Oracle ประกาศเปลี่ยนวิธีหาเงินกับ Java SE 8 สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ จากเดิมที่เป็นการซื้อไลเซนส์แบบจ่ายครั้งเดียว และพ่วงด้วยบริการซัพพอร์ตเป็นรายปี เปลี่ยนมาเป็นการจ่ายค่าสมาชิกเป็นรายปี (subscription)
บริการนี้เรียกว่า Java SE Subscription จะเปิดให้ซื้อในเดือนกรกฎาคม 2018 ราคาอยู่ที่ 25 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อซีพียู (เซิร์ฟเวอร์) และ 2.50 ดอลลาร์ต่อเครื่อง (พีซี) ต้องซื้อขั้นต่ำ 1 ปี และหากซื้อเยอะมีส่วนลดพิเศษให้ด้วย
องค์กรที่จ่ายเงินค่า Java SE Subscription จะได้บริการซัพพอร์ตและอัพเดตเวอร์ชันมาด้วย แต่หากหยุดจ่ายเงินเมื่อใด จะถือว่าไลเซนส์การใช้งานในเชิงพาณิชย์หมดลงในทันที ซึ่ง Oracle แนะนำให้ย้ายไปใช้ OpenJDK แทนหากไม่ต้องการจ่ายเงิน
ส่วนลูกค้าที่ซื้อไลเซนส์แบบเดิม (Oracle เรียกว่า Java SE Advanced / Java SE Suite) จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นโยบายนี้มีผลเฉพาะลูกค้าใหม่ที่ต้องการใช้งาน Java SE เท่านั้น
ผู้ที่ใช้ Java SE แบบส่วนตัวหรือไม่ใช่เพื่อการค้า (non-commercial) ไม่รวมอยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้
Comments
อืม... ย้ายมาใช้ .Net Core กันเถอะ จะได้ไม่เจ็บตัวซ้ำไปซ้ำมา...
ขูดเงินรัวๆโดยไม่ลงทุนพัฒนาอะไร
ท่าทาง Java จาก Star กลายเป็น CashCow ที่รอวัน Dog
มีตัวเลือกอื่นเปล่า
OpenJDK
เหมือนกับ เขาพยายามคิดราคากับเวอร์ชันเก่า เพื่อเอามาจ่ายค่าเมนเทน แต่เวอร์ชันใหม่ให้ใช้ฟรีไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถูกแทนที่ล่ะมั้ง
ผมแค่คิดว่า ครั้งหนึ่ง java คือ อนาคตแห่งopen source ส่วน.net คือปีศาจแห่ง open sourceแต่ทำไมตอนนี้ .NET ตั้งหากคือ คือ อนาคต แห่ง open source
คงเห็นคนชินกับ Java จนย้ายไม่ได้จำนวนมากพอแล้วมั้งครับ เลยตั้งใจขูดรีด กะกินยาวๆ ไปได้อีกสักยี่สิบสามสิบปี ส่วนตัวผมไม่เคยเรียน Java เลย และไม่คิดจะไปเรียนด้วย เพราะความด้อยประสิทธิภาพของมัน
คิดเหมือนกันเลยครับ ผมนี่ใช้ java เป็นหลักเลย
ลองใช้ C# ครับแล้วจะพบว่ามันเป็นพี่น้องกัน แล้ว C# ง่ายกว่าเยอะปรับตัวไม่นานสองอาทิตย์ก็ลบ Java ทิ้งได้แล้ว
ผมมาจาก VB.net -> Java -> C# ไม่ยากเลยครับ เหมือน English UK -> English US
เริ่มต้นจาก 0 น่าจะไม่ยาก แต่มีหลายโปรเจคที่ทำกะ java ไปแล้ว และต้องมาต่อยอดแบบผมนี่สิครับน่าจะไม่ง่าย
📸
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้า Oracle ซื้อ GitHub จะเกิดอะไรขึ้น
Microsoft เลยชิงตัดหน้า ไปแล้วครับ