เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยให้สัมภาษณ์พิเศษกับ BBC ตอบคำถามในหลายประเด็นทั้งความพยายามของสหรัฐในการคว่ำบาตรหัวเว่ย และ การจับกุม Wanzhou Meng รองประธานหัวเว่ยและลูกสาว ความท้าทายที่หัวเว่ยต้องเจอแรงกดดันในเวลานี้ แต่เหริน เจิ้งเฟย ตอบอย่างมั่นใจว่า สหรัฐฯ ไม่มีทางบดขยี้เราได้
“ไม่มีทางที่สหรัฐฯจะบดขยี้เราได้ โลกไม่สามารถทิ้งเราไปได้เพราะเราก้าวหน้า แม้ว่าพวกเขาจะโน้มน้าวประเทศต่างๆ ไม่ให้ใช้อุปกรณ์ของเรา แต่เราก็สามารถลดขนาดธุรกิจลงได้” เหริน เจิ้งเฟย กล่าว
Mike Pompeo รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้เตือนพันธมิตรของประเทศไม่ให้ใช้เทคโนโลยีหัวเว่ยด้านออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็แบนอุปกรณ์หัวเว่ยแล้ว แคนาดาก็กำลังตรวจสอบอยู่ว่าอุปกรณ์เป็นภัยคุกคามหรือไม่ ต่อกรณีทั้งหลายนี้ เหริน เจิ้งเฟย บอกว่า "โลกไม่สามารถทิ้งเราได้เพราะเราก้าวหน้ากว่านี้ ถ้าแสงไฟส่องทางทิศตะวันตก ทิศตะวันออกจะยังคงเปล่งประกาย และถ้าทิศเหนือมืดมิดก็ยังคงมีทิศใต้ อเมริกาไม่ได้เป็นตัวแทนของโลก แต่เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของโลกเท่านั้น”
ด้านประเด็นการจับกุมลูกสาวนั้น เหริน เจิ้งเฟย บอกว่าสหรัฐฯมีแรงจูงใจทางการเมืองในการจับกุม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ สหรัฐฯมักจะคว่ำบาตรผู้อื่นอยู่แล้ว และเรื่องนี้จะให้ศาลเป็นผู้จัดการ
ด้านข้อสงสัยเรื่องหัวเว่ยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการสอดแนมข้อมูลรือไม่นั้น เหริน เจิงเฟย ตอบว่า การอนุญาตให้สอดแนมเป็นความเสี่ยงที่เขาจะไม่ทำ และรัฐบาลจีนได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ติดตั้ง backdoor และบริษัทก็ไม่ติดตั้งเช่นกัน เขาจะไม่เสี่ยงให้เสียลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก
ปัจจุบัน เหริน เจิ้งเฟย ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในหัวเว่ยมาตั้งแต่ปี 2011 แต่ยังมีตำแหน่งอยู่ในบอร์ดของบริษัท เขาให้สัมภาษณ์สื่อครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2015 และเพิ่งมาปรากฏตัวอีกครั้งในปี 2019 โดยเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาออกมาตอบข้อสงสัยหลายอย่าง และเพิ่งให้สัมภาษณ์พิเศษ BBC ไปเมื่อวันจันทร์ 18 กุมภาพันธ์
ที่มา - BBC
Comments
ตอบดี สมเป็นผู้นำ
ถ้าแสงไฟส่องทางทิศตะวันตก ทิศตะวันออกจะยังคงเปล่งประกาย และถ้าทิศเหนือมืดมิดก็ยังคงมีทิศใต้ อเมริกาไม่ได้เป็นตัวแทนของโลก แต่เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของโลกเท่านั้น ชัดเจน
ผมว่าเขาเป็นตัวแทนด้านหนึ่งของโลกน่ะครับ ชัดเจน
แต่มโนว่าตัวเองเป็นตัวแทนของโลก
แคปให้ดูหน่อยครับตรงไหนที่เขาบอก หรือคุณก็มโนเอง
ชัดเจน
หันไปมองอีกข่าว Huawei พยายามขโมยเทคโนโลยี Apple
https://www.neowin.net/news/huawei-reportedly-tried-to-steal-the-apple-watch-heartrate-sensor-tech/
ไม่กลัวขยี้แต่กลัวไม่ได้ลอกปล่าว
+1 เลยครับ มันจะสวยหรูกว่านี้ถ่าไม่มีข่าวที่คุณโพสต์ หรือข่าวก่อนๆ ที่ทั้งยัดเหยียดสเป็กต่ำกว่าคละไปในตัวเดียวกัน และอื่นๆ จนตอนนี้ผมไม่ให้ราคากับแบรนด์นี้เลย
แอปเปิ้ลก็ขโมยของซีร็อกมาก่อน
มีแบบนั้นด้วยเหรอครับ มั่วหรือเปล่า ระดับแอปเปิ้ลเหรอจะขโมยของซีร็อก
อันนี้ไงครับ Xerox Alto
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมอ่านดูแล้วไม่มีบรรทัดไหนที่บอกว่าแอปเปิ้ลขโมยเลยนี่ครับ มีแต่บอกว่าสตีฟจ็อบส์จัดให้มีการไปเยี่ยมชมสำนักงานซีร็อกและดูการสาธิตเทคโนโลยี แลกกับซีร็อกได้สิทธิซื้อหุ้นแอปเปิ้ล แถมให้ดูถึง2ครั้ง จริงๆรอดูตอนเครื่องซีร็อกออกขายแล้วก็ได้ แต่ได้ดูก่อนคนอื่นเพราะซีร็อกจะซื้อหุ้นนี่แหละ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากกว่านะ
มันก็ไม่ได้ทำให้หัวเว่ยดูดี มีความชอบธรรมขึ้นสักกระผีกเลยครับ
สิทธิบัตรอันดับ1ของโลกอยุ่ที่ใครครับ ไม่ใช่เมกา ไปหาอ่านเองนะ ท่าไม่มีความสามารถแม้แต่จะหา ก่ไม่แปลกใจ
ผมไม่มีความสามารถพอครับ กราบขอร้องคนที่มีความสามารถหาให้หน่อย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
"การอนุญาตให้สอดแนมเป็นความเสี่ยงที่เขาจะไม่ทำ และรัฐบาลจีนได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ติดตั้ง backdoor และบริษัทก็ไม่ติดตั้งเช่นกัน เขาจะไม่เสี่ยงให้เสียลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก" - แต่กฏหมายจีนกำหนดบริษัทเอกชนต้องร่วมมือกับรัฐบาลในการเข้าถึงข้อมูลผมรู้สึกว่าเขาเป็นนักการเมืองคนหนึ่งของรัฐบาลจีนที่ออกมาตอบโต้สหรัฐมากว่า ซึ่งใช้วิธีการที่จีนไม่ออกมาเล่นเองรับบทนางเอก...
อันที่จริงอเมริกาก็ออกมาเปิดเผยซะ ว่าอะไรที่เป็นปัญหานานไปยิ่งดูแย่ เหมือนพยายามกีกันทางการค้ามากกว่าจะเชื่อว่ามีปัญหาจริงๆ
จริงๆ ผมก็คิดว่าทำไมอเมริกาไม่ทิ้งหลักฐานเด็ดออกมาเลย ยิ่งมันเป็นฮาร์ดแวร์มันน่าจะตรวจสอบพฤติกรรมได้ชัดๆ
มันเหมือนเล่นไพ่ poker ละมั้งครับ เปิดออกมา ไม่รูว่าจะ กินหรือจะหงายหลัง
เปิดออกมาเกรงว่าจะโดนเอาไปเปรียบเทียบกับกรณีที่สโนวเดนแฉ NSA ฮ่าๆ?
คิดง่ายๆ คือถ้ามันมีปัญหาจริงๆก็โชว์สิ หรือถึงจะไม่มีหลักฐาน จะแบนในสหรัฐก็แบนไป แต่ไปๆมาๆดันกดดันคนอื่นให้แบนด้วย ดูยังไงก็กีดกันทางการค้าชัดๆ
เตะสะกัดเพื่อซื้อเวลาก็เป็นหมากนึงที่ใช้ได้บ่อยๆ แต่ถ้าเตะสะกัดแล้วไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยืดออกไปให้เป็นประโยชน์ ก็ต้องโทษตัวเองแล้วล่ะ เพราะสุดท้ายถ้าเทคโยโลยีของหัวเหว่ยดีจริง เข็มทิศมันก็จะเบนไปหาเอง ทางหัวเหว่ยก็เลยออกมาพูดแบบนี้ เพราะก็รู้กันอยู่ เสียหมดตัวแต่อย่าเสียชีวิต แล้วค่อยคิดบัญชีทีหลัง
ความเหมือนในเทคโนโลยีต่างๆ ที่บังเอิญไปเหมือนโดยไม่ตั้งใจแถมเอามาขายให้ในราคาถูกกว่า
ถ้าจะแบนก็ควรแบนภายในประเทศภายตัวเองป่าวว่ะ แต่นี่ป่าวประกาศโฆษณาเดินสายไปทั่วแถมยังบังคับบางประเทศทางอ้อม มันดูเหมือนกีดกันทางการค้าพยายามเตะจีนออกตลาด 5G อ้างใช้ของจีนไม่ปลอดภัย เสี่ยงโดนเจาะโดนสอดแนม แล้วของอเมริกาเองปลอดภัยจริงหรอว่ะ ไม่ต้องอ้างว่าเพราะเป็นประเทศประชาธิปไตยจึงปลอดภัยกว่าคอมมิวนิสต์หรอก ฉากหน้าอาจจะดูดีแต่ฉากหลังอาจจะสอดแนมยิ่งกว่าเค้าสะอีก ตัวอย่างกรณี NSA ที่สโนว์เดนส์แฉ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ฝั่งไหนก็มีสิทธิ์โดนสอดแนมกันทั้งนั้น แม้จะใช้ของประเทศตัวเองก็ยังโดนสอดแนมได้
ก็ไม่ได้กะขยี้ แค่ทุบให้ชะงักไม่งั้นจะสู้ไม่ได้เอา
พูดกันจริงๆ จีนไม่มีทางสู้อเมริกาได้หรอก เพราะว่าพี่แกขยันหาอะไรใหม่ๆ ที่อันตรายและน่ากลัวกว่าออกมาได้ก่อนเสมอ เพราะอำนาจการรบ การค้าปัจจุบัน ประเมินแค่สิ่งที่เรารู้ว่ามีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น แต่สิ่งที่ยังรอการค้นพบมันเป็นตัวแปรสำคัญที่พลิกเหตุการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เหมือนยุคที่เรายังไม่รู้จักไฟฟ้า ยังไม่รู้จักนิวเคลียร์ ยังไม่รู้จัก AI
ก็ไม่แน่ครับขนาดอีลอน มัสก์ยังบอกเลยว่าอนาคตจีนจะน่ากลัวเรื่องเทคโนโลยีว่าอเมริกา
ผมหมายถึงอย่างอื่นที่อาจจะมาแทนเทคโนโลยีน่ะครับ
อ๋อ ครับผม
จีนะสร้างอะไรใหม่ๆได้ตลอดนั่นแหละ คิดไงว่าจีนจะสู้ไม่ได้ ที่จีนดูล้าหลังทางการคิดในรอบร้อยปีมานี้เพราะจีนโง่ก็ไม่ใช่ แต่เพราะไม่มีเวลาไปคิดไปทำต่างหาก คนในประเทศยุคนึงแค่ฉลาดก็ยังไม่ได้ ยุคนึงแค่หากินก็ลำบากแทบตาย เอาเวลาไหนไปสร้างสิ่งต่างๆ
ซึ่งอเมริกานอกจากสงครามกลางเมืองแล้วสงครามครั้งต่อๆมาก็รบนอกบ้านตัวเองตลอด การศึกษาคุณภาพชีวิตต่างกับจีนไม่เห็นฝุ่น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ถึงแม้โครงสร้างพื้นฐานจะยังสู้อเมริกาไม่ได้ แต่ก็อย่าดูถูกพลังของพันสี่ร้อยล้านคน ซึ่งยุคหน้าเป็นยุคของaiที่จีนก็ไม่ได้เริ่มช้ากว่าคนอื่นเขาเท่าไหร่ ก็ดูกันไปว่าจีนจะแซงสหรัฐได้ไหม
แต่มีอยู่อย่างหนึ่งคือถ้าสู้ไม่ได้แล้วคิดจะบีบจีนด้วยกองทัพเหมือนตอนสงครามฝิ่นน่ะทำไม่ได้อีกแล้ว
ถ้ายุคนี้เอาจำนวนคนมาเปรียบเทียบก็จบแล้วครับ ผมเคยเห็นคนพูดเรื่องกวีจีน ทุกๆ สิบบ้านจะมีปราชญ์ขึ้นหนึ่งคน อะไรประมาณนี้แหละ เลยพออ่านออกว่าทำไมคนจีนถึงขยันปั๊มลูก แต่สุดท้ายผมว่ากวีนี้แหละจะพังประเทศจีน
แต่ทุกครั้งที่อเมริกาหาอะไรใหม่ๆมา จีนก็พร้อมจะก็อปเสมอ ด้วยเงินทุนและกำลังคนมหาศาล
และสายลับที่พร้อมขโมยเทคโนโลยีได้ตลอดเวลา จีนไม่จำเป็นต้องคิดอะไรใหม่เลย
เพียงแค่คอยดูว่าอเมริกากำลังวิจัยเรื่องอะไรบ้างแล้วก็เข้าไปทำด้วย
คำตอบอยู่ในข้อความคุณแล้วครับ ผมมองว่าต่อให้จีนพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่สุดท้ายยังยืนอยู่บน Knowledge base ของชาติตะวันตกเสมอ ผมจะเปรียบเทียบยังไงดี คงเหมือนอาจารย์กับลูกศิษย์น่ะครับ คุณสอนเค้ามา ต่อให้เค้าเรียนรู้ไปแล้วพัฒนาหรือต่อยอดอะไรใหม่ๆ ได้ แต่คนเป็นอาจารย์ก็รู้พื้นฐานลึกๆ ของลูกศิษย์คนนั้นอยูดี รู้ว่าจะรับมือยังไง
โห ตรรกะอะไรเนี่ย จีนพัฒนา5g 6g 7g พัฒนาai พัฒนาอาวุธ ต่อให้ไปไกลแค่ไหนก็ตามหลังชาติตะวันตกว่างั้น?
งั้นต้นแบบอาวุธอย่างดินปืน พัฒนาจนกลายมาเป็นอาวุธในปัจุบัน แล้วอะไรอีกหลายๆอย่าง ซึ่งจีนเป็นผู้คิดค้นเป็นชาติแรก จีนรู้อะไรลึกๆของชาติตะวันตกบ้างไหม?
มันไม่มีอะไรแน่นอนเหมือน1+1=2หรอกเรื่องแบบนี้
ว่าจะคุยยาวๆกว่านี้ พอไปอ่านเจอบอกจีนอยากก่อสงครามลดประชากรตัวเองก็หมดคำพูดละ ตอนนี้ทุกประเทศกำลังต้องการทรัพยากรมนุษย์ใหม่ๆ เพราะกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกจากจะไม่ลดแล้วจะปั้มเพิ่มมากกว่า
ก่อสงครามเพราะอยากลดประชากรตัวเอง
คิดได้ไง
เป็นคำตอบที่ผิดครับ
คนที่เป็นครูไม่ได้เก่งกว่าศิษย์เสมอไปนะครับ เมื่อยืนอยู่บน Knowledge base เดียวกัน คนที่ตัวใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบ
ถ้าครูแค่รู้พื้นฐานบลาๆก็รู้จะรับมือยังไง งั้นครูมวยคงเป็นแชมป์เปี้ยนโลกไปแล้ว แต่จริงๆมันไม่ใช่ ครูสอนความรู้เทคนิคการชกมวยได้ แต่คนที่เป็นแชมป์คือร่างกายต้องฟิตกำลังพร้อมซ้อมมาดีมีความอึด
จีนไปไกลละครับ แม้หลายๆด้านยังตามหลังอเมริกาแต่ด้านอาวุธอีก 10 จีนจะนำอเมริกาละ จีนมีคน นับพันล้านทุกคนต้องแข่งกันสุดชีวิตเพื่ออยู่รอด ไม่ได้ชิวล์ๆ แบบบ้านเรานะ แข่งขันกันยิ่งกว่าอเมริกา อีก 10 ปี อุปกรณ์ไอทีในตลาดส่วนใหญ่อาจจะคิดค้นโดยบริษัทในจีนก็เป็นได้ ก่อนญี่ปุ่นจะมีอย่างทุกวันนี้ก็ ก็อปปี้ reverse engineering แบบจีนนี่แหละ ไม่ใช่ว่าญี่ปุ่นตรัสรู้มาจากไหน
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
เอาจริงๆ นะ ผมว่าลึกๆ จีนน่ะ ต้องการสงครามยิ่งกว่าใครเพื่อจะได้ลดจำนวนประชากร เพราะคุณจะมาเกณฑ์คนเป็นพันล้านให้สร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อลดจำนวนประชากรเหมือนสมัยก่อนไม่ได้แล้ว สุดท้ายคุณก็ต้องยืมมือชาติตะวันตกนี่แหละ ในการควบคุมสมดุลของโลก ฝั่งที่กระทำก็จะถูกมองเป็นตัวร้าย ส่วนระดับชนชั้นผู้นำจีนก็ลอยตัว วิน วิน แต่ก็เป็นแค่การคาดเดารอดูกันต่อไป
ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ จีนตอนนี้ต้องการคนด้วยซ้ำ เห็นจะยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวด้วย แล้วสงครามยุคนี้มันอาจจะพัฒนาเป็นสงครามนิวเคลียร์ ถ้าเอาสงครามนิวเคลียร์มาคุมประชากร มันก็ดูขี่ช้างจับตั๊กแตนมากเกินไปนะครับ
การลดประชากร ที่จริงแค่ควบคุมในเขตพื้นที่ประเทศตัวเองก็พอ เสริมด้วยนโยบายส่งเสริมให้คนจีนออกไปตั้งรกรากที่ประเทศอื่นๆ แค่นี้ก็สบายแล้วครับ
.......รัฐบาลจีนส่งเสริมเรื่องการมีลูกมากขึ้น เพราะกลัวปัญหาสังคมสูงอายุกับประชากรลดลงอยู่ครับข่าวออกกันครึกโครม ไปเอาความเชื่อประหลาดๆแบบนี้มาจากไหนครับ
น่าจะเป็นความจริงในจักรวาลคู่ขนานของเพจ Thanong
คนไทยชอบของก็อปราคาถูก
รัฐบาลอเมริกันไม่เปิดเผยเพราะจำเป็นต้องใช้ช่องโหว่นั้นในการหาข่าวกรองด้วยรึเปล่า
ความน่ากลัวของ 5G คือมันครอบครุมทุกอย่างตั้งแต่ตู้เย็นจนถึงรถไร้คนขับ และตามกฎหมายของรัฐบาลจีน บริษัทจีนต้องให้ความร่วมมือในกระบวนการทางด้านข่าวกรองถ้ารัฐบาลต้องการ5G เป็น infrastructure ที่สำคัญในอนาคต มันคือความเสี่ยง
ผมเองสงสัยว่ามีใครใช้ช่องโหว่ Hyperthreding ในการหาข่าวกรองมาก่อนรึเปล่าก่อนจะมีการเปิดเผย
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ไม่รู้สิ ตั้งแต่ผมได้ยินข่าว Samsung ไล่พนักงานคนหนึ่งออกเพราะขโมยความลับทางการค้า และข่าว Huawei ออกเทคโนโลยีตัดหน้าหลังจากนั้นไม่นานนัก ผมก็ไม่ไว้ใจ Huawei อีกต่อไป (เฉพาะ Huawei นะ)
Huaweiออกมาเคลมหลายเรื่องว่าเป็นเจ้าแรก เช่น 7nm แต่พอออกมาจริง ดันแย่กว่าหลายเจ้าที่ทำ CPU ด้วย เรื่องกล้องยอมรับว่าดีจริง แต่แค่กล้องดีอย่างเดียวก็ไม่ได้เป็นปัจจัยในการเลือกซื้อทั้งหมด
สารพัดขโมยครับ ก่อนหน้านี้ก็ ขโมย ทีโมบาย ที่เป็นคู่ค้าตัวเองhttps://www.blognone.com/node/107785
อเมริกาไม่มีบ.สื่อสารไหนที่มีศักยภาพพอที่จะสู้กับ Huawei ได้เลยเหรอไง
cisco น่าจะพอได้
แต่ถ้าพวกเสามือถือนี่เห็นยุโรปดังมาก่อน
Huawei ตั้งตัวได้เพราะก๊อปciscoครับ สเปคเดียวกันหน้าตาคล้ายๆ(แรงบันดาลใจจจจจ) ราคาถูกกว่าครึ่งนึง
เรื่องเทคโนโลยี ไม่น่ามัปัญหาครับ สู้ได้สบายๆ แต่เอาเรื่องราคามาประกอบด้วย ไม่น่ามีเลยครับ
สหรัฐฯก็น่าจะจงใจแค่แตะเบรคให้หัวเหว่ยลดขนาดธุรกิจลงนะครับ คงไม่หวังผลถึงขั้นบดขยี้
Huawei เป็นบริษัทที่มีสิทธิบัตรในมือมากที่สุดในโลก
ใครยังคิดแต่ว่าจีนก๊อปๆๆๆ นี่ความคิดเชยมากครับ จะตกยุคเอานะ
ขอที่มาด้วยครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
https://edition.cnn.com/2019/02/14/tech/huawei-nokia-ericsson-5g/index.html
น่าจะข่าวนี้ครับ แต่Samsung ก็ถือเยอะสุดอยู่ดี ตามแหล่งข่าวตามข่าว huawei ซักพักผมเริ่มจะเข้าใจและ ทำไมคนกังวลกัน
huawei ลงเงินวิจัย5Gเยอะมากๆกะเอาชนะเต็มที่ แต่โครงสร้างองค์กรยังคลุมเครืออยู่เลยว่า เป็น State-owned หรือเปล่า เงินวิจัยเอามาจากไหนเยอะแยะ
จีนก็ยังขี้ก็อปเหมือนเดิมนะ ล่าสุดก็ MateBook Pro X ทั้งหน้าตา และการตั้งชื่อมันช่างเหมือน MacBook Pro ซะจริง สงสัยคงได้แรงบันดาลใจมา
ที่มาของสิทธิบัตรที่เป็นแรงบันดาลใจจนทำให้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆได้เหมือนกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มีมาในโลกนี้แถมไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาฟ้องร้องได้เลย และผมไม่ได้ว่าจีนผมว่าที่บริษัทพวกนี้มันเหมือนอะไรก็ไม่รู้คอยแต่หากินกับเทคโนโลยีของคนอื่น แต่ก็ว่าละครับไหนละที่มาของสิทธิบัตรของบริษัทนี้ผมว่าไม่เคยเห็นหรือผมตกข่าว?
มากที่สุดในโลกนี่ นับออกที่ลอกเขามาแต่จดในประเทศตัวเองก่อน(แบบกรณีหลุยส์วิตตอง)หรือยังครับ
อ่านแต่ละความเห็น.. แบบว่า.... ที่บ้านไม่มีเศษเทียนมากพอที่จะหลอมให้ท่านนั่งได้ครับ ต้องงานปราสาทผึ้งโน่นเลย
หาอะไรมาแย้งเขาสิครับ
อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้ครับ (ขี้.exe)
ชอบๆๆๆ เหมือนแฟนแมนยูเถียงกับลิเวอร์พูล เหมือนตอนiosกับandroid ไม่ใช่พันธ์พ่อพันธุ์แม่ แต่แฟนพันธุ์แท้ เถียงขาดใจ 5555 ต่อเลยครับ
ทีมจีนครับผม ซื่อหัวเหว่ยก้เพราะข่าวนี้แหละ
อเมริกาสร้างสรรค์ผลงานมาก่อนแล้วขายดีแต่ขายแพง แรกๆเกาหลี+จีนก็อปและเริ่มดันตัวถูกๆมาและจับตลาดเอาอยู่ ณ จุดๆนี้ ชาวโลกตกกระไดพลอยเกา+จีน เราควรต้องทำอย่างไร กับของถูกกว่าแต่ใช้ได้เหมือนกันแต่ก็โดนตราหน้าว่าลอกเลียน แต่ชาวโลกก็ได้เลือกแล้ว ต่อมาพอคู่แข่งสายก็อปเริ่มแข็งกว่าแล้ว เทคโนแน่น อเมริกาก็แตะขัดขา เป็นการกระทำที่ชอบ ธรรม หรือไม่ ก็ผม(อเมริกา)เป็นผู้เสียหาย แอคชั่นแบบนี้ โอเคมั๊ยคะ ชาวโลก เลือกซะ
อ้าว ก็อเมริกาบอกเองว่าโลกเราเข้าสู่ยุค IoT แบบเต็มตัวอย่างเปิดเผยแล้ว