Trend Micro รายงานการค้นพบแอปกล้องบิวตี้บนแอนดรอยด์ 29 แอปที่มียอดดาวน์โหลดตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้าน มีพฤติกรรมมุ่งร้าย อาทิ แสดงป๊อปอัพโฆษณาพิชชิ่งไปหน้าเว็บไซต์ที่ลวงให้กรอกข้อมูล, ไม่แสดงไอคอนแอปเพื่อป้องกันการลบการติดตั้ง ไปจนถึงแอบอัพโหลดรูปภาพที่ผู้ใช้อัพโหลดเพื่อใส่ฟิลเตอร์ ไปยังเซิร์ฟเวอร์นอกแล้วแสดงข้อความให้อัพเดตแอปหลอกๆ แทน เป็นต้น
นอกจากนี้ Trend Micro ยังพบด้วยว่าแอปเหล่านี้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบของ Play Store ด้วยอาศัยการแปลงโค้ดเพื่อไม่ให้ระบบป้องกันอ่านไบนารี ขณะที่ URL ของเซิร์ฟเวอร์นอกก็ถูกเข้ารหัสแบบ BASE64 ซ้อนกันถึง 2 ชั้น โดยทาง Google ได้ทราบเรื่องนี้และนำแอปเหล่านี้ออกจากสโตร์แล้ว
ส่วนการป้องกันตัวเอง Trend Micro ก็แนะนำว่าให้อ่านและดูที่คะแนนรีวิวเป็นหลัก เพราะแอปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีแพทเทิร์นการถูกรีวิวเป็นตัว U คือกราฟจะสูงที่ 5 และ 1 คะแนน โดยส่วน 5 คะแนนนั้นเกิดจากการถูกปั่น ส่วน 1 คือผู้ใช้รีวิวจริง
รายชื่อแอปทั้ง 29 แอปดูได้จากที่มา
ที่มา - Trend Micro via Android Police
Comments
Android ก็คือ Android นะเจ้าคะระบบมาตรฐานความปลอดภัย ต่ำ! โฮ๊ะๆๆๆๆ
ปัก
?
ก็มีความสุขดีอยู่ในโลกเสรีครับ เราเลือกเองได้
ถามว่าความปลอดภัยต่ำมั้ย? ก็ถ้าเลือกโหลดแอพจาก dev ที่เชื่อถือได้และมีชื่อเสียง ผมว่ามันก็ปลอดภัยดี
เหมือนเรามีอิสระในการเลือกกินข้าวร้านไหนก็ได้ มันอาจมีร้านที่สะอาดบ้าง สกปรกบ้าง เราก็ต้องรู้จักเลือก แต่นั่นก็ดีที่เราเลือกเองได้ แม้จะมีระบบตรวจสอบความสะอาดของร้านจากภาครัฐ แต่ร้านหลากหลายมากมายแบบนี้มันก็ตรวจสอบให้สะอาด 100% ยาก ก็เหมือนกับระบบตรวจสอบของ Google ที่ว่ามาตรฐานความปลอดภัยต่ำนั่นแหละ ต่ำยังไงแต่เราก็ปลอดภัย กินอาหารสะอาดได้ ถ้าเราเลือกร้านดีๆ
ที่แน่ๆ เลือกร้านกินข้าวเองได้ สะอาดบ้าง สกปรกบ้าง แต่ยังดีกว่ากินข้าวในคุกแน่ๆ ครับ
ผมว่าการพยายามปกป้องสิ่งที่ตัวเองชอบและไปแซะกลับแบบนี้ ดูเหมือนจะคิดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเกินไป ตัวคุณเองมีความสามารถ ความถนัด ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ มากพอที่จะแยกแยะ app ที่น่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือด้วยคุณภาพของ developer ได้ ในขณะที่คนจำนวนหนึ่ง (ซึ่งผมว่าก็คงไม่ใช่แค่หลักสิบ) ในประเทศนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า developer คืออะไร เขาไม่มีความสามารถในการแยกแยะแบบคุณ เขาก็ต้องรับกรรมไปอย่างมีความสุขบนโลกเสรีกระนั้นหรือ ?
ประเด็นของข่าวนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเสรีหรือควบคุม แต่มันคือเรื่องของความปลอดภัย "ขั้นพื้นฐาน" ที่ทางผู้ให้บริการควรจะจัดหาให้ได้ การเบี่ยงประเด็นไปแซะกลับประเด็นอื่นมันดูเหมือนว่าทำไปเพียงเพื่อต้องการความสะใจที่ได้ตอบโต้ คนอื่นจะมาว่าสิ่งที่ฉันชื่นชอบชื่นชมไม่ได้ แม้ว่าสิ่งนั้นมันจะมีข้อเสียจริง ๆ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีส่วนได้ส่วนเสียก็ตาม
คนเราไม่ว่าจะกินข้าวที่ไหน ก็ควรจะมั่นใจปลอดภัยได้ว่าที่กินไปไม่ใช่ยาพิษ กินแล้วไม่ตาย กินแล้วไม่ป่วย กินแล้วไม่พิการ ไม่ว่าจะเลือกกินเองข้างนอกหรือกินในคุก
That is the way things are.
มีเหตุผล
ผมว่าคนที่แซะคือเม้นต์แรกสุดมากกว่าส่วนคำตอบของ illusion อันนี้ผมเห็นว่าเป็นการอธิบายมมุมมองที่ให้น้ำหนักความอิสระมากกว่าการปิดกั้นขอเขามีต่อระบบเท่านั้นเอง ไม่ได้มีการแซะอะไรเลย
ประเด็นของ zerocool ก็ถูกด้วยในอีกมุมนึงของด้านซีเคียวริตี้
เท่าที่อ่านข่าว ผมคิดว่าแอปบน ios เองก็มีโอกาศเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ยังมองไม่ออกว่าจะป้องกันลักษณะแบบนี้ยังไงซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับความปลอดภัยในการตรวจสอบในตอนต้น เพราะถึงใช้คนตอนแรกอาจจะเด่งไปเวปทั่วไป แต่พอผ่านก็เด่งไปเป็นต่างๆนานา ทั้งเก็บข้อมูล ทั้งลงทะเบียน ซึ่งแอปทั่วไปก็มีการเก็บอยู่แล้ว ส่วนจะเอาไปทำอะไร เอาไปขายก็ขึ้นอยู่กับ ผู้พัฒนาแอปนั้นๆไม่ว่าจะเป็นระบบใหน เหมือน facebook google เพราะข้อมูลพวกนี้มีมูลค่าของมัน การไว้ใจในแอป ก็เป็นสิ่งนึ่งที่ผู้ใช้ต้องวิเคราะว่าข้อมูลที่กรอกไปมันควรจะเป็นอย่างงั้นหรือไม่ เหมือน call center ก็มีกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก็ต้องให้ความรู้กันว่าเป็นยังไง ลบโปรแกรมยังไง ปิดแจ้งเตือนยังไง ก็ต้องเรียนรู้
ส่วนแนวทาง google น่าจะแก้ได้โดยการมีการตรวจสอบ Flow โปรแกรมบนระบบจำรองหลังจาก ผ่านไปแล้วอีกรอบ แต่ ios ใช้คนยังไงก็ไม่มีทางพอยังไงก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ AI
ส่วนเรื่องแขวะมันก็เรื่องธรรมดา ก็เสียเงินแพงขึ้นทุกปี ต้อนนี้มีข่าวไม่ดีก็ต้องออกมาเล่นคู้แข่งบ้างเป็นธรรมดา
OS CPU ที่ว่าเร็วตอนนี้ก็สู้ Android ราคาไม่ถึงหมื่นไม่ได้แล้วเช่นวิดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=9t-GF_f7eIY
จากวิดีโอนี้ยิ่งแข่งขันสูงยิ่งพัฒนา ส่วนคนไม่พัฒนาเอาแต่คิดว่ามีสาวกที่คอยปกป้องเยอะแล้วจะเอากำไรเท่าใหล่ก็ได้ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปต่อได้ถึงใหน
สำหรับ ios ไม่ได้อยู่ในสายตาเลยส่วนแบ่งสิบกว่าเปอร์เซ็น ขายเอากำไรมากเอาเปลียบผู้บริโภคได้มากเท่าใหล่ยิ่งดี
ถ้ายังขายดีอยู่ก็คงจะไม่ลดราคา
Speed test แบบในคลิปวัดอะไรไม่ได้เลยครับhttps://youtu.be/W68nuVxOXaE
ในทางทฤษฏีก็ตามที่คุณว่ามาครับ แต่ในทางปฏิบัติ ณ ตอนนี้ ข่าวเรื่องแอพที่ไม่ปลอดภัยที่มาจากฝั่งแอนดรอยด์นั้นมีออกมาเรื่อยๆ ส่วนฝั่ง iOS นั้นแทบจะไม่มีเลย ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นข่าว wechat หรือไงนี่แหละที่โดนฝังมัลแวร์เพราะ dev ใช้ xcode เถื่อน
ส่วนคลิปที่ชอบเอามารันแป๊บๆ เปรียบเทียบกันผมว่ามันค่อนข้างเป็นอะไรที่เอาไว้ดูเพื่อบลัฟกันเฉยๆ เพราะการใช้งานในชีวิตจริงไม่มีใครมานั่งจิ้มๆ ออกแอพนั้นเข้าแอพนี้สลับไปสลับมานาทีละหลายๆ แอพ ซึ่งความจริงมันต้องดูการ optimize โดยภาพรวม poco มันก็ดีนะครับ แต่ว่าก็ไม่ได้ดีขนาดที่ตีรุ่นอื่นๆ ได้แตกกระจุยขนาดนั้น อันนี้พูดในฐานะของคนที่ใช้แอนดรอยด์คู่กับไอโฟน
เห็นคุณ zerocool ก็ปกป้องแอปเปิลมาโดยตลอดอยู่แล้วนิ
เอิ่ม ? แต่ข่าวนี้ผมกำลังตำหนิคนที่ออกมาปกป้อง Apple นะครับ ลองอ่าน comment ผมดูอีกครั้งหากยังอ่านแล้วไม่เข้าใจ แล้วคุณคิดว่าผมกำลังทำแบบเดียวกันโดยไม่มีเหตุผล ?
ที่ผมบอกว่ากรณีนี้ Apple ดีกว่าก็อ้างจากข่าวเก่า ตัวเลขสถิติ และความรอบคอบของกระบวนการตรวจสอบเปรียบเทียบกันด้วยเหตุผลและตรรกะ ถ้าการพูดความจริงแปลว่าเข้าข้าง Apple ผมก็ไม่รู้แล้วว่าคนเราจะพูดอะไรได้บ้าง มาตรฐานของคำว่า "ปกป้อง" ของคุณกับผมมันคงจะไม่เหมือนกัน
That is the way things are.
เจ้ละขรรมตรรกกะการคิดแบบนี้มากเลยเจ้าค่ะ
เจ้ใช้ iOS แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองติดคุก (มีแต่คุณที่คิดเองเออเองฝ่ายเดียว) เจ้มีอิสระมาก จะโหลดแอปอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่ต้องมานั่งกลั่นกรองว่า ร้านไหนปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย แทนที่จะแสดงว่าใช้ Android อิสระ แต่ตัวเองกลับมาเผยไต๋มาเองแบบนี้ จะทำอะไรก็ต้องระแวดระวัง Stay Sharp เองแบบนี้ เรียกว่า อิสระ???? เหรอเจ้าคะ??? โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆ
ถือว่าเจ้เอา Source มาให้ดูขำๆ นะเจ้าคะ แบบนี้คงเป็น "โลกแห่งอิสระของคุณ"
ผู้ใช้งาน Android หลายล้านรายถูกหลอกให้ดาวน์โหลดแอปที่ใช้งานจริงไม่ได้ แต่แอบหารายได้จากโฆษณาบน Google Play https://droidsans.com/millions-of-android-users-tricked-into-downloading-85-adware-apps-from-google-play/
Google ตรวจเจอ 13 แอป Malware ซ่อนอยู่ใน Play Store พบมีคนดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 5 แสนครั้งhttps://droidsans.com/google-play-store-apps-removed-malware-found
พบแอป VPN บนแอนดรอยด์ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด บ้างทำข้อมูลหลุด บ้างฝังมัลแวร์https://www.blognone.com/node/107700
Fact นะเจ้าคะ FYI โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมใช้ iOS แล้วผมติดคุกมากครับ Safari ที่มีปัญหาไปทั่ว ฟีเจอร์ขาดแคลน บั๊กร้ายแรงที่ไม่แก้มานานหลายรุ่น (เช่นตัวนึงเรื่องกล้องก็คุ้นๆ ว่าเริ่มเกิดตั้งแต่ iOS10) และบังคับแอปเบราว์เซอร์ทุกตัวต้องใช้เอนจิน Safari เท่านั้น ขาดอิสระที่จะใช้งานเว็บและไม่สามารถทำอะไรได้เลย แบบนี้เองเรียกว่าอิสระ??? เหรอครับ???
LOL
แล้วเกี่ยวอะไรกับข่าวนี้เหรอเจ้าคะ? หรือเพราะแพ้แล้ว เลยต้องเบี่ยงประเด็น เอาเรื่องอื่นมาเถียงแบบข้างๆ คูๆ
ตรรกะแบบนี้ สมกับเป็นพวก Android ดีนะเจ้าคะ แยกแยะไม่ออกว่าเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่ โฮ๊ะๆๆๆๆๆ
ผมไม่ได้คุยเรื่องข่าวแต่คุยเรื่องอิสระของแอปครับ
แล้วผมไม่ใช่พวก Android ครับ ผมเชียร์และชม iOS อยู่บ่อยด้วยซ้ำไป
เจ้ขอหัวเราะแพร๊บ โฮ๊ะๆๆๆๆๆ
โห ปัญหาเยอะขนาดนี้ แนะนำให้เปลี่ยนค่ายได้แล้วนะครับ…… หรือว่าปัญหามันไม่ได้กระทบการใช้งานขนาดนั้น ก็เลยยังใช้อยู่?
จำเป็นต้องใช้ทั้งสองฝั่งเพื่อคอยดูว่าลูกค้าจะได้ประสบการณ์ใช้งานได้แค่ไหนน่ะครับก็เลยใช้งานทั้งสองค่ายอยู่ตลอด แต่ในฝั่งแอปที่ผมทำนี่นอกจากจะต้องลงแรงพิเศษให้ iOS แล้ว ยังต้องตัดฟีเจอร์ทิ้งไปอีกหลายเนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันเกิดขึ้นบน Safari iOS ครับ
ส่วนตัว Safari ผมไม่ค่อยหัวเสียเท่า Chromium เท่าเอามาที่ยัดใส้ตามใจชอบตามแต่ละผู้ผลิตนะ เพราะเจอ bug แล้วมันชอบไม่ update ตาม
และในระยะเวลาเดียวกันเอาซักเริ่มตั้งไข่ประมาณ 7-8ปี Google ทำผมหัวเสียบ่อยครั้งมากกว่า มีอยู่ช่วง deprecated คำสั่งแป๊ปเดียวแล้วลบทิ้งเอาดื้อๆ แถมมีอยู่ช่วงที่พีคจัดๆ พี่แกปิดคำสั่งผิด Chrome ตัวหลักเนี่ยล่ะพังกันกระจายต้องเขียนอ้อมโลกแทน orz
ส่วน IOS แรกๆ ผมเจอพวกชอบกั๊กของมากกว่า หนักสุดก็ช่วงปี 2011-2012 คำสั่งพวก CGI ไปกั๊กไว้ในวิดีโอ WWDC ถ้าเขียนวิธีอื่นเวลาดึงมาเยอะๆ จะอืดไปเลย
อ่า พอดี Chromium ผมยังไม่เคยเจอครับ ผมอาจจะมาเริ่มใช้ Android ช้าไปมั้ง (ที่บ้านก็ใช้กันหลากหลายค่ายแต่เห็นมาเป็น Chrome ทุกเครื่องนะครับ เว้น iPad)
ผมใช้แต่คำสั่งที่ลง standard แล้ว อาจจะรอดเพราะแบบนั้นมั้งครับ
ตอนนี้เลยครับ Chrome 72 ทำผมพังบนโปรดักชัน ลูกค้าใช้งานไม่ได้ไปหนนึง (เพราะโทรแล้วผมดันไม่ตื่น ผมเป็นพวกหลับสนิท) วุ่นวายไปพักนึงเลย T-T
https://bugs.chromium.org/p/chromium/issues/detail?id=927066
แบบนี้แหละครับเขาถึงเรียกคุกกระจก เพราะมันใสจนยากจะมองเห็น
ยินดีด้วยครับที่ใช้ของสูงแล้วไม่พบอะไรผิดปกติสักนิดแม้กระทั่งราคา
จริง ๆ ก็น่าคิดนะว่าทำไม app บน Android Store ถึงปลอดภัยสู้บน Apple Store ไม่ได้ (จริงหรือ ?) ทั้ง ๆ ที่ทาง Google ก็สามารถเพิ่มกระบวนการตรวจสอบ app เหมือนที่ Apple ทำก็ได้
Freemium app บน Apple Store ที่ต้องให้ผู้ใช้ดูโฆษณาเหมือนกัน หรือว่า agency และ algorithm ในการเลือกโฆษณาของ app บน Apple Store ปลอดภัยกว่า ?
That is the way things are.
Android ใช้ตัว scan app ถ้าผ่านก็แทบจะขึ้นได้เลย (ไม่เกิน 3 ชั่วโมง)iOS ใช้คนนั่ง review (น่าจะมีตัว scan api ก่อนแล้วรอบนึง) ดูละเอียดขนาดที่ว่าถ้ามีระบบ login ก็ต้อง login ได้ ดูถึงขั้น UX พื้นฐานเลยด้วย (ถ้าเจอคนรีวิวเขี้ยวๆ แล้ว app สุ่มเสี่ยงจะผิด policy ก็คุยกันยาว)
ถ้า android จะทำแบบ iOS คงต้องจ้างคนเยอะมาก แล้วความเร็วในการเอาแอพขึ้น store ก็จะลดลง
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้เพิ่มเติม
จากที่ได้อ่านผมคิดว่า Google ควรใช้กระบวนการคัดเลือก app แบบ Apple นะ
That is the way things are.
แบบนั้นมันไม่ใช่แนวทางของ Google น่ะสิครับ รู้ๆกันอยู่ว่า Google เป็นบริษัทที่บ้าอัลกอริทึ่มบ้า AI มาก ดังนั้นการแก้ปัญหาของ Google จึงโน้มไปทางการใช้คณิตศาสตร์เข้ามาแก้ปัญหาแทนที่จะใช้คนจริงๆมานั่งแสกน มันผิดพลาดบ่อยหรืออาจจะดูประสิทธิภาพไม่ดีพอ แต่คุณภาพโดยรวมก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจคนก็ไม่ได้แอนตี้อะไร แต่พอนานๆเข้าการทำแบบนี้ก็ทำให้เห็นช่องโหว่มากขึ้นมีข้อมูลมากขึ้นซึ่งนำมาพัฒนาต่อยอดได้ ทำให้ไม่ช้าก็เร็วมันจะทำได้ดีกว่า ผิดพลาดน้อยกว่าและเร็วกว่าใช้คนจริงๆ แนวทางแบบนี้เราก็เห็นบ่อยๆใน product ของ Google เช่น Translate ที่แรกๆด่ากันยับเอามาล้อกันสนุกปาก ทุกวันนี้ผมใช้แปลแทบจะหาที่ผิดไม่ได้
อันนี้ผมไม่รู้หลังบ้านละเอียดหรอกนะครับ แต่ผมเชื่อว่า apple เองก็แสดนระดับนึงแล้วเหมือนกัน อาจจะตรวจเรื่องการขอสิทธิ์กับการเรียก api ต่างๆ
แต่จุดที่ดีคือ apple มีการเอาคนมานั่งเล่น app เราจริงๆ อย่างน้อยมันก็ป้องกันในกรณีที่ระบบแสกนมันไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะหากมีแอพประสงค์ร้ายมันหลุดออกไป คนที่เสียหายคือลูกค้าครับ
จะให้รอระบบตรวจสอบอัตโนมัติมันใช้งานได้ 100% ถึงตอนนั้น คงมีผู้เสียหายมากมายเป็นเท่าทวีล่ะครับ
อันนี้ที่รู้คือ ในทีมเพิ่งเอาแอพขึ้นมาหมาดๆ ตัว Android ขึ้นได้ตั้งแต่ 3 ชั่วโมงแรก เมื่อ submit ครั้งแรก ส่วนตัว iOS รีวิวเป็นเดือนยังไงก็ไม่ผ่าน โดนให้แก้ตั้งแต่ screenshot, tutorial ยันไปถึงให้เพิ่มฟังก์ชั่นด้วยแล้วสุดท้าย app version iOS โดนแก้ไปเยอะมาก จนต้องกลับไปแก้ version Android ให้เท่ากัน
ผม apk เถื่อนก็ปกติดีจะใช้ยังไงมันอยู่ที่สมอง
มีความจำเป็นอะไรถึงต้องใช้ app เถื่อนเหรอครับ ? เรื่องราคาหรือว่าปัจจัยอื่น ?
That is the way things are.
อาจจะหมายถึง Sideload แอพที่เป็นแอพนอกสโตร์ พัฒนากันเองก็ได้ครับ อย่างผมก็ Sideload แอพ Google Camera มาลง Xiaomi เพราะมันไม่มีใน Play Store จะเรียกว่าเป็นแอพเถื่อนก็ได้อยู่
จริงๆ ถ้ามันมีแบบ คนใช้ Pixel ใช้ฟรี คนอื่นจ่ายตังค์ซื้อเอาใน Play Store ผมก็ยอมซื้อนะ แต่มันไม่ทำนี่สิ
+1 ส่วนกรณีของผมคือมีเกมตู้ของ SNK ที่ซื้อจาก Humble Bundle แต่มันแจกเป็น .apk แทนที่จะให้เป็น key ไปเปิดใช้งานกับ Google Play Store แทน เลยต้องเพิ่งการลงแบบทั่วไปแหละครับ
ก็ต้องเรียกว่าเถื่อนนะแหละครับ เพราะ port มา มันก็ผิด EULA อยู่ดีเจ้าของเค้าอนุญาตให้ติดตั้งได้เฉพาะ model ที่เค้ากำหนด
ถ้าอยากใช้ Google Camera ก็เสียเงินซื้อ Pixel ของเค้าครับ สนับสนุนเค้าหน่อย
งั้นผมเลือกลบแอพออกละกันครับ ขอบคุณครับ
some**** จากเว็บเพื่อนบ้านปะน้อออออ
แต่เอาจริงๆ App Store ก็ไม่ค่อยมีปัญหาแบบนี้ะใช้กันสบายๆ ไม่ต้องระแวง ในคุกกระจก
Base64 โถถถถถถถถ
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
เครื่องที่ผมใช้ทุกวันนี้ก็เหมือนโดน stream screen ไปให้โจรส่องเล่นอยู่กลายๆแล้ว ไม่ได้เข้าแอพอะไรก็มีการใช้ wifi ตลอดเวลา security patch ก็ไม่มี บางค่ายเอาใจใส่หน่อยก็มีมาให้
ต้นปีก็ซื้อ mi s2 ก็โดนพรีโหลดมาเพียบ เลยเปลี่ยนเป็น a2 lite แม่เจ้า android one มันช่างเหี้ยนเตียนถึงขนาดเข้าไป setting แบบละเอียดไม่ได้เพราะไม่มีหน้าให้เข้าถึง
ถ้าไม่ติดเรื่อง sd slot ผมว่าขยะจริงๆครับสำหรับ os นี้ บอกเลย
ขนาดนั้นเลย
ขอเตือนสมาชิกเว็บว่า don't feed the troll ครับ