ในงาน CEATEC (งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี) ที่ประเทศญี่ปุ่น NTT DoCoMo ยักษ์ใหญ่วงการสื่อสารได้เปิดตัว Wearable Computing เป็นแว่นตาอัจฉริยะ โดยใช้ชื่อเป็นทางการว่า Intelligent Glass (ภาพท้ายข่าว)
Intelligent Glass ถูกออกแบบมาจากปัญหาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อไปอ่านข้อความในร้านค้าหรือเมนูอาหารแล้วไม่เข้าใจในภาษาท้องถิ่น แว่น Intelligent Glass จะวิเคราะห์ตัวอักษรผ่านแว่นตา แล้วดึงข้อมูลจากการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วแปลภาษาออกมาทางหน้าจอ เบื้องต้นรองรับการแปลภาษาญี่ปุ่น, จีน, เกาหลี และอังกฤษ
นอกจากนี้ Intelligent Glass ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ใบหน้าของบุคคลหรือนามบัตรได้ รวมถึงรองรับการทัชสกรีนบนพื้นโต๊ะหรือกำแพงผิวเรียบ โดยอาศัยการสวมแหวนในนิ้วมือที่จะขายมาพร้อมกับแว่น Intelligent Glass ได้อีกต่างหาก
NTT DoCoMo ตั้งใจจะวางจำหน่ายแว่น Intelligent Glass ให้ทันเปิดโอลิมปิก TOKYO 2020 เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาชมโอลิมปิกครับ
รายละเอียดอื่นๆ ของแว่น Intelligent Glass ยังไม่มากเท่าที่ควร หากมีอะไรเพิ่มเติมจะเอามาลงให้อ่าน แต่ถ้าดูจากตัวแว่นแล้ว มันน่าจะเป็นตัวเดียวกับแว่น Vuzix M100 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ว่าแต่ Intelligent Glass นี่จะออกมาสู้กับ Google Glass หรือเปล่าครับ?
Comments
เอ๊ะ แบรนด์ Vuzix ที่แว่นตานี่ คุ้นๆ นะ
จริงด้วยครับ เหมือนเด๊ะเลย
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
"ตัวดียวกับ" ตก 'เ'
ตาดีจัง
/ชูป้ายไฟแว๊บๆ ^^
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
โอ้... หน้าตาช่างคล้ายคลึง
มีกลิตเตอร์ด้วย #ไม่ใช่
ตัวนี้เลยนี้น่าhttp://www.vuzix.com/uksite/consumer/products_m100.html
อันนี้คล้าย scouter มากกว่าอ่ะ
สงสัยจริงๆ
ทำไมไม่มีใครคิดจะผลิดแว่นตาแบบเต็มๆใบกันบ้าง ทำกันครึ่งเดียวตลอด มีการทำการตลาดมาแล้วหรือครับว่าทำครึ่งเดียวขายดีแบบเต็มใบ
ส่วนตัวอยากได้แบบนี้
http://i801.photobucket.com/albums/yy296/nan_gia/HijikataMamoru.jpg
กะแบบนี้นะ
http://3.bp.blogspot.com/_FRI8NZ068sE/TNNcEPxc_oI/AAAAAAAAB0A/RIl7uc-Yh-E/s400/2q204f4.jpg
ฮิ้ววว >_<
เพราะว่าถ้าทำเต็มใบ มันจะทำเป็นภาพซ้อนภาพจริงขึ้นมาไม่ได้ครับ ถ้าทำให้ภาพที่จอชัด ภาพจริงจะหลุดโฟกัส หรือไม่ก็กลับกันถ้าจะทำให้มันไม่หลุดโฟกัสจริงผมว่าอาจพอเป็นไปได้ แต่ต้องซ้อนเลนส์สองชั้น หน้าจอชั้นนึง หลังจอชั้นนึง เลนส์ชั้นหลังปรับภาพจริงให้ระยะโฟกัสมาเท่ากับระยะจอ เลนส์ชั้นหน้าปรับระยะโฟกัสของระยะจอ (ที่มีภาพของจอและภาพจริงที่ถูกปรับ) ให้ถอยกลับไปอยู่ระยะไกลเท่าๆ กับระยะภาพจริงเพื่อไม่ให้ปวดตา แต่คงหนักและหนาน่าดูล่ะครับ แถมมุมมองน่าจะแคบอีก (มีคนคิดรึยังหว่า ผมไปจดสิทธิบัตรดีมั้ย? หรือมันทำจริงๆ ไม่ได้ :p)
หรือถ้าทำออกมาเป็นภาพจริงก็เป็นจอด้วยโดยใช้กล้องด้านหน้าถ่ายมาอีกที คือมองจออย่างเดียวไม่ได้รับภาพจริงๆ โดยตรงเลย อันตรายมากครับ เรื่องภาพหน่วงนิดหน่อยคงไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าอยู่ๆ มีอะไรเด้งขึ้นมาบังเต็มๆ จอ หรือจอมืด แบตหมด จอเสียกล้องเสีย ฯลฯ
หรือถ้าจะเอาโครงอย่างเดียวไม่ได้หมายถึงส่วนจอ เห็นว่า Google Glass เอาไปใส่กับแว่นธรรมดาได้นี่ครับ
ผมคิดว่าน่าจะมีเทคโนโลยีที่ทำได้นะครับ ที่จะเอาภาพจากกล้องมาใช้ได้เลย แล้วก็ไม่หน่วง
อย่าง Argus Retinal System (http://www.youtube.com/watch?v=Bi_HpbFKnSw)
สุดท้ายแล้วถ้าพวก smartphone สามารถรวมเข้ากับพวก Argus System ได้ + อุปกรณ์ทั้งหมดไม่เทอะทะ
ผมก็อยากจะลองเปลี่ยนตาซักข้างนะ :P
ความละเอียดต่ำเกินไปครับ เอาไว้ถ้ามันจำเป็นจริงๆ และยามนั้นผมมีเงินพอค่อยว่ากัน ส่วนตัวผมยอมสวม Oculus VR เดินไปเดินมาดีกว่า (==)
เอ เจ้านั้นไม่มีกล้องนิ ? ถ้าขืนทำงั้นนี่อาจจะถึงตายได้นะเอ้อ
ผมแค่เปรียบครับ (T^T) จับติดกล้องสามมิติซะเลย
หรือถ้ามาเป็นเนิร์ฟเกียร์แล้วเป็นโลกเสมือนเลยก็ดีนะ
แบบไหนก็ได้ครับ ช่วยให้คนตาข้างเดียวใช้งานได้ละกัน :P
อิจฉาคนตาปกติ... เค้าก็อยากรู้ว่า 3D หน้าตามันเป็นยังไง (T^T)
ผมเห็นด้วยนะ เห็นใจคนที่สายตาไม่ปกติ เพราะเค้าก็คงอยากรู้ว่าใช้แล้วมันเป็นยังไง เหมือนกับ 3D ที่เค้าก็ไม่สามารถรับรู้ได้
อยากให้คนที่ร่างกายไม่ปกติ เสมอภาคกับคนที่ร่ายกายปกติ
สอบถามหน่อยครับ ios มีแอปคล้ายๆอย่างงี้มั้ยอ่ะ ผมเคยใช้บิงเอากล้องส่องแล้วแปลได้เลยใน WP อ่ะ
Wordlens
รอ สะเก้าเตอร์ วัดพลัง