุ่นแรกละ หึ
อันนี้น่าคิด สงสัยสต็อกอะไหล่ 1A ไว้เยอะ
พี่ก็ทำ Quick Charge แบบ Qualcomm สิครับ บางทีผมชาร์จ 3000mAh ใช้เวลาแค่ 1.30
iCloud ช่างเทพนัก ย้ายไฟลหลัก GB ใน 1 นาทีได้
เออ ผมใช้ iCloud ไม่ได้เพราะเครื่องจุไม่พอนะ แต่เพราะมัน Backup หรือเก็บไรได้เพิ่มขึ้น ยอมเสียเงินเพิ่มด้วย เพราะ รูปเยอะมาก ไม่เคยลบเลย ฮ่าๆ แต่ทุกวันนี้ iPhone 6 plus ที่ใช้อยู่ก็ กลับบ้านสองสามทุ่ม แบตเหลือๆ สบายๆ ดีกว่าสมัยใช้ เครื่องเก่า Android บูมๆ ครึ่งวันหมด งงเลย
ทุกข้อที่ตอบ เหตุผลหลักๆคือลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร เอิ่ม...
ถ้ามุ่งไป Cloud จริง น่าจะใจป้ำเหมือน Google Photos หน่อย อิอิ
อันนี้น่าคิดครับ ให้พื้นที่ iCloud Drive ฟรีเริ่มที่ 15GB สิแล้วโลกจะหมุน(ไปทาง Cloud Storage) เร็วขึ้นอีกนิด
ไม่ได้ครับเพราะว่า ทิม จิก กูเกิล เรื่อง privacy ไว้มากเรื่อง Google photos
ตั้งแต่ปี 2014 มา ความจุเริ่มต้นควรเริ่มที่ 32GB แล้วตัดรุ่น 16GB ออกไป ไม่ใช่มาเริ่มที่ 16GB แล้วโดดไป 64GB แบบทุกวันนี้
ข้อนี่เห็นด้วย รุ่นท๊อปควรเริ่มที่32GBได้แล้ว
แอปเปิลมีส่วนแบ่งกำไรของตลาดมือถือทั้งหมดที่ 93% นั่นน่าจะตอบทุกคำถามได้ดีที่สุดครับ
ครับ ?
เป็นการค้าขายแบบเน้นกำไรที่ชาญฉลาดสินะ
แหม่ ความเสี่ยงมันไม่เท่ากันครับ
ทุกเหตุผลสรุปรวมสั้นๆได้ที่
Maximize Profit
แค่นั้นแหละ
จากข้อ 1. คนน่าจะสนใจตรงที่ว่า Apple ขาย iPhone6 ความจุ 64 Gb ราคาเท่ากับที่ขาย iPhone5s ความจุ 32Gb ซึ่งกรณีนี้ มันอนุมานได้ว่า ราคาความจุมันลดลง ..แต่ Apple กลับขาย iPhone6 ความจุ 16 Gb เท่ากับ iPhone5s ความจุ 16 Gb เลย ทั้งที่ความจริงมันควรจะถูกกว่าเดิม ซึ่งขัดกับจุดประสงค์ที่ กล่าวมาคืออยากขายให้คนซื้อที่เน้นราคาถูกสุด
ปล.พูดแบบนี้ iPhone6s คงเริ่มต้นที่ 16 Gb เหมือนเดิม ขัดกับข่าวที่ลือว่าจะเริ่มที่ 32Gb
ข้อ 2 นี่เห็นด้วยครับ แทนที่จะใส่แบตให้มันเยอะๆสู้หาวิธีจัดการการใช้พลังงานของแบตให้คุ้มค่าดีกว่า
ใส่แบตมาเยอะเผื่อคนที่ใช้เล่นเกมด้วยก็ดีครับ บางคนเขาก็ใช้งานหนักนะครับ
ผมว่าเขาก็ตอบคำถามไว้แล้วนะครับ จริงๆ การใส่แบตเยอะมันก็ดีแต่ก็อาจจะไม่ได้ดีกับทุกคน (แอนดรอยด์บางรุ่นยังมีรุ่นย่อยที่เพิ่มแบตแยกออกมาเลย ซึ่งมันก็ไม่ใช่แนวทางแอปเปิล) ซึ่งก็ต้องทำให้มันออกมาอยู่ในจุดสมดุลตามที่อ้างมา ซึ่งจะว่าไปแอปเปิลเองก็คงมีปัญญาหาจุดสมดุลที่ดีที่สุดได้เพียงเท่านี้ ณ ตอนนี้
ปัญหาที่มากที่สุดของแมคบุคที่มีพอทเดียวคือ คนใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้บ่น แต่คนที่บนส่วนใหญ่กลับไม่ได้ใช้และเป็นเจ้าของ ด้วยความที่ว่าคนส่วนหลังมันมีมากๆแต่ไม่เคยยืนยันตัวใว้ใช้งานจริงเลยทำให้เกิดประเด็น คนซื้อที่ไม่ได้บ่นเค้าก็รู้ตั้งแต่ก่อนซื้อแล้วว่ามีพอทเดียวและก็วางแผนที่จะใช้แล้ว แต่ก็มีบ้างที่ไม่รอบคอบแต่เป็นส่วนน้อย
ถ้าคนที่บ่นส่วนมากบ่นแล้วยังซื้อนั่นแหละครับที่แปลก เค้าบ่นแล้วเค้าก็ต้องไปซื้อของที่เค้าบ่นน้อยกว่า ถูกใจมากกว่าสิครับ
คิดแปลกๆ นะครับ เหมือนเรียงเหตุและผลสลับกัน ปัญหาของ new MacBook คือมีคนบ่นทั้งที่ไม่ได้ซื้อ ?! คนบ่นเกิดจากอะไร ไม่ใช่เพราะการออกแบบงั้นหรือ จะซื้อหรือไม่ซื้อเกี่ยวกันตรงไหนครับ ถ้าบ่นแล้วยังซื้อนี่สิแปลกเหมือนคุณ hisoft ว่า
ผมเห็นหลายๆคนที่ใช้ก็บ่นนะ
และก็เห็นหลายๆคนที่ไม่ได้ใช้ก็เชียร์และชมกันเยอะ
ประเด็นเรื่อง"คนซื้อไม่ได้บ่น คนบ่นไม่ได้ใช้" ส่วนหนึ่งก็มาจากที่ว่า เค้าคิดก่อนซื้อแล้วว่าพอร์ทเดียวมันลำบากในการใช้งานเกินไป เค้าก็เลยเลือกที่จะไม่ซื้อ
ผมว่าสินค้าทุกตัว คนไม่ซื้อก็บ่นได้ไม่น่าเกลียดครับ
ตอนแรกผมก็คิด (เข้าข้างแอปเปิ้ล) แบบคุณนะครับ จะบ่นไปทำไม ไม่เห็นซื้อมาใช้ แต่อย่างที่คุณ hisoft ว่าแหละครับ
ถ้าบ่น = ห่วย = ไม่ซื้อไม่บ่น = รับได้ = ซื้อ
ตรรกกะข้างบน ก็ถูกต้องสมเหตุผลแล้วล่ะครับที่คนบ่นเค้าจะไม่ซื้อ
คนอยากใช้บ่นบ้าง จริงๆอยากได้นะแต่ pro 15" mid2012 มันยังไม่พังเลย ยัดสเปคเต็มหมดด้วย่ทั้ง RAM ทั้ง SSD จะทิ้งก็เสียดายของ(ตอนหลังคิดได้ว่า notebook แสนนึงอยากได้แรงๆไงก็สู้ Desktop หลักหมื่นไม่ได้เลยไปสอย Desktop อีกเครื่องไว้ทำงานเรียบร้อยแล้วคิดว่าคงไม่มานั่ง compile โปรแกรมหนักๆบน notebook อีก) พอร์ตเดียวผมไม่มีปัญหาครับอยากไว้แบกไปใช้ง่ายๆเบาๆ
1.มันควรจะถูกได้กว่านี้เนาะ
2.เอาคนทั้งโลกมาพูด ก็มีวิธีการใช้งานไม่เหมือนกัน บ้างหมดเร็ว บ้างหมดช้า, พก ไม่พกแบตสำรอง บางคนเล่นเกม บางคน 8 GB ก็พอถ้าผมเป็น apple ผมก็คงทำแบบนี้แหละครับ ดีไซน์ให้สวย บาง วัสดุดี น่าใช้งานไว้ก่อน ผลิตง่าย ไม่ยุ่งยาก คุมต้นทุน กำไรสูง ส่วนปัจจัยอื่นไว้ไปให้ลูกค้าเลือกเอาเอง อยากได้กี่มิลลิแอมป์ล่ะ ซื้อเลยเยอะแยะ ใส่แบตมาให้สัก 4000 ก็มีคนเล่นจนหมดแล้วก็บ่นอยู่ดีนะผมว่า ?
3.น่าจะตามนั้นเลย รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นทดลองตลาด ไม่ค่อยน่าซื้อ รออีกสัก 2 gen น่าจัดแน่นอน เหมือนตอน MBA ตัวแรกคุ้นๆว่าพอร์ตก็มีพอร์ตเดียวหรือเปล่าจำไม่ได้ แถมตัดซีดีออกอีก ส่วนตัวใช้แอร์ 11" มาสองสามปีแล้ว ตอนซื้อมายังถอย Ext.dvd มาเผื่อไว้ พอเอาจริงๆแทบไม่ได้ใช้เลย นึกๆดู ตอนที่ใช้จริงๆคือแต่ก่อนใช้ลง windows 7 ตัวไลเซทท์ ผ่าน bootcamp - -'
เท่าที่ผ่านมาผมก็ว่าพี่แกก็มีนโยบายแบบนี้ตลอดมานะ ถ้าพี่ตามถอดอุปกรณ์หลังคนอื่น หรือแบ่งระบบปฏิบัติการให้คนอื่นใช้สิแปลก
ส่วนที่บอกว่าชาร์จนาน ผมมองว่าตอบได้แย่นะ
ชาร์จ 1 ชม ได้ 50% ใช้ได้ 8 ชั่วโมงชาร์จ 1 ชม ได้ 90% ใช้ได้ 8 ชั่วโมง
เออ จริงด้วย ลืมคิดข้อนี้ไป (พอดีเขาแถได้เนียนเลยไม่ได้ฉุกคิด)
คือไม่ใช่แค่อยากให้เพิ่มขนาดแบตเยอะๆแต่อยากให้ลุงทุนวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ชนิดใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ให้สามารถใช้งานปกติซัก 2-3 วันได้โดยไม่ต้องชารต์
อันนี้ผมเชื่อว่าทุกบริษัทพยายามทำนะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มันคือคำตอบหรือข้ออ้างล่ะเนี่ย =_="
แน่ใจหรอว่าแบตเท่านั้นเรียกว่า สมดุล
สมดุลของเงินในกระเป๋าผู้ถือหุ้นครับ แอปเปิ้ลเปิดตัวมือถือใหม่ทีไรผู้ถือหุ้นเฮทุกรอบครับ
ยังไงก็มีคนซื้อจะเปลี่ยนให้กำไรลดทำไม Phil Schiller ไม่ได้กล่าวไว้
ส่วนข้อสามนี้เพื่อนที่เป็นสาวกบอกแนวไป รอรุ่นที่แนวน้อยลงก่อน
ข้อ3นี่ กรุณาถอดประตูบ้านคุณชิลเลอร์ให้เหลือบานเดียวด้วยนะครับ จะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆบ้าง ไม่ต้องใช้หลายบานมันหรอก บานเดียวทำได้ทุกอย่างถูกแล้ว -_-
จัดพื้นที่ iCloud ฟรีอย่างน้อย 10 GB จะไม่เถียงซักคำ..
หนักสมาร์ทโฟนแบตเยอะก็ไม่ได้หนักกว่า iPhone สักเท่าไหร่นะ
แพงครับ เห็นด้วย ไม่แพงเลย iPhone ราคาถูกมากกกก
ชาร์จนานไม่รู้จัก Quick Charge หรือไง
ทำไมสตอเรจของ iPhone เริ่มต้นที่ 16GB- เพราะถ้าเริ่มที่ 32GB จะขาย 64GB ไม่ได้
แอปเปิลจะทำเครื่องบางไปทำไม เลือกใส่แบตเยอะไม่ดีกว่าหรือ?- เพราะแอปเปิ้ลยังไม่ทำ fast charge ทำเครื่องแบตหนาชาร์ตนานโดนด่า สวย ไม่สวย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบางเท่าไร แต่เพราะยังไม่ทำมากกว่า
ทำไมแอปเปิลถึงเลือกทำ MacBook พอร์ตเดียว- ขายอุปกรณ์เสริมกำไรดีจะตาย
//ขอโทษที่โลกไม่สวย ~
อูยยยย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อุปกรณ์เสริมนี่สายพังง่ายอีก เปลี่ยนไวกว่า MacBook มาก ๆ
แบต iPhone 6 นี่ดีกว่า 5s เยอะจนสงสัยว่า ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ ส่วนพอร์ตเดียวนี่ยังนึกไม่ออกว่า กลุ่มไหนจะใช้ ยังไม่เคยเจอคนที่ใช้ cloud, wireless เพียวๆ ซักคน
อุปกรณเสริมค่าคอม3% เลยน่ะครัช