
หลังจากที่ เหล่านักวิจัยสายงานพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับแนวหน้าหลายรายออกมาร่วมกันลงชื่อประกาศคว่ำบาตร KAIST เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการประกาศโครงการวิจัยด้านเทคโนโลยีร่วมกับบริษัทผลิตอาวุธของเกาหลีใต้ ให้หลังเพียงไม่กี่วันทาง KAIST ก็ต้องออกประกาศจุดยืนและให้คำมั่นต่อทุกคนว่าจะไม่ใช้งานวิจัยเพื่อสร้าง "หุ่นยนต์สังหาร"
การประกาศคำมั่นนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจดหมายเปิดผนึกประกาศการคว่ำบาตรสถาบันจากเกาหลีใต้ถูกเผยแพร่ โดย Toby Walsh ผู้ประสานงานการประกาศคว่ำบาตรกล่าวถึงถ้อยแถลงของ KAIST ว่า
แรกเริ่มเราถามหาคำยืนยันด้วยการติดต่อโดยตรงกับทางมหาวิทยาลัยนานกว่า 1 เดือนมาแล้วเกี่ยวกับเป้าหมายของการจัดตั้งห้องปฏิบัติการใหม่ของพวกเขา แต่หลังจากที่เราประกาศเรื่องการคว่ำบาตร KAIST ออกมาแถลงยืนยันอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนแบบชัดเจน
แม้ความไม่ลงรอยระหว่าง KAIST กับเหล่านักวิจัยจากทั่วโลกดูจะคลี่คลายลงแล้ว แต่การประกาศคว่ำบาตรยังคงส่งผลกระทบปลุกประชาคมโลกให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้ โดยในวันจันทร์หน้าตัวแทนจากชาติสมาชิกสหประชาชาติกว่า 120 ประเทศ จะประชุมกันที่ Geneva และหารือกันในหัวข้อ "หุ่นยนต์สังหาร" นี้ และในเดือนพฤศจิกายนปีนี้จะมีคณะกรรมาธิการที่ UN จัดตั้งโดยประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์จะร่วมมือกันเพื่อหาทางออกข้อกำหนดแนวทางการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้
ที่มา - Reuters , South China Morning Post
Comments
ส่วนตัวคิดว่าไม่มีทางหยุดได้ ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นแน่ ขอแค่มีสงคราม ก็มีเหตุผลให้มันเกิดขึ้นแล้ว
ไม่เอา AI ไปสร้าง หุ่นยนต์สังหารแต่ก็เอา AI ไปสร้าง อาวุธ
ตาม John Conner แปป
การป้องกัน กับการสังหารมันต่างกัน ก็สร้างหุ่นรักษาความปลอดภัยแทน โดนโจมตีสามารถใช้อาวุธโต้กลับได้ จบข่าว
ใช้ "หุ่นเชิดสังหาร" แทนไปก่อน
วันก่อนดูคลิป สารคดี Do You Trust This Computer? เค้าบอกว่าอาวุธ AI มันเหมือนเป็น the new nuclearมันน่ากลัวกว่ามนุษย์ตรงที่ มนุษย์จะมีความเชื่อที่ร้ายแรงแค่ไหนก็ยังมีอายุขัยจำกัด แต่ AI ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วมันจะอยู่ตลอดไป
ความน่ากลัวคือประเทศที่ควบคุมไม่ได้ คุยดีๆไม่รู้เรื่อง เหมือนเกาเหนือที่ซุ่มทำ nuclear นั่นแหละ