
การไต่สวน ในคดีที่คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ หรือ FTC ฟ้อง Meta ข้อหาผูกขาดตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเริ่มต้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเป้าหมายให้ Meta ต้องขายกิจการ Instagram และ WhatsApp ออกมา จึงทำให้ทนายของ FTC พยายามเน้นประเด็นในตอนที่ Meta หรือ Facebook เวลานั้น ซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp ว่าทำเพื่อรักษาการผูกขาดความเป็นผู้นำธุรกิจโซเชียลเน็ตเวิร์กเอาไว้
FTC นำอีเมลภายใน Facebook ช่วงปี 2011-2012 ซึ่งมีความเห็นของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ เกี่ยวกับ Instagram เพื่อสะท้อนมุมมองว่า Facebook มอง Instagram เวลานั้นว่ามาแรงมาก จึงต้องการซื้อกิจการเข้ามา หรือหาทางกำจัดให้ได้ สอดคล้องกับที่ FTC พยายามชี้ว่า Facebook ต้องการลดการแข่งขัน
TechCrunch รวบรวมเนื้อหาบางส่วนในอีเมลที่ถูกนำเสนอ ช่วงแรกเป็นประเด็นที่ Zuckerberg กังวลว่า Instagram มาแรงเกินไป
- "Instagram เติบโตเร็วมาก 4 เดือน มีผู้ใช้งาน 2 ล้าน รูปอัปโหลดเข้ามาวันละ 3 หมื่น"
- "ถ้า Instagram ยังทำได้ดีในตลาด Mobile ต่อเนื่อง หรือ Google ซื้อกิจการไป จะเข้ามาเบียดพื้นที่ Facebook ง่ายขึ้น อัตราโตตอนนี้คือสองเท่าของเรา"
จากนั้นเป็นอีเมลไอเดียซื้อกิจการ Instagram เข้ามา แล้วทำอะไรสักอย่าง
- "หรือเราควรซื้อ Instagram เข้ามา ต่อให้แพง 500 ล้านดอลลาร์ เพราะตอนนี้เขามีสองอย่างที่เราไม่มี กล้องดี และเป็นโซเชียลที่เน้นแชร์รูป"
- "สมมติฐานเราคงผิด จริง ๆ คนต้องการถ่ายรูปที่สวย แต่ไม่ได้อยากโพสต์ลง FB เราต้องพิจารณาซื้อกิจการแล้ว"
- "ผมคิดเราควรปล่อย Instagram ทำงานต่อไป แค่อย่าไปเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ นำการพัฒนานั้นกลับมาที่แพลตฟอร์มเรา เช่น ฟีเจอร์กล้องให้อยู่ใน Facebook เมื่อเราไม่ปิดแอป Instagram คนก็จะไม่ด่าเรา ขอแค่อย่าสร้างพื้นที่ให้เกิดคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามา"
- "มุมมองที่เราต้องคิดตอนซื้อกิจการ คือจริง ๆ เราซื้อเวลา ให้ดูว่าพอซื้อไปแล้ว อีก 1 ปี จะมีใครทำสิ่งคล้ายกันมาแข่งได้อีกหรือไม่ เราสามารถรวมแอปนั้นมาอยู่กับแพลตฟอร์มเราให้แข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่"
ในอีเมลยังเผยว่านอกจาก Instagram แล้ว มีอีกหลายแอปที่ Facebook สนใจซื้อกิจการ เช่น Path, Pinterest, Evernote, Foursquare
ที่มา: TechCrunch
Comments
"...มีผู้ใช้งาน 2 ล้าน รูปอัปโหลดวันละ 30k"30k คืออะไรนะ 3 แสนครั้ง?
แก้ไขแล้วครับ
k = kilo = 1000
มันแค่อยู่ในประโยคหรือบทความเดียวกันแล้ว มันใช้คนละหน่วยคนละท่า เช่น ล้าน กับ m หรือ พัน กับ k มันคนละแบบน่ะ
อ่านจากเนื้อหาก็ลดการแข่งขันจริงแหละ ว่าแต่ FTC เค้าทำงานกันโหดแท้
การซื้อทำให้มันซ้ำซาก และกสระพัฒนาเทคโนโลยีเหมือนหยดชะงัก เพราะไอเดียไปรวมศูนย์กัน ถ้าชอบก็น่าจะแค่ไปลงทุน แล้วปล่อยให้เขาพัฒนาไปในแนวทางของเขา
เขาไม่ได้"ชอบ"เขากลัวกิจการอื่นดึงผู้ใช้ได้ดีกว่ากิจการเขา