สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) จัดกิจกรรมกระบวนการเร่งพัฒนาศักยภาพสตาร์ตอัพสู่สากล โดยเชิญชวนสตาร์ทอัพมาร่วมพูดคุยกับ David Passiak นักการตลาดที่มีดิจิตอลเอเจนซี่อยู่ในซิลิคอนวัลเล่ย์ และเป็นเจ้าของผลงานหนังสือหนังสืออย่าง Red Bull to Buddha: Innovation and the Search for Wisdom หนังสือสร้างแรงบันดาลใจทางธุรกิจ และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมี Empower: How to Co-Create the Future และ Disruption Revolution: Innovation, Entrepreneurship, and the New Rules of Leadership
สำหรับคอนเซปต์งานเสวนาครั้งนี้คือ Co-Create the Future ที่เชื่อว่าการมีส่วนร่วมคือปัจจัยสำคัญในการสร้างอนาคตทางธุรกิจที่สำเร็จอย่างยั่งยืน
หนังสือ Red Bull to Buddha: Innovation and the Search for WisdomDisruption Innovation, Red Bull to Buddha
Sharing Economy กำลังเฟื่องฟู
Passiak บอกว่า การสร้างสิ่งใหม่ จะอาศัยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ทุกคนต้องพึ่งพากันและมีส่วนร่วมด้วยกัน ในยุคหนึ่ง รัฐบาล หน่วยงาน บริษัทใหญ่คือผู้สร้างคนสำคัญ แต่เดี๋ยวนี้เป็นยุค sharing economy ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรใหญ่ถึงจะสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้
ไม่เพียงแค่ Uber หรือ Airbnb แต่ยังมีสตาร์ทอัพอีกนับไม่ถ้วนที่กำลังรอการเติบโตในอนาคตอันใกล้ ฝั่งลูกค้าเองก็มีแนวโน้มจะอุดหนุน Sharing Economy มากขึ้น
จากภาพจะเห็นได้ว่ามีผู้บริโภคทั้งใช้และแชร์ทรัพย์สินของตัวสู่ระบบ Sharing Economy มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่าภูมิภาคอื่น
สตาร์ทอัพต้องโฟกัสที่โซลูชั่นมากกว่าสินค้า
ผู้บริโภคคาดหวังกับสตาร์ทอัพเยอะ นอกจากช่วยให้ชีวิตพวกเขาง่ายขึ้นแล้วยังคาดหวังว่าตัวบริการของสตาร์ทอัพจะเป็นเพื่อนช่วยแก้ปัญหาได้ด้วย ดังนั้นสตาร์ทอัพจึงต้องให้ความสำคัญกับโซลูชั่นหรือเทคโนโลยีมากที่สุด
ยกตัวอย่าง Google Glass ผู้สวมใส่ดูราคาสินค้า ดูแผนที่ เชื่อมต่อคนผ่านออนไลน์ จากเดิมเราไม่สามารถแม้แต่จะเห็นราคาสินค้าเลยด้วยซ้ำ ต้องถามคนขาย แต่ตอนนี้ข้อมูลทุกอย่างปรากฏบนหน้าจอเล็กๆ เสนอข้อมูลทุกอย่างที่ผู้ใช้อยากรู้ได้แล้ว
หรือแช็ทบ็อต ที่ผู้ใช้พูดคุยถามปัญหาการใช้บริการ หรือแม้แต่ซื้อชายบริการจบได้ในแชทเดียว โดยไม่ต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่
David ยังยกตัวอย่าง Facebook เขาบอกว่าตัวผู้ก่อตั้งก็อาจไม่รู้ว่าอนาคตต้องมาทำ Virtual Reality และ ปัญญาประดิษฐ์มาเป็นโซลูชั่นในการส่งข้อความผ่าน Facebook Messenger ดังนั้นในเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว สตาร์ทอัพจึงต้องให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและโซลูชั่นมาเป็นอันดับหนึ่ง
การแบ่งยุคเทคโนโลยี เราอยู่ยุคไหน
หากแบ่งยุคเทคโนโลยี ตอนนี้เรากำลังอยู่ในชั้นที่สาม หรือยุคแห่งการมีส่วนร่วม
ยุคแรกปี 90 คือยุคอินเทอร์เน็ตเริ่มก่อตัว มีการเชื่อมต่อกันทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก ยุคต่อมาคือยุคโซเชียลมีเดียซึ่งเราเพิ่งผ่านยุคนั้นมาไม่นาน และเรากำลังอยู่ในยุคที่อาศัยเทคโนโลยีในการพึ่งพาและมีส่วนร่วมสร้างธุรกิจ ส่วนยุคที่สี่ที่เรากำลังจะเดินไปคือ ยุคที่ทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติ
ในงานสัมมนาเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมถามคำถามและเวิร์คช็อปกันยาวนานหลายชั่วโมง สิ่งที่สตาร์ทอัพค่อนข้างกังวลคือความยั่งยืน ซึ่ง David ยืนยันว่า สตาร์ทอัพมีปัญหาที่ต้องเรียนรู้และแก้ไขตลอดเวลา และไม่แนะนำให้กระโดดลงมาทำเต็มตัวในระยะแรกหากมีงานประจำทำอยู่แล้ว
Comments
ตอนเห็นเสื้อ Blognone ในงานผมก็ยังรออ่านข่าวที่นี่อยู่ จนเกือบลืมไปแล้วครับ >_<
งานโอเคนะครับ ถ้าไม่ปล่อยให้ David Passiak รอเป็นชม. เพราะคนเปิดงานรถติด
แม้แต่ซื้อชายบริการ => แม้แต่ซื้อขายบริการ
อ่านแล้วตกใจนิดหน่อย
SPICYDOG's Blog