Eclipse IDE ปัจจุบันออกเวอร์ชันใหม่ทุกไตรมาส ออกเวอร์ชัน 2021-06 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ
- รองรับ Java 16 เวอร์ชันล่าสุด
- รองรับสถาปัตยกรรม Mac AArch64 (Arm64) หรือ Apple M1
- ปรับปรุงเครื่องมือ Eclipse Java development tools (JDT)
- ปรับปรุงการทำงานของเทอร์มินัล เช่น การเปิดลิงก์ด้วย Ctrl+Click
นอกจากตัวโปรแกรมแล้ว องค์กรแม่คือ Eclipse Foundation ที่ปัจจุบันมีโครงการในสังกัดมากขึ้น ยังได้ตั้งคณะทำงาน Eclipse IDE Working Group ขึ้นมาเพื่อโฟกัสกับกระบวนการพัฒนาตัว Eclipse IDE ชัดเจนกว่าเดิม โดยมีสมาชิกเป็นตัวแทนจากบริษัทใหญ่ๆ เช่น IBM, SAP, VMware, Renesas อยู่ในคณะทำงานด้วย
ที่มา - Eclipse
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
ตอน apple ออก M1 บริษัทต่างๆ ขยัน supportพอ windows ออก arm version บริษัทต่างๆ ต่างเมินเฉย
จำนวนเครื่องที่รันมันต่างกันนี่ครับขนาดลง Windows ARM เสร็จเองยังเจอแอปที่มาพร้อม Windows รัน x86 กับ x64 เลย
วินโดวคนก็ยังใช้ เจ็ดกันอยุ่เยอะเลย จะขยับก็ลำบาก แถมบริษัทที่เอาวินโดวไปประกอบขายก็ไม่ค่อยจะมี
ต้องเข้าใจก่อนว่าในองค์กรธุรกิจ บริษัทสองที่นี้มีภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันApple นี้ขึ้นชื่อเรื่อง break compatibility มาตั้งแต่สมัย Apple II -> Macintosh แล้ว และถ้าอยากใช้ซอฟต์แวร์เดิมก็ต้องซื้อ backwards compatibility เพิ่มเติม แผนนี้แทบจะพา Apple เจ๊งออกจากตลาดไปแล้วด้วยซ้ำ จนกระทั้ง Apple แทนที่ Apple II ด้วย PowerPC ได้ทั้งหมดและเริ่มมีแผน backwards compatibility มาตั้งแต่ Motorola -> PowerPC แต่ก็มีปัญหามาเรื่อย ๆ ในช่วงยุค Classic Mac OS และทุกอย่างก็เปลี่ยนตั้งแต่ช่วงยุคของ Jobs และด้วยการวางแผนระยะยาวที่ดีกว่า ตั้งแต่การออก Xcode และ AppStore, จำนวน user base ที่น้อยกว่ามาก, ecosystem ที่แข็งแกร่ง, มี toolchain ที่มั่นคง, และบังคับให้แอปที่ certified และแจกจ่ายผ่าน AppStore ต้องคอมไพล์ผ่าน toolchain ของตนเอง ทำให้ควบคุมคุณภาพของ binary ได้ (ต้องการอ้างอิงเพิ่มเติม เป็นเพียงข้อสันนิษฐานจากเทคนิคส่วนใหญ่ที่ VM ใช้) และทำให้บริษัทต่าง ๆ มีแนวทางในการออก binary ของ Apple platform ออกมาตั้งแต่แรก และเขามั่นใจแน่นอนว่าถ้าออกมาแล้วไม่พัง ลูกค้าต้องใช้ และคุ้มค่าในการพัฒนาอย่างแน่นอน
ในขณะที่อีกฝั่ง Microsoft ขึ้นชื่อเรื่องรักษา compatibility มาตั้งแต่แรก (มาพลาดตอน Windows NT ยุคแรก ๆ และ Windows Vista) และการทำงานผูกอยู่กับที่แพลตฟอร์มของ x86 และไม่ว่าฮาร์ดแวร์ x86 อะไรก็สามารถนำไปใช้ได้เลย และ Microsoft ก็ไม่ได้ควบคุมมาตรฐานการออก binary ทำให้ใคร ๆ ก็พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับ Windows ได้ และแผนการ licensing ที่หนักหน่วง ทำให้ Windows ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย เพราะ Microsoft จะตามตูดเราให้ทุกอย่าง แม้ว่าแผนนี้จะดีกับลูกค้ามาก ๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในตัวฉุดรั้งทำให้ Microsoft ไม่สามารถ move-on ไปยังแนวทางและสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ ได้ดีเท่าที่ควร ทั้ง x86 support บน ARM ที่ยังผีเข้าผีออก และประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าระดับยอมรับได้ แถมซอฟต์แวร์ตัวเองบางตัวยังจมกับ x86 อยู่เลย เช่น Microsoft Office และถึงแม้ว่า Microsoft มีแผนที่จะทำ universal binary มาตั้งแต่ UWP แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะบริษัทอื่น ๆ ไม่ปรับตัว และแนวทางของ Microsoft ที่ออกมาก็ประหลาดและไม่ practical ในการพัฒนาของบริษัทบริษัทส่วนใหญ่ (แต่ก็ยังดีที่ .NET ประสบความสำเร็จและถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แม้จะไม่เกิดขึ้นบน Windows ก็ตาม 55555 ...แต่ก็คาดหวังให้เกิดขึ้นในอนาคตนะ)
ปล. ถ้าให้แฟร์ ฝั่ง Linux เองก็มีปัญหาแบบเดียวกับ Microsoft เป๊ะ ๆ เลย แต่แก้ได้ง่ายเพราะซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่เป็น open-source ทำให้เรามี source code ไว้แก้ไข และ port ลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ง่ายกว่ามาก สังเกตง่าย ๆ แอป commercial ส่วนใหญ่ของ Linux มักใช้ framework ในการพัฒนาลงแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์เกมของ Linux ก็ชอบพังพินาศแม้แต่กับแพลตฟอร์มเดียวกันแต่ต่าง Linux distro และ Steam ต้องแก้ไขด้วยการออก container สำหรับรันเกมโดยเฉพาะ และแน่นอนว่าเกมส่วนใหญ่ของ Linux ก็เอาไปรันบน ARM ไม่ได้สักเกม นอกจากจะ recompile ใหม่สำหรับ ARM ทั้งดุ้น (ของ Windows ARM ยังพอมีลุ้นบ้างบางเกม)
ร้อนมั้ย อืดมั้ยเคย eclipse ใช้กับ mac intel แล้วทั้งร้อน ทั้งอืด
Mac intel รันอะไรก็ร้อนครับแถมร้อนแล้วก็อืด
SAP ปรับมาใช้ Eclipse เป็นฐานของ Dev Tools ของตัวเอง เลยต้องเข้ามาทำงานร่วมกับ Eclipse Foundation อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
..: เรื่อยไป