Microsoft Surface Book 3 โน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ถอดหน้าจอมาเป็นแท็บเล็ตได้ของ Microsoft เริ่มมีรีวิวออกมาจากสื่อหลายเจ้าแล้ว ส่วนใหญ่จะชื่นชมในเรื่องของหน้าจอ PixelSense อัตราส่วน 3:2 ที่มีคุณภาพสีและความสว่างดีเช่นเคย คุณภาพของคีย์บอร์ด ทัชแพด และคุณภาพของวัสดุ ที่ยังแข็งแรงทนทาน คงมาตรฐานไว้ได้ดี
นอกจากนี้ตัวเลือกการ์ดจอทั้ง Geforce GTX 1650 Max-Q ในรุ่น 13.5 นิ้ว และ GTX 1660 Ti Max-Q ในรุ่น 15 นิ้ว ก็เพิ่มประสิทธิภาพให้ Surface Book 3 ประมวลผลโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ แต่งภาพ เล่นเกม หรืออื่นๆ ที่ใช้การ์ดจอได้เร็วยิ่งขึ้น และถึงแม้รุ่น 13.5 นิ้ว แบบจัดสเปกเต็ม จะแพงกว่าคู่แข่งอย่าง MacBook Pro 13 แบบจัดสเปกเต็ม อยู่ถึง 100 เหรียญ แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า สำหรับคนที่ต้องใช้งานการ์ดจอ เพราะได้การ์ดจอ GTX 1650 Max Q และฟังก์ชั่นหน้าจอถอดได้ โดยสามารถอ่านข้อเปรียบเทียบรุ่น 13.5 นิ้ว กับ Macbook Pro 13 นิ้ว ได้ใน บทความนี้
ข้อติที่คล้ายคลึงกัน เป็นเรื่องของดีไซน์ ที่ถึงแม้ทั้งสีและความสว่างจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หน้าจอที่ยังมีขอบที่ค่อนข้างหนา เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กรุ่นอื่นในปี 2020 หรือแม้แต่เทียบกับ iPad Pro และในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ ที่แม้จะให้ USB-A มาสองช่องด้วย แต่ก็ยังไม่ยอมให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาเสียที มีแค่พอร์ต USB-C ธรรมดาช่องเดียว
นอกจากนี้ ดีไซน์แบบ 2-in-1 ถอดจอได้ แม้จะเป็นข้อดีสำหรับคนที่ต้องการใช้งานในโหมดแท็บเล็ต แต่ก็สร้างข้อจำกัดในด้านหน่วยประมวลผล และการระบายความร้อน ทำให้อาจเป็นสาเหตุที่ Surface Book 3 ยังต้องใช้ซีพียู Intel 10th Gen รุ่นประหยัดพลังงานหรือ U-Series อยู่ แทนที่จะเป็นรุ่น H ที่ประสิทธิภาพสูงกว่าในระดับราคานี้
แถมเมื่อถอดหน้าจอ Surface Book 3 มาใช้เป็นแท็บเล็ต ก็จะไม่มี kick stand แบบใน Surface Pro 7 ทำให้การใช้งานค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะในรุ่น 15 นิ้ว และข้อพับพับแบบพิเศษ (ที่ไมโครซอฟท์ยังใช้ดีไซน์เดิม) ก็ทำให้ Surface Book 3 หนากว่าโน้ตบุ๊กปกติเช่นกัน (รุ่น 15 นิ้ว หนา 23 มิลลิเมตร เทียบกับ Macbook Pro 16 นิ้ว ที่หนา 16.3 มิลลิเมตร)
เรื่องแบตเตอรี่ก็เป็นอีกข้อติหนึ่ง โดย DigitalTrends พบว่าใช้ดูวิดีโอบนเครื่องได้เพียง 13 ชั่วโมง 42 นาทีเท่านั้น เมื่อเทียบกับ Surface Book 2 ที่ทำได้ถึง 20 ชั่วโมง ถือว่าลดลงเยอะพอสมควร แถมเมื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ตโดยไม่มีแบตเตอรี่ในคีย์บอร์ดมาเสริม ก็ใช้งานได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในด้านราคา หลายๆ เว็บไซต์ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าค่อนข้างแรง เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กวินโดวส์เครื่องอื่นที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน เช่นเมื่อเทียบกับ DELL XPS 15 ที่ได้การ์ดจอ GTX 1650 Ti Max-Q และซีพียูรุ่นประสิทธิภาพสูงอย่าง Core i7-10750H แต่มีราคาเพียง 1,749 เหรียญสหรัฐ ถูกกว่า Surface Book 3 รุ่น 15 นิ้วที่เริ่มต้นในราคา 2,299 เหรียญ แต่ได้เปรียบในด้านการ์ดจอที่เป็น GTX 1660 Ti Max-Q และการถอดจอได้เท่านั้น
สรุป
Microsoft Surface Book 3 ยังเป็นโน้ตบุ๊กที่ดีสำหรับคนรัก Windows และชอบฟังก์ชั่นถอดจอไปใช้เป็นแท็บเล็ตได้ ส่วนซีพียูกับการ์ดจอที่เพิ่มมาในรุ่นนี้ ก็ยังมีประสิทธิภาพสูงพอสมควร แม้จะมาในระดับราคาพรีเมี่ยมที่สูงกว่าโน้ตบุ๊กวินโดวส์รุ่นอื่นในระดับประสิทธิภาพเดียวกัน แต่ก็ต้องทำใจไว้ว่าแบตเตอรี่ก็อยู่ได้น้อยลง ดีไซน์ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ขอบจอยังหนาอยู่ และบานพับแบบพิเศษก็กินพื้นที่กระเป๋ากว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป
คะแนนรีวิวจากสื่อต่างๆ
- Engadget - 80 / 100
- PCWorld - 4 / 5
- Digital Trends - 3.5 / 5
Comments
จอเหลืองอยู่ไหม เข็ดตั้งแต่ surfacebook ตัวแรก surface3 กับ pro4
ที่ใช้ตระกูล Surface Book 2/ Go / Pro X มาสามตัว ไม่เหลืองแล้วนะครับส่วนฟ้าเหลืองนั่นคือเกินขนาด (⌐■_■)
คนนี้ก็มีมุกมาด้วยแฮะ
ผ่ามผ้าม!
สรุปคือต้อง design ให้คล้ายกับ Macbook ถึงจะไม่ตกยุค?!
เค้าหมายถึงดีไซน์ขอบหน้าจอมันหนาไปสำหรับปีนี้ครับ
ไม่ต้องเทียบแมคบุ้ก ไปเทียบ Dell XPS 17 ก็ได้ครับ สวยกกว่าเยอะ
ดีไซน์นี้มันสามปีแล้ว ก็สมควรเปลี่ยนโฉมแล้วครับ
คือจะ design หน้าตาอย่างไรผมไม่ได้สนอยู่แล้วสำหรับ notebook (ถ้ามันยังใช้งานได้ดีผมก็ถือว่าไม่ตกยุคแล้ว)
แต่การที่เอา notebook ถอดจอได้กับถอดจอไม่ได้มาเทียบกันเรื่อง design มันไม่ fair น่ะครับ
เพราะ notebook ถอดจอมันยังไงก็ติดปัญหาด้านเทคนิคเวลา design มากกว่า
ตกยุคก็คือตกยุคนะครับ ดีไซน์กับ Performance มันคือคนละประเด็นกัน
บทความก็เขียนไว้ชัดเจนว่าบานพับมันใหญ่ และขอบจอมันก็หนามาก เมื่อเทียบกับ Device ในยุคนี้
+1 คือกระทั่ง Pro X และ Go 2 เองก็ยังปรับขอบจอแล้ว
ที่เค้าว่าตกยุคเพราะขอบจอกับบานพับมันหนาครับ จะออกแบบมาเป็น XPS หรือ X1 Extreme ก็ได้มันดูบางทันสมัยกว่า
แต่ผมว่า MacBook Pro นี่ก็ดีไซน์ไม่ได้ทันสมัยอะไรนะ
เรื่อง design นี่แล้วแต่รสนิยมขอแต่ละคน สำหรับผมชอบเหลี่ยมๆ ได้แบบ A4 ยิ่งดี เพราะคอมฯ เวลาเราใช้งานยังไงมันก็มักจะอยู่ในกรอบหรือจอสี่เหลี่ยมอยู่ดี(คำว่าสมัยใหม่เรื่อง design เป็นแค่กลุ่มคนนิยามขึ้นมาแล้วยัดเยียดให้เราเชื่อตามเขา)
ขอบหนา นี้ เวลาจับมันดีกว่านะ ไม่โดนจอ มีที่จับ
สงสัยจะได้เปลี่ยนไป XPS 17 ครับ แต่ไม่รู้ Dell Thailand จะเอาเข้ามารึเปล่า เพราะ XPS 15 ได้แค่ GTXอยากได้ RTX + 100% AdobeRGB
บอก 20 แต่Book 2 ผมใช้ไม่เคยเกิน 8 ชั่วโมงเลย 555555
สำหรับผม ขอบหนาผมเฉย ๆ อีกอย่างเวลาจับถือพวกขอบบางแล้วมันจับลำบากกว่ามากเวลาใช้เป็น tablet