กูเกิลฉลอง Android Auto, Android TV และ Android Wear (ปัจจุบันชื่อ Wear OS) มีอายุครบ 10 ปี เพราะระบบปฏิบัติการทั้งสามตัวเปิดตัวพร้อมกันในปี 2014

กูเกิลเล่าว่า Android Auto เกิดจากความนิยมของฟีเจอร์ turn-by-turn navigation ของ Google Maps ที่ออกในปี 2010 เมื่อคนนำไปใช้ในรถมากๆ ก็เกิดปัญหาเรื่องความปลอดภัย ทำให้กูเกิลมองหาแนวทางที่ปลอดภัยกว่า มีการทดลองต้นแบบอุปกรณ์หลายอย่าง (ดูคลิปประกอบ) จนออกมาเป็น Android Auto ในที่สุด

ที่งาน Baselworld 2019 งานจัดแสดงเครื่องประดับและนาฬิกาชั้นสูง TAG Heuer ผู้ผลิตนาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ Connected Modular 45 Golf Edition ที่เป็นภาคต่อของ Connected Modular 45 รุ่นเดิม เอาใจคนเล่นกีฬากอล์ฟ

Louis Vuitton เปิดตัวนาฬิกา Tambour Horizon สมาร์ทวอชหรูประจำแบรนด์รุ่นใหม่ โดยยังคงดีไซน์ภายนอกเหมือนเดิม แต่อัพเดตสเปคบางอย่างให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

Tambour Horizon 2019 จะใช้ชิพใหม่เป็น Snapdragon Wear 3100 ทำให้ตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิม สามารถอยู่ได้ถึง 1 วันเต็ม และถ้าใช้ดูเวลาอย่างเดียวจะอยู่ได้นานถึง 5 วัน

ส่วนถัดไปคือหน้าจอ ทีมดีไซน์ของ Louis Vuitton ได้ปรับปรุงให้ความละเอียดสูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า และมาพร้อมวงแหวน 24 ชั่วโมงที่มีตัวบอกเวลากลางวัน/กลางคืนที่ขอบ และมีโหมด ambient ที่แสดงเวลาและข้อมูลต่าง ๆ เช่น อัตราการเต้นหัวใจหรือนับก้าวเดินได้ แต่ใช้พลังงานน้อยลง

หลังจากที่ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon Wear 3100 และเผยว่า Montblanc จะเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่ออกมาพร้อมกับชิปรุ่นนี้ ล่าสุด Montblanc ประกาศเปิดตัว Summit 2 อย่างเป็นทางการ

Summit 2 พัฒนาต่อจากรุ่นแรก โดยลดขนาดตัวเรือนลงเหลือ 42 มิลลิเมตร ใส่ได้ทั้งชายและหญิง มาพร้อมกับชิป Qualcomm Snapdragon Wear 3100 รุ่นใหม่ล่าสุด และการออกแบบใหม่ที่ยิบยืมการออกแบบจากทั้งคอลเลคชั่น 1858 และ Boheme เข้าด้วยกัน ทำให้ได้รูปแบบของสมาร์ทวอทช์ที่หรูหรา ไม่เหมือนใคร แต่ยังคงสไตล์ของ Montblanc อย่างเต็มที่

Google ได้อัพเดต แนวทางการเขียนและรีวิวแอปบน Wear OS เมื่อครั้งปล่อย Android Wear 2.0 เมื่อต้นปีที่แล้ว ทว่าแนวทางดังกล่าวเป็นเพียงไกด์ไลน์ ไม่ได้บังคับ ล่าสุด Google ประกาศว่าจะบังคับแนวทางดังกล่าวให้ผู้พัฒนาแอป Wear OS ที่ขึ้นสโตร์ต้องปฏิบัติตามทั้งหมด เพื่อเพิ่มคุณภาพแอปโดยรวม

สำหรับแอปใหม่จะต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนแอปเก่าจะมีเวลาในการแก้ไข กำหนดคือภายใน 4 มีนาคมปีหน้า โดยกระบวนการรีวิวแอปของ Google จะยังเหมือนเดิม

ผู้พัฒนาแอพ Cardiogram ที่ทำงานได้บน Apple Watch และ Android Wear นั้น เผยว่าฟีเจอร์ DeepHeart บนแอพดังกล่าวซึ่งอยู่ในขั้นพัฒนาสามารถตรวจจับโรคเบาหวาน รวมถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ (Atrial fibrillation หรือ AF) ได้

ในตอนแรกนั้น Johnson Hsieh หนึ่งในผู้ก่อตั้งแอพ Cardiogram บอกว่าสัญญาณของโรคเบาหวานนั้น สามารถวิเคราะห์ได้จากลักษณะของการเต้นของหัวใจที่ถูกตรวจจับโดยนาฬิกาอัจฉริยะผ่านแอพ Cardiogram ซึ่งสามารถบ่งชี้ได้ว่าผู้ที่สวมใส่อุปกรณ์อยู่นั้นเป็น หรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ โดยมีความแม่นยำมากถึง 85% จากการศึกษาข้อมูลของผู้ใช้งานแอพนี้จำนวน 14,011 คน

เพิ่ง มีข่าวหลุดว่า Android Wear จะเปลี่ยนชื่อเป็น Wear OS วันนี้กูเกิลประกาศข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยชื่อใหม่ของระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์สวมใส่คือ Wear OS by Google

กูเกิลให้เหตุผลของการเปลี่ยนชื่อว่า ต้องการสะท้อนขอบเขตของอุปกรณ์ที่กว้างไกลขึ้น และการมีชื่อ Android แปะอยู่ก็ทำให้คนเข้าใจผิดว่ามันใช้กับ iPhone ไม่ได้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Wear OS เพื่อแสดงว่าเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับทุกคน

ชื่อแอพ Android Wear จะเปลี่ยนตามภายในอีกไม่ช้า

ที่มา - Google

มีผู้ใช้ Reddit ชื่อ H3x0n โพสต์รูปภาพว่าเขากำลังเซ็ตอัพนาฬิกา Android Wear รุ่นใหม่ให้ใช้งานกับสมาร์ทโฟนได้ แต่กลับเจอภาพโลโก้ใหม่ของ Android Wear ที่ใช้ชื่อว่า Wear OS

ภาพนี้ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า กูเกิลอาจเปลี่ยนชื่อ Android Wear เป็น Wear OS เพื่อให้สะท้อนถึงการเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ และลดภาพความผูกพันกับแบรนด์ Android ลง

ถ้าข่าวนี้เป็นจริง เราน่าจะได้เห็นประกาศเรื่องนี้ในงาน Google I/O 2018 เดือนพฤษภาคมนี้

ผู้อ่านสังเกตไหมว่าปีที่ผ่านมา ข่าวคราวสมาร์ทวอทช์ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่ค่อยถูกพูดถึงบนสือมากนัก ตรงกันข้ามกับปี 2016 ที่คึกคักอย่างมาก สาเหตุไม่ใช่ผู้ผลิตหรือ Google ทิ้งตลาดนี้ (Android Wear เป็นเวอร์ชัน 8.0 แล้ว) แต่เป็นเพราะผู้ผลิตชิปเซ็ตที่ครองตลาดเจ้าเดียวอย่าง Qualcomm ต่างหากที่ทิ้งตลาดนี้ จนส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่

ปัญหาคือตลาดชิปเซ็ตสมาร์ทวอทช์มี Qualcomm อยู่เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น และชิปเซ็ตล่าสุดที่ถูกเปิดตัวก็ต้องย้อนไปช่วงต้นปี 2016 คือ Snapdragon Wear 2100 SoC เมื่อต้นปี 2016 ขณะที่ life cycle ของชิปเซ็ตปกติจะอยู่ที่ราว 1 ปีเท่านั้น และล่าสุดก็ผ่านมาแล้ว 2 ปีเต็มๆ ก็ยังไม่เห็นวี่แววการเปิดตัวรุ่นใหม่ ซึ่งก็เท่ากับว่า Qualcomm ทิ้งตลาดนี้ไปแล้ว และถึงแม้ OEM จะมีฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ แต่เมื่อไม่มีชิปเซ็ต ก็ไม่สามารถผลิตสมาร์ทวอทช์ป้อนให้ผู้บริโภคได้

พร้อมกับการเปิดตัว Connected Modular 41 TAG Heuer ก็เปิดตัว Connected Modular 45 รุ่นพิเศษ Full Diamonds อย่างเป็นทางการด้วย

ตัวเรือนขึ้นจากทองคำขาว (white gold) 18K และฝังเพชรที่ความบริสุทธิ์ระดับ VVS ทั่วทั้งนาฬิกา ตั้งแต่สาย (495 เม็ด) ขาตัวเรือน (lug, 16 เม็ด) และขอบตัวเรือน (bezel, 78 เม็ด) รวมทั้งสิ้น 23.35 กะรัต ส่วนสเปคอื่นก็เหมือนเดิม ( ข่าวเก่า )

หลังจากเปิดตัว Connected Modular 45 ไป เมื่อปีที่แล้ว เมื่อวานนี้ (ตามเวลาในไทย) TAG Heuer แถลงข่าวที่เมืองเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ Connected Modular 41อย่างเป็นทางการ (ในข่าวจากนี้จะใช้ 41 แทนชื่อรุ่นใหม่ และ 45 แทนชื่อรุ่นเดิม)

ของใหม่ของ 41 คือขนาดของหน้าปัดที่เล็กลงจาก 45 มม. เหลือ 41 มม. ทำให้คนที่มีข้อมือเล็กสามารถสวมใส่ได้ (ที่ชัดเจนคือสุภาพสตรี) นอกจากนั้นแล้วยังมีการปรับปรุงทั้งหน้าจอ AMOLED กลมที่เพิ่มความละเอียดเป็น 326 ppi (390x390 พิกเซล), เพิ่มความสว่างจอสูงสุดเป็น 350 nits, เพิ่มหน่วยความจำเป็น 8 GB และแรม 1 GB ส่วนที่เหลือยกสเปคเดิมจาก 45 มาหมด

กูเกิลเผยรายชื่อของอุปกรณ์ Android Wear ที่จะได้อัพเกรดเป็น Android 8.0 Oreo ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์สายแฟชั่น โดยนาฬิกา Android Wear รุ่นแรกๆ อย่าง LG Watch R หรือ Moto 360 ต่างก็ไม่ได้ไปต่อ

อุปกรณ์กลุ่มแรกที่อัพเดตพร้อมแล้ว ได้แก่

• Fossil Q Venture
• LG Watch Sport
• Louis Vuitton Tambour
• Michael Kors Sofie
• Montblanc Summit

หลังงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Google ก็แอบนำผลิตภัณฑ์สาย Android Wear ลงจาก Google Store อย่างเงียบๆ ไปพร้อมๆ กับการปรับปรุงหน้าเว็บสำหรับการสั่งจองผลิตภัณฑ์ใหม่

ทั้งนี้ทั้งนั้น Google ยืนยันว่าการนำ Android Wear ออกไม่ใช่ว่าเลิกสนับสนุนหรือเลิกสนใจ Android Wear แล้ว เพียงแต่สงวนหน้า Google Store เอาไว้สำหรับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่ Google ทำเองหรือผลิตภัณฑ์ ' Made for Google ' เท่านั้น

ที่มา - 9to5Google

Louis Vuitton ได้เปิดตัว Tambour Horizon สมาร์ทวอชระดับพรีเมียมของแบรนด์ ใช้ชิพจาก Qualcomm พร้อมรันระบบปฏิบัติการ Android Wear

สำหรับตัวนาฬิกา Tambour Horizon นี้จะใช้ Snapdragon Wear 2100 เหมือนกับที่พบในนาฬิกาจาก LG, Gameband, Armani, Guess และ Montblanc แรม 521MB และพื้นที่เก็บข้อมูล 4GB แบตเตอรี่ 300mAh สามารถอยู่ได้หนึ่งวัน ตัวเรือนนาฬิกามีขนาด 42 มิลลิเมตร หน้าจอใช้แบบ AMOLED ที่ 390 x 390 พิกเซล แบบสัมผัสขนาด 1.2 นิ้ว

ตัว Tambour Horizon รัน Android Wear 2.0 สามารถทำการแจ้งเตือนข้อมูลต่าง ๆ ได้, นับก้าวเดินได้ และลงแอพเพิ่มเติมได้ พร้อมแอพแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะแบรนด์ Louis Vuitton อย่างเช่น My Flight สำหรับการตรวจสอบเที่ยวบิน, City Guide สำหรับหาจุดสนใจในเมือง

แม้ที่งาน Baselworld 2017 ปีนี้ หลายบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์นาฬิกาอัจฉริยะ (เช่น Montblanc , Movado , Fossil ) แต่มีอยู่บริษัทหนึ่งที่หายไปทั้งที่เคยประกาศล่วงหน้าไว้ถึง 3 เดือนก่อนในงาน CES 2017 นั่นก็คือ Swarovski ผู้ผลิตอุปกรณ์แฟชั่นและคริสตัลหรูจากออสเตรีย

เว็บไซต์ข่าวอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ Wearable ได้สอบถามไปยังทางบริษัท และได้รับการตอบกลับจาก Robert Buchbauer หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยระบุแต่เพียงสั้นๆ ว่า บริษัทยัง "ไม่พร้อม" ที่จะแสดงนาฬิกาเรือนนั้น และยังไม่สามารถกำหนดกรอบการเปิดตัวได้ เพราะบริษัทต้องการทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด แต่ยังคงทำงานร่วมกับบริษัทอื่นๆ ต่อไป

ที่มา - Wearable ผ่าน Digital Trends

Fossil Group เครือผู้ผลิตนาฬิกาจากสหรัฐฯ ได้ประกาศว่า ทางบริษัทจะผลิตนาฬิกาทั้งสมาร์ทวอชหน้าจอสัมผัส Android Wear รวมทั้งนาฬิกาสมาร์ทวอชแบบไฮบริดทั้งหมด 14 แบรนด์ในเครือ รวมแล้วกว่า 300 รูปแบบ

Movado ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ได้เปิดเผยข้อมูลสมาร์ทวอชแบบหน้าจอสัมผัสรัน Android Wear 2.0 ซึ่งเป็นรุ่นแรกของบริษัท ชื่อว่า Modavo Connect

สำหรับสมาร์ทวอชรุ่นนี้ จะมีหน้าปัดที่แตกต่างกัน 100 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะเป็นดีไซน์แบบ single dot ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยหน้าปัดแต่ละแบบจะแตกต่างกันตามสี, รายละเอียด, complication และหน้าปัดบางแบบจะมีการเปลี่ยนสีตามกลางวันหรือกลางคืนด้วย

Movado Connect จะมีดีไซน์ตัวเรือนเป็นแบบ edge-to-edge crystal ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบติดตลอดเวลา และด้วยการเป็น Android Wear ทำให้ตัวนาฬิกาสามารถใช้งานแอพได้นับพัน, รับการแจ้งเตือน, ใช้งาน Google Assistant เหมือน Android Wear ทั่ว ๆ ไปได้

หลังจากเปิดตัวรุ่นแรกไป เมื่อปีที่แล้ว และได้รับเสียงตอบรับอย่างดี วันนี้ TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาหรูชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะของตัวเองรุ่นที่สอง โดยมีชื่อว่า Connected Modular 45(ในข่าวจะใช้ว่า Modular 45)

Modular 45 ยังคงเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear เช่นเดิม ไม่ต่างจากนาฬิการุ่นแรก ความแตกต่างในคราวนี้อยู่ที่ว่าสามารถเลือกปรับแต่งนาฬิกาได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการในตอนซื้อ มีตัวเรือนให้เลือกถึง 56 แบบ (จะเอาแบบฝังเพชรก็ได้ ตัวเรือนทองชมพู 18K ก็ได้ แบบมาตรฐานในร้านมี 11 แบบ ที่เหลือเป็นการสั่งทำ) และสามารถเลือกตัวเลือกอื่นๆ ประกอบกันได้อีก (ดูได้จากวิดีโอ) โดยยังสามารถกันน้ำได้ลึก 50 เมตร พร้อมคุณสมบัติที่อัดแน่นไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น GPS, NFC, หน้าจอแบบ OLED รวมถึงเป็นนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกของบริษัทที่ได้สิทธิใช้คำว่า Swiss Made ด้วย (รุ่นแรกได้เฉพาะคำว่า Swiss Engineered)

TAG Heuer ได้เผยข้อมูลของ สมาร์ทวอช Android Wear รุ่นถัดไป จากรุ่นปัจจุบันคือ Connected ออกมาแล้ว และตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ประกาศวันเปิดตัวของนาฬิการุ่นดังกล่าวมาแล้วคือวันที่ 14 มีนาคม

การประกาศดังกล่าว TAG Heuer ได้โพสต์ลงบนบัญชี @TAGHeuer บน Twitter พร้อมกับภาพและวิดีโอทีเซอร์ของนาฬิการุ่นถัดไป โดยใช้คำว่า “March 14, Stay Tuned... #ConnectedToEternity”

Huawei เปิดตัว Huawei Watch นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นที่ 2 มี 2 รุ่นย่อยคือรุ่น Sport ที่ตัวเรือนเป็นพลาสติกและสายเป็นยางขนาด 20 มม. และ Classic ที่ตัวเรือนเป็นเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) เกรด 316L และสายหนังขนาด 22 มม. มาพร้อม Android Wear 2.0

ตัวหน้าจอมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร กันน้ำมาตรฐาน IP68 มี GPS, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, NFC และ Bluetooth 4.1 ในตัว แต่ละรุ่นมีทั้งรองรับ 4G และรุ่น Wi-Fi ซึ่งรุ่น 4G รองรับ VoLTE มีระบบ Noise Cancellation เสาอากาศคู่ พร้อมด้วยลำโพงและไมโครโฟน แบตเตอรี่ความจุ 420 mAh

เพียงพริบตาเดียวหลังจาก Google ปล่อยอัพเดต Android Wear 2.0 ตัวเต็มแล้ว LG ก็ประกาศวันขายนาฬิกาทันที โดย LG ประกาศวันขายนาฬิการุ่น LG Smart Sport และ LG Smart Style ในสหรัฐฯ วันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้

การอัพเดต Android Wear 2.0 ล่าสุดมีนาฬิกาหลายรุ่นหลากแบรนด์ที่อัพเดตได้ หนึ่งในนั้นมี LG Smart Sportจอแสดงผล LED ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าจอ 1.38 นิ้ว ฝังชิประบุตำแหน่ง มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 แบตเตอรี่ 430 มิลลิแอมป์ และ LG Watch Styleความหนา 10.79 มิลลิเมตร จอกว้าง 1.2 นิ้ว จอแสดงผล LED เช่นกัน ผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 ใส่ลงน้ำความลึกได้ 1 เมตร แบตเตอรี่ 240 มิลลิแอมป์

ทั้งสองรุ่นมีระบบผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลหรือ Google Assistant และแอพพลิเคชั่นฟิตเนส Google Fit รองรับ Android Pay

หลังเลื่อนมากจากปลายที่แล้ว ล่าสุด Android Wear 2.0 ตัวเต็มก็ถูกปล่อยออกมาให้อัพเดตกันแล้ว โดยฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือสามารถทำงานได้แบบแสตนอโลน ไม่ต้องเชื่อมกับสมาร์ทโฟน, รองรับอินพุตด้วยลายมือและคีย์บอร์ดและ Play Store ในตัว สามารถโหลดแอพและติดตั้งเองได้โดยตรง

สำหรับนาฬิกาอัจฉริยะที่รองรับการอัพเดต Android Wear เวอร์ชันใหม่มี

กูเกิลออก Android Wear 2.0 รุ่น Developer Preview 5 ซึ่งถือเป็นรุ่นพรีวิวสุดท้าย ก่อนออกตัวจริงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ของใหม่ที่สำคัญคือแอพบน Android Wear สามารถทำงานร่วมกับ iOS ได้ดีขึ้น

ฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ Android Wear 2.0 แตกต่างจากเวอร์ชัน 1.0 คือ standalone app หรือการระบุว่าแอพนั้นสามารถทำงานได้ลำพัง โดยไม่ต้องพ่วงกับแอพเดียวกันบนสมาร์ทโฟนอีกต่อไป และเราสามารถ ดาวน์โหลดแอพ Android Wear จาก Play Store for Android Wear ได้โดยตรง (ในหน้าจอนาฬิกามี Play Store ฝังมาเลย)

@evleaks ได้รายงานว่า Android Wear 2.0 เตรียมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พร้อมกับสมาร์ทวอชสองรุ่นที่ผลิตโดย LG คือ LG Watch Sport และ LG Watch Style

สำหรับ LG Watch ทั้งสองตัวนั้นจะเหมือนกันแทบทุกอย่าง ตั้งแต่หน้าจอ OLED แบบวงกลม, หน่วยความจำภายใน 4GB, รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ส่วนความแตกต่างคือรุ่น Sport นั้นจะเป็นรุ่นท็อป ตัวเครื่องจะหนากว่าเล็กน้อย โดยจะมีความสามารถเพิ่มเติม คือรองรับการเชื่อมต่อ LTE, GPS, NFC, จอละเอียดกว่า, แบตเตอรี่ความจุสูงกว่า, แรมมากกว่า, และมีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

แบรนด์เครื่องกีฬาอย่าง New Balance เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่น RunIQ ใช้ชิปอินเทล ทำงานบน Android Wear และพร้อมใช้งานกับ Strava มีความจุในตัว 4GB กับแรม 512MB และสามารถอ่านฮาร์ทเรท ติดตามเส้นทางด้วย GPS และกันน้ำได้ 50 เมตร หน้าปัดเป็นจอสีทรงกลม สายพลาสติกเปลี่ยนสีได้ มีไซส์เดียว ราคาพรีออเดอร์อยู่ที่ 299.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,800 บาท) พร้อมส่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2017