หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้ ประกาศเปิดตัว Windows 10 อย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พร้อมทั้งมีข่าวเกี่ยวกับ ยอดการติดตั้งกว่า 14 ล้านเครื่อง หลังจากเปิดตัวไปแค่ 24 ชม. และในวันถัดมาก็มีข่าวไม่ยืนยันอีกว่า ถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 67 ล้านเครื่อง
ด้วยเหตุนี้หรือไม่ ทำให้ยอดการติดตั้งพุ่งสูงได้อย่างรวดเร็ว เพราะคุณสมบัติของ Windows 10 นั่นคือ การปรับรูปแบบการนำส่ง Windows Update ให้เหมาะสมที่สุด (Windows Update Delivery Optimization) โดยจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้อัปเกรดเสร็จแล้ว เป็นตัวช่วยปล่อยต่อแบบ peer-to-peer เหมือนการดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บบิตทอร์เรนต์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่ยังไม่ได้อัปเกรด ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ได้อีกทางหนึ่ง โดยจะไม่ทำให้อินเทอร์เน็ตของเราช้าลงแต่อย่างใด เพราะจะใช้การอัปโหลดที่ไม่ได้ใช้งาน (limited portion) นั่นเอง
คุณสมบัติดังกล่าวนี้ ผู้ใช้งานสามารถปิดการทำงานได้ โดยวิธีการปิดให้ดูจากแหล่งที่มาของข่าว
ที่มา - The Hacker News
Comments
อัพโหลดไม่ได้ใช้ ก็แชร์ๆกันไป...
อัพเกรด / อัปเกรด
แก้ไขเรียบร้อย ขอบคุณครับ
ผมปรับเป็นเฉพาะ local network แทน ซึ่งก็ดี จะได้ไม่เปลือง B/W ของ WAN
เหมือนกันเลยครับ ตั้ง Local Network Only นี่น่าจะช่วยประหยัด Bandwidth WAN ด้วย
ข้อดีตอนเค้าปล่อยอัพเดทเราก็จะอัพเดทเร็วขี้นด้วยนิ ไม่ต้องไปโหลดทาง ไมโครซอฟท์อย่างเดียว
เท่าที่อ่านดูแล้ว ประเด็นว่าคนอัพเกรดเยอะหรือน้อย กับประเด็นเรื่องแบนด์วิธ มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่าครับ
เครื่องใน LAN วงเดียวกัน งี้ก็ตั้ง เครื่องเดียวที่ออกเน็ทอัพเดตได้ ส่วนเครื่องอื่นๆ ก็ตั้ง Local แทน ก็สบายเลยซิ ประหยัด Bandwidth เลย
แต่บางทีแบบ P2P ก็ช้านะ เกมออนไลย์อัพเดตตั้งบังคับอัพเดตตรง เร็วกว่า P2P ฮ่าๆ