Elon Musk โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า Tesla ยื่นฟ้องเขต Alameda County ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัท เพราะไม่พอใจคำสั่งให้อยู่บ้าน (shelter-in-place) ของเขต ที่ทำให้พนักงานของ Tesla กลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศ-โรงงานไม่ได้
Musk ยังบอกว่าเหตุการณ์นี้ยังทำให้ Tesla ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปอยู่ที่รัฐเท็กซัส/เนวาดา (ที่ตั้งของโรงงาน Gigafactory) แล้ว ส่วนโรงงานแห่งแรกที่เมือง Fremont ในแคลิฟอร์เนียจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นกับว่ารัฐบาลของรัฐแคลิฟอร์เนียดูแล Tesla ดีแค่ไหนในอนาคต
Musk บอกว่าตอนนี้ Tesla ถือเป็นบริษัทรถยนต์รายสุดท้ายในแคลิฟอร์เนียแล้ว ถ้าหาก Tesla ย้ายออกไป แคลิฟอร์เนียก็จะไม่มีผู้ประกอบการด้านรถยนต์เหลืออยู่
หลังจาก Musk โพสต์ข้อความนี้ เว็บไซต์ Tesla ก็โพสต์บล็อกชื่อ Getting Back to Work มีเนื้อหาแบบเดียวกัน (แต่ละเอียดขึ้น) วิจารณ์แนวทางของเขต Alameda ที่ไม่ยอมให้คนกลับมาทำงาน แม้เขตใกล้เคียงกันยอมเปิดแล้ว
ก่อนหน้านี้ Musk ออกมาวิจารณ์คำสั่ง shelter-in-place ของรัฐแคลิฟอร์เนียหลายครั้ง และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาบอกว่าคำสั่งนี้เป็นเผด็จการ (fascist) ด้วย
Frankly, this is the final straw. Tesla will now move its HQ and future programs to Texas/Nevada immediately. If we even retain Fremont manufacturing activity at all, it will be dependen on how Tesla is treated in the future. Tesla is the last carmaker left in CA.
— Elon Musk (@elonmusk) May 9, 2020
ภาพโรงงาน Tesla Factory ที่ Fremont
ที่มา - Tesla
Comments
เอาแต่บ้างาน บ้าแต่เป้าหมายและความฝันของตัวเองแต่สุขภาพเพื่อนมนุษย์ไม่พูดถึง หรือมีไอเดียป้องกันอะไรเลย
เขาคลั่งใคล้ความก้าวหน้าของมนุษย์ แต่ก็มองข้ามความปลอดภัยของมนุษย์
คนบ้างานจะสมัครไปอยู่กับคนบ้างานครับ
https://www.blognone.com/node/115384
ก็ไม่ถึงกับมองข้ามนะครับ ผมเดาเอาว่าแกคงคิดว่าโรคมันระบาดอยู่ก็จริง แต่มันป้องกันได้ ถึงเป็นก็โอกาสตายน้อย จะให้หยุดหมดก็คงตายกันหมดเพราะจนอยู่ดี อะไรทำนองนี้ คือน่าจะมอง fact ล้วน ๆ ไม่ได้เอาจริยธรรมอะไรมาเอี่ยวอะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เห็นด้วยครับ แล้วอเมริกาประเทศมันใหญ่มาก Elon Musk อยู่แคลิฟอร์เนีย เวลาพูดถึงรัฐอื่นเช่นนิวยอร์ค อารมณ์เหมือนเราพูดถึงฟิลิปปินส์เลย ไม่ได้หมายถึงความเจริญนะ แต่หมายถึงความห่างไกลน่ะครับ ดังนั้นการตัดสินใจโดยอิงสถานการณ์จากรัฐอื่นที่ห่างไกลกันเหมือนคนละประเทศก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่
ออกไปทำงาน แล้ว ติด กลับอยุ่ บ้าน อันไหนดีกว่า กัน เห้นเมกา ติดกัน เยอะ มาก
ซ็ำ
ที่ทำให้พนักงานของ Tesla กลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศ-โรงงานได้ -> ไม่ได้
ดูทัศนคติแปลกๆ อเมริกาเจอศึกหนัก รณรงค์ WFH แทบตาย
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
คน ต้องกินต้องใช้ ไม่ให้ทำงานจะให้กินอะไร สวีเดนโมเดลสิ
ลายเซ็นยาวเกินไปครับ
Right to be infected ?แต่ลืม ความรับผิดชอบต่อความเป็นไปได้ ที่จะเป็น Spreader
ที่แคลิฟอเนียร์รัฐเค้าช่วยผู้ประกอบการจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานที่ไม่ได้ทำงานมั้ยครับ
เสรีภาพ ต้องอยู่เหนือ สุขภาพ
แกไม่อยากให้ WFH เพราะว่าธุรกิจแกมันทำไม่ได้หรือเปล่า
โรงงานแกเป็นหุ่นยนต์ซะเยอะแกเลยคิดว่าไม่ควร LockDown ละมั๊ง?
ถ้าใช้หุ่นทำงานนี่ไม่น่าจะผิดกฏหมายอะไรนี่ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ต้องพักด้วย เปิดแบบลับๆ ยังได้
รีโมตไปสั่งงานก็ได้ด้วย
Elon Musk ยอมรับ เขาผิดเองที่ให้ใช้หุ่นยนต์ประกอบ Tesla Model 3 มากเกินไป
งานของหุ่นยนต์ก็คืองานของหุ่นยนต์
แต่งานของคนที่เน้นหุ่นยนต์ย่อมเป็นงานที่หุ่นยนต์ทดแทนไม่คุ้มหรือทดแทนไม่ได้
ถ้ามองในมุมมองที่มองเรื่องธุรกิจอย่างเดียว
งานเซอวิสต้องเร็ว
งานวิจัยต้องมี
งานซ่อมบำรุงมันต้องเดิน
ถ้าตายก็แค่จ้างมาใหม่คนตกงานถมไป ยังจำข่าวพอเสร็จงานก็ไล่ออกจ่ายเงินชดเชยไป ด้วยบริษัทเป็นแนวนี้อยู่แล้วไม่แปลกอะไร ดูทรัมเป็นตัวอย่างคนป่วยคนตายก็ยังไม่ลดขึ้นๆลงๆแต่ก็จะเปิดประเทศอย่างเดียวเน้นเศรฐกิจมาก่อนเอาใจกลุ่มหนุนสุดตัว
ประเด็นน่าจะอยู่ที่การเดินทางและปฎิบัติตัวอย่างปลอดภัยมากกว่ามั๊งครับ กทม.ที่ปิดห้าง ปิดตลาด แต่คนทำงาน office และโรงงานส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หยุดนะ ก็ยังไปทำงานตามปกติแต่มีมาตรการป้องกันที่เข้มข้นหน่อย ที่ WFH ได้มันก็แค่บางสายงาน
ปัญหาน่าจะเป็นเพราะการจัดการรัฐช้าปล่อยให้มันระบาดแล้วค่อยมาตามแก้ และวัฒนธรรมบ้านเขากับบ้านเราต่างกันวิธีการณ์เหมือนกันอาจจะไม่ได้ผลเหมือนกันดูจากกราฟแปลกๆตรงที่กราฟติดเชื้อกับตายขึ้นๆลงๆแม้จะปิดเมืองอยู่บ้าน เหมือนไปไม่ได้ทำจริง
ทำงานออฟฟิศก็เหมือนไม่ได้ปิดอยู่ดี แค่ขึ้นอาคารก็เบียดเสียดแล้ว
บริษัทผมก็ไม่ได้ปิด ยังมาทำงานตามปกติ แต่มาตรการณ์ต่างๆเข้มงวดมากทุกคนมีความเห็นร่วมกัน ว่าระหว่างอดตายอยู่บ้าน บริษัทขาดทุน สู้มาทำงานแต่ทุกคนยอมอยู่ในกฎ Social Distance อย่างเคร่งครัดดีกว่า ทุกคนยอมรับความลำบาก เพื่อให้ยังมีงานและมีเงิน
แต่อย่างว่า เรากับ USA สถานการณ์ต่างกันมาก อัตราการติดเชื้อก็ต่างกัน คงไม่อาจเทียบกันได้ว่าเหมาะไม่เหมาะ