บิล เกตส์ ประกาศยกทรัพย์สินส่วนตัวให้มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation อีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ (7.3 แสนล้านบาท) ในเดือนนี้ เพื่อให้มูลนิธิมีกำลังเงินสนับสนุนโครงการต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม
เกตส์บอกว่าโลกตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งโรคระบาด สงครามยูเครน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ-ความขัดแย้งเรื่องการทำแท้งในสหรัฐ เขาจึงอยากแก้ปัญหานี้โดยการลงทุนกับโครงการของมูลนิธิให้มากขึ้น ตอนนี้มูลนิธิจ่ายเงินปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าเพิ่มเป็นปีละ 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 จึงเป็นเหตุผลที่เขาบริจาคเงินก้อนใหญ่เข้ามูลนิธิ
ที่ผ่านมา บิล เกตส์ และอดีตภรรยา บริจาคเงินให้มูลนิธิรวมกันทั้งหมด 39 พันล้านดอลลาร์ ส่วนเพื่อนมหาเศรษฐี Warren Buffett บริจาคไปแล้ว 35.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกตส์ก็บอกว่าต้องขอบคุณสำหรับการร่วมบริจาคที่ผ่านๆ มาด้วย
เกตส์ยังทิ้งท้ายว่า ในอนาคต เขาเตรียมยกทรัพย์สินและความมั่งคั่งเกือบทั้งหมดให้มูลนิธิ ซึ่งจะทำให้เขาหลุดออกจากทำเนียบคนที่รวยที่สุดในโลก ถือเป็นการคืนสิ่งที่เขาได้รับกลับให้สังคมโดยเกิดประโยชน์สูงที่สุด
With the support and guidance of our board, we plan to increase our spending from nearly $6 billion per year today to $9 billion per year by 2026. To help make this spending increase possible, I am transferring $20 billion to the foundation’s endowment this month. pic.twitter.com/ybLMAKPx7I
— Bill Gates (@BillGates) July 13, 2022
I have an obligation to return my resources to society in ways that have the greatest impact for reducing suffering and improving lives. And I hope others in positions of great wealth and privilege will step up in this moment too.
— Bill Gates (@BillGates) July 13, 2022
Comments
ขอคารวะ
สงสารที่โดนดึงไปเข้าทฤษฏีสมคบคิดตลอด แต่ความคิดแกคือสุดยอดแล้ว
Elon Musk: แล้วไง! เลิกชอร์ตหุ้นตรูยัง?
กำลังจะพิมพ์เลย 5555ตอนนี้อีลอนง่วนปั๊มประชากรให้โลกอยู่
บริหารเงินผ่านกองทุน เสียภาษีน้อยกว่า
และการบริจาค ลดภาษีได้ด้วยอีก อิอิ
คนเราก็แปลก
พอมีเงินเยอะๆ "ทำไมไม่เอาไปบริจาคช่วยคน"
พอบริจาคเยอะๆ "จะให้เสียภาษีน้อย และยังลดภาษีได้ด้วย"
แถมรวยระดับบิล เกตส์ ก็ไม่น่าจะสนใจแล้วว่าต้องเสียภาษีเท่าไร
ผมว่าเกตส์เขาดูเป็นคนที่คิดเรื่องเงินบริจาคไว้ดีแล้วนะ
เหมือนดูสารคดีตัวไหน มูลนิธิของเกตส์ นี้ ก็จะมีการยุบหลัง เกตส์ กับ เมลินดา ตายแล้วกี่ปี
เพื่อไม่ให้มูลนิธิสามารถใช้เป็นแหล่งหาเงินได้
+1
เห็นชอบพูดกันเยอะมากทั้งที่ยังไงภาษีที่ได้ลดมันก็น้อยกว่าที่บริจาคไป 😑
เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดมาก่อนหรอกครับ พอดีเคยอ่านบทความนึงที่เมืองนอก (หา link ไม่เจอละ) ว่ามหาเศรษฐีอเมริกันเค้าจัดการเรื่องภาษียังไง ถ้ามีรายได้มหาศาลระดับพันล้านขึ้นไป คนเหล่านี้ต้นทุนด้านภาษีที่ต้องเผชิญมันสูงมากครับ
เขายกตัวอย่างกลยุทธ์มาหลายข้อในการเลี่ยงภาษีมาเหมือนกัน เช่น ให้ค่าตอบแทนเป็นหุ้นแทน, เงินเดือนรับแค่ $1 (คุ้นๆ ไหม) หรือแม้กระทั่งการบริจาคครับ (ซึ่งเทียบกับรายได้จริงๆ อาจจะไม่กระทบอย่างที่คุณ mk บอกก็ได้)
ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่ผมเอามาแซวครับ (ซึ่งอันนี้ผมยอมรับผิดอะนะ ซึ่งเจตนาจริงของบิล เกตส์อาจจะต้องการช่วยเหลือจริงๆ อยู่แล้วก็ได้ แต่ผมก็ยังชอบแซวอยู่ดีครับ 555)
ผมว่าถ้าเราไม่ได้ใช้ลูกเล่นแบบเอาค่าใช้จ่ายการตลาดไปเป็นเงินบริจาค มันก็ไม่น่าเกลียดนะครับเพราะมันก็แค่การ allocation เงินจากภาษีไปให้ผู้รับบริจาคเท่านั้น เขาไม่บริจาคทุนสะสมเขาก็ไม่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่การแปลงค่าใช้จ่ายเป็นเงินบริจาคเพื่อลดภาษีให้ได้ทุนสะสมเพิ่มขึ้น
ความรู้ใหม่เลย ขอบคุณครับ
เรื่องเงินบริจาคของบริษัทมหาชนในสหรัฐฯนั้น มี กม.ข่อนข้างเข็มงวด คือต้องบริจาคจริง จะนำมาหักค่าใช้จ่ายไม่ได้ จะเห็นว่าในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ จะบริจาคตน้อยมาก เพราะบริษัทฯ ต้องรับผิดชอบต่อผุ้ถือหุ้น
ส่วนของบิล เกสต์ อันนี้ บริจาคจริงแท้แน่นอน และพิสูจน์ได้ด้วย ยอมรับแกเลย
แต่ก็มีจำนวนมาก ที่บริจาคแบบเพื่อหลบภาษีเป็นหลัก ว่ากันว่า อีลอน มัสต์นี่แหละ ที่ตั้งมูลนิธิและสื่อไปพบว่า เงื่อนไขต่าง ๆ ของมูลนิธิที่มัสต์ตั้งนั้น คนที่ได้อาจเป็นตัวเขาเองด้วย ส่วนของเกสต์เนี่ย สื่อเขายอมรับเลยว่า โปร่งใส
ที่มาของคำว่า รวยจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ บริจาคละกัน
กราบ
ขี้เกียจรับโทรศัพท์ขอยืมเงินแล้ว
มาคิดอีกที แสดงว่าเค้าแพลนการใช้เงินไว้แล้ว ทำให้คิดต่อว่าเป็นไปได้มั้ยที่เค้าวางแผนว่าจะกำหนดวันตายของตัวเองด้วย
รวยที่สุดในโลกดูด้อยไปเลย หุหุุ
The Last Wizard Of Century.
ตัดภาพไปที่จอมปั่นหุ้น จอมปั่นเหรียญ จอมแซะชวนทะเลาะ และจอมหื่นในคนเดียว