ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีวิดีโอจากกลุ่ม American Principles Project เผยแพร่ว่า Joe Biden ผู้สมัครท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯจากเดโมแครต สนับสนุนการแปลงเพศในเด็ก โดยใช้ฟุตเทจจากงานทาวน์ฮอลล์ของ ABC เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นการนำคำพูดของ Biden มาบางส่วนทำให้เกิดความเข้าใจผิด จริงๆ แล้ว Biden พูดว่าเด็กข้ามเพศไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเด็กมีสิทธิ์ในการแปลงเพศ
วิดีโอดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่ไปแล้วยังโซเชียลมีเดียหลักทั้ง Facebook และ Twitter มีคนรับชมไปแล้วกว่า 15,000 ครั้ง และมีวิดีโอที่คล้ายกันปรากฏบน Facebook มากถึง 100,000 ครั้งโดยส่วนใหญ่อยู่ในรัฐมิชิแกนซึ่งเป็น swing state นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ข้อความและลิงค์วิดีโอยังถูกส่งไปยัง SMS ทางกลุ่ม American Principles Project ยังไม่ตอบข้อซักถามว่า ข้อความถูกส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ ได้อย่างไร และเก็บข้อมูลเบอร์โทรมาจากไหน
Robokiller ผู้ให้บริการจัดการข้อความสแปมอัตโนมัติ เผยว่า ชาวอเมริกันได้รับข้อความ SMS ที่มีเนื้อหาทางการเมือง 2.6 พันล้านข้อความในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 400% นับจากเดือนมิถุนายน และมีแนวโน้มว่าพรรครีพับลิกัน ส่งข้อความมากกว่าพรรคเดโมแครตประมาณ 6 เท่า
นักวิจัยจาก University of Texas ชี้ว่า เมื่อโซเชียลมีเดียพยายามยกระดับการตรวจสอบข้อเท็จจริงมากขึ้น ทำให้ข้อมูลเหล่านี้จึงถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางอื่นแทน เช่น Signal, Telegram และ WhatsApp รวมถึงข้อความ SMS ที่ตรวจสอบได้ยากกว่า
ที่มา - The New York Times
Comments
ฮาที่หัวข้อเน้นว่านิวยอร์คไทมส์
ตอนแรกคิดว่ามีแค่ไทยที่ชอบแพร่ข่าวบิดเบือน ปลุกปั่นให้ผู้คนเกลียดฝ่ายตรงข้ามแบบหน้าด้าน ๆ
แต่เห็น Post ของทรัมป์เมื่อวานแล้ว . . . . อื้มม เป็นกันทั่วโลกเหรอเนี่ย
อะไรคือเรื่องจริงไม่รู้ แต่ดูทุกคนมั่นใจมาก ๆ
ยุทธวิธีแบบนี้ใช้กันทั่วโลกแหละครับ ใช้กันมานานมากแล้วด้วย แต่ยุคนี้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ใครมีสติและปัญญาหน่อยก็จะหาข้อมูลที่ถูกต้องมาวิเคราะได้เอง เราเลยมองเห็นว่าคนนู้นคนนี้ก็ทำแฮะ
อย่างพวกตำนาน หรือแม้กระทั่งเรื่องเล่าอภินิหารของศาสนาต่างๆก็ประเภทเดียวกัน กุเรื่องขึ้นมาให้คนเชื่อด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
ปัญหาคือคนเราพอโดนปลูกฝังความคิดไปถึงจุดนึงมันก็ยากที่จะกลับมายอมรับความจริงแล้ว
ปัญหาคือ พอเกิดความเกลียดชังขึ้น ผู้คนจะไม่รับฟังข้อมูลอีกด้านทันทีแล้วการจะหาความจริงให้ได้มากที่สุด ตอนนี้แค่ฝั่งข่าวของทั้ง 2 ด้านไม่ได้แล้วด้วย
ต้องฟังข่าวต่างประเทศ การสัมภาษณ์คนเก่ง ๆ ในด้านที่เกี่ยวข้อง เช่น เศรษฐกิจ หรือ การทำงานของรัฐบาลว่ามีทำอะไรบ้้าง โดยอ้างอิงจากชื่อโครงการของรัฐที่เคยได้ยินมา แล้วเอาทุกอย่างมารวมกัน ถึงจะเห็นภาพจริงแบบกว้าง ๆ
ซึ่งมันไม่ควรเป็นหน้าที่ของคนปกติที่จะต้องเป็นคนทำ แต่สื่อควรจะสรุปภาพกว้างมาให้ แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น ห้ะๆๆ
+1 ครับ ข่าวที่ถูกคือฝั่งที่ตัวเองเชื่อ
จริงครับจรรยาบรรณสื่อคือต้องกรองข่าวก่อนว่าอะไรจริง
แต่เรากลับโดนนิยามว่า
สื่อมีหน้าที่แค่เสนอข่าวที่ได้มา จะจริงจะปลอมก็ต้องเสนอ
แล้วให้ผู้บริโภคเลือกเชื่อกันไปเอง
+1ข่าวบ้านเราเดิมก็แย่อยู่แล้วเพราะนำเสนอแต่ข่าวที่ขายได้ คนอยากดู จะงมงายแค่ไหนก็ขุดกันอยู่นั่น ยิ่งพอมีวิกฤตการเมืองยิ่งหนักเพราะบางสื่อนี่พร้อมจะช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน
คือสื่อบ้านเราถูกควบคุมหนักมากนะ บางสื่อก็ดิ้นรนแทบตายที่จะได้อิสระภาพสื่อ ในขณะที่บางสื่อยอมแทบเท้ากันเลย สงสารแต่คนที่ไม่ได้มีช่องทางรับสื่อมากนัก วันๆฟังแต่อะไรก็ไม่รู้ ปลุกปั่นสร้างภาพกันจัดๆ
จริงๆ ปัญหานี้ก็มีในต่างประเทศอย่างอเมริกาเหมือนกันครับ ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งปัญหานี้ก็ยิ่งหนักมาก
แต่ยังไงความมั่นใจก็ยังได้ไม่เสี้ยวของ สำนักข่าว เน... และของแฟนคลับสื่อนั้น
คลิปเสียงในตำนานยังตราตรึง
เชื่อกันนะนั่น ว่าไป
แต่ในความเลวร้ายของเรื่องอะไรแบบนี้ ยังมีการตรวจสอบกันได้
ถกเถียง โต้แย้ง นำข้อมูลมาจริงในทุกๆด้านมาเสนอได้
ไม่ใช่ห้ามตรวจสอบ ห้ามสงสัย เชื่อได้อย่างเดียว
ว่าแต่ Swing State นี่มีผลมาก ชี้ชะตาได้เลย
จร้าาาา
แฟนคลับร้อนตัว?