องค์การวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของออสเตรเลีย Australia's Nuclear Science and Technology Organization หรือที่เรียกโดยย่อว่า ANSTO ได้เปิดทำการห้องปฏิบัติการใหม่เพื่อใช้ศึกษาเรื่องสสารมืด โดยสร้างขึ้นในพื้นที่ของเหมืองทองคำลึกลงไปใต้ดิน 1 กิโลเมตร
ห้องปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า SUPL(Stawell Underground Physics Laboratory) ภายในมีเครื่องตรวจจับสสารมืด SABRE ซึ่งจะใช้สำหรับตรวจจับสัญญาณเพื่อยืนยันถึงการมีอยู่ของสสารมืดในเอกภพ โดยห้องปฏิบัติการนี้ถือเป็นแห่งแรกของซีกโลกใต้
สสารมืด คือ สสารอย่างหนึ่งในเอกภพที่ไม่เคยมีใครพบเห็นแต่เป็นที่รู้กันถึงการมีอยู่ของมัน ว่ากันว่าสสารมืดเป็นสสารส่วนใหญ่ของเอกภพคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 85%
การศึกษาเรื่องสสารมืดในระยะเริ่มแรกนั้นมาจากการพยายามหาคำอธิบายปรากฏการณ์แรงโน้มถ่วง ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วปรากฏการณ์แรงโน้มถ่วงที่เกิดขึ้นในเอกภพนั้นไม่สามารถอธิบายได้อย่างสมบูรณ์หากในเอกภพไม่มีสสารมากกว่าที่มีการตรวจพบรับรู้กันในตอนนั้น จึงเป็นที่มาของการเรียกสสารลึกลับที่ไม่อาจมองเห็นได้ และไม่อาจตรวจพบได้โดยอุปกรณ์หรือระบบตรวจจับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กใดๆ ว่า "สสารมืด" ต่อมาจึงมีการศึกษาเกี่ยวกับสสารมืดเพิ่มเติม และหนึ่งในนั้นคือการตรวจจับสิ่งบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของสสารมืด ซึ่งห้องปฏิบัติการ SULP เองก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อการนั้น
การก่อสร้างดัดแปลงพื้นที่เหมืองทองคำเป็นห้องปฏิบัติการ SUPL
หัวใจสำคัญในห้องปฏิบัติการ SUPL ก็คือเครื่องตรวจจับสสารมืด SABRE ซึ่งย่อมาจาก Sodium iodide with Active Background Rejection ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นภาชนะขนาด 2.6*3.1 เมตร สร้างจากโลหะที่ไม่ปลดปล่อยรังสีใดๆ ภายในบรรจุของเหลวซึ่งเป็นสาร scintillator ซึ่งหมายถึงสสารอันมีคุณสมบัติพิเศษที่จะเรืองแสงเมื่อมันโดนอนุภาคพุ่งชน (แต่อนุภาคสสารมืดไม่ทำให้มันเรืองแสง) และภายในสาร scintillator คือผลึก sodium iodide ที่มีความบริสุทธิ์สูงใช้เพื่อการตรวจจับอนุภาคที่เป็นสสารมืดโดยเฉพาะ รอบๆ ตำแหน่งของผลึกและสาร scintillator คืออุปกรณ์ตรวจจับอนุภาคแสงที่เรียกว่า PMTs (photomultiplier tubes)
ภาพแสดงโครงสร้างและชิ้นส่วนองค์ประกอบต่างๆ ภายในเครื่องตรวจจับสสารมืด SABRE
หลักการทำงานของระบบตรวจจับสสารมืดใน SABRE นี้ อธิบายโดยง่ายคือเมื่ออนุภาคสสารมืดเคลื่อนที่ผ่านเครื่อง อนุภาคดังกล่าวจะไปทำให้ผลึก sodium iodide เกิดการส่องสว่างขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอุปกรณ์ตรวจจับอนุภาคแสง PMTs ก็จะรับรู้ได้ถึงการเกิดขึ้นของปฏิกิริยาจากสสารมืด
อย่างไรก็ตามตัวผลึก sodium iodide นั้นมีความไวมาก มันอาจเกิดการส่องสว่างเนื่องจากการตรวจจับอนุภาคชนิดอื่นที่ไม่ใช่สสารมืดได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีการใช้ของเหลว scintillator เข้ามาช่วยคัดกรองผลการตรวจจับสิ่งที่ไม่ใช่สสารมืดออก หากเกิดเหตุการณ์ที่มีอนุภาคอื่นใดมากระตุ้นให้สาร scintillator เรืองแสงจนอุปกรณ์ตรวจจับแสง PMTs ที่อยู่ในส่วนบรรจุสาร scintillator ทำงานด้วย ระบบของ SABRE ก็จะรับรู้ว่านั่นไม่ใช่อนุภาคสสารมืด
เครื่องตรวจจับสสารมืด SABRE ในช่วงก่อนถูกนำไปติดตั้งในห้องปฏิบัติการ SUPL
และเนื่องจากความไวของระบบตรวจจับอนุภาคใดๆ ของเครื่อง SABRE นี่เอง จึงเป็นที่มาของการเลือกใช้พื้นที่เหมืองทองคำลึกลงไปใต้ดิน 1 กิโลเมตรเป็นพื้นที่ตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อลดการรบกวนโดยรังสีคอสมิกซึ่งส่วนใหญ่มาจากแหล่งกำเนิดนอกระบบสุริยะ
เหมืองทองคำนี้ตั้งอยู่ในเมือง Stawell อยู่ห่างจาก Melbourne ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 240 กิโลเมตร โดยเมือง Stawell นั้นเกิดขึ้นจากการค้นพบทองคำและมีการเริ่มทำเหมืองในปี 1858 ก่อนที่กิจการเหมืองหลายแห่งจะค่อยๆ ซบเซาลงไปในเวลาต่อมา จนกระทั่งปี 2014 จึงเริ่มมีการเสนอแผนสร้างห้องปฏิบัติการ SUPL โดยขอใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเหมืองทองคำจุดที่หยุดการขุดแร่แล้วของบริษัทเหมือง Stawell Gold Mine มาปรับเปลี่ยนเป็นห้องปฏิบัติการยาว 33 เมตร, กว้าง 10 เมตร และสูง 12.3 เมตร
แบบจำลอง 3 มิติของห้องปฏิบัติการ SUPL
นอกเหนือจากสภาพของชั้นหินและดินที่ห่อหุ้มห้องปฏิบัติการจะช่วยป้องกันอนุภาคไม่พึงประสงค์ไปรบกวนการทำงานของเครื่องตรวจจับสสารมืด SABRE โดยธรรมชาติแล้ว ตัวเครื่องเองยังถูกหุ้มด้วยโลหะและพอลิเมอร์น้ำหนักรวม 110 ตันเพื่อเสริมการป้องกันให้แน่นหนาขึ้นอีก
การติดตั้งเครื่องตรวจจับสสารมืด SABRE นี้เป็นการสร้างศูนย์ตรวจจับสสารมืดแห่งที่ 2 ต่อจากเครื่องตรวจจับ DAMA/Libra ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ที่ห้องปฏิบัติการ Laboratori Nazionali del Gran Sasso อันเป็นห้องปฏิบัติการที่ถูกสร้างขึ้นใต้ดินในประเทศอิตาลี และจากนี้ไปห้องปฏิบัติการคู่แฝดคนละฟากโลกนี้จะร่วมกันศึกษาเรื่องสสารมืดต่อไป
ที่มา - Interesting Engineering , New Atlas , ABC
Comments
... ไม่รู้นะ บางท่านในนี้ อาจจะจำได้ลาง ๆ ว่าผมเคยเขียนเรื่อง มิติที่เราอยู่กัน ไม่ใช่ 4 ไม่ใช่ 5 (แนว กxยxส + เวลา) ไม่ใช่ 10,11 หรือ 26 (String) จริง ๆ ควรมี มิติที่ 24 มิติ เท่านั้นใน JuSci (Web ในตำนาน)
ถ้าเรามองรอบ ๆ ตัว สิ่งที่เรียกว่า Space + Time ที่เราเข้าใจเนี่ยมองในมุม quantum field ผมมองแบบนี้ อ่ะ ..
จินตนาการว่า Space มีสิ่งที่เรียกว่า 3 มิติ คือ กว้าง ยาว สูง และอีก 3 มิติ เรียกว่า ระยะทาง ระยะเวลา ระยะแรงโน้มถ่วง ทุกมิติทำมุม ให้กันที่ 90 องศา พอดีเป๊ะ ๆ
quantum field ของ ริชาร์ต ฟายแมน คือการยก ระยะทาง (ไม่ใช่ space กว้าง ยาว สูง) และ ระยะเวลา มา plot graphs เพราะงั้น ถ้าผมมองใหม่ว่า quantum field จริง ๆ มี 4 ชั้นซ้อนกัน ผมให้ชื่อว่า A-B-C-D แล้วถ้า particle วิ่งอยู่บน A มันทะลุไปข้าง ๆ ได้ คือไป B หรือ D ได้ เวลามันวิ่ง จะเป็นแบบนี้ A-B-C-D-A-B-C-D-A-B-C-D
A-B, B-C, C-D, D-A ทำมุมกัน 90 องศา เช่น A แกน X คือ เวลา แกน Y คือ ระยะทาง เราจะได้ว่า
A (ระยะทาง, ระยะเวลา)
B (ระยะเวลา, -ระยะทาง)C (-ระยะทาง, -ระยะเวลา)
D (-ระยะเวลา, ระยะทาง)
ถ้าเรามองว่า ตัวที่วิ่งอยู่คือ Electron วิ่งบน Aแล้วมันทะลุไป B, C, D, A สลับกันไปเรื่อย ๆ เราจะได้
A (e-), B (แม่เหล็ก+) , C (e+), D (แม่เหล็ก-), A (e-)
ซึ่งก็คือ ไฟฟ้า กับ แรงแม่เหล็ก นี่แหละ ได้ค่า +- มาเสร็จเลยด้วย แก้ไขไม่ได้ ลงล๊อกพอดี
ถ้ามองดี ๆ จะพบว่า สิ่งที่เรียกว่า B, C, D เนี่ยตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังไปไม่ถึง เพราะ
ผมเคยไปลูบคม อ. มหาลัย u เมกา ใน Quora มาแล้ว เค้าอยากได้ ทฤษฏีใหม่ ผมก็โพสปั๊งไป เค้าบอกว่า ไม่อยู่ในตำราที่เค้าเรียน ไอ้พวกคิดเองอย่าโพส .. จบข่าว
เพราะงั้น ที่อยากบอกคือ ... (ในมุมมองของผมที่ มี ทฤษฏี 24 มิตินี้อยู่ในมือ)
สสารมืด ... หาไปเหอะ ไม่เจอหลอก เพราะมันคือ particle ที่วิ่งอยู่ใน space แบบ C แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการเอาเงินไปละลายทิ้งนะ การทำการทดลองพวกนี้ หรือคนคิดทฤษฏีแปลกๆ (ที่คุณอาจจมองว่า อย่ามาตลก) มันทำให้ Hardware กับเจอวิธีการทำเพื่อให้ได้ สสารใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น หรือดีขึ้นไดนะ
ลองทำ youtube อธิบายสิครับ ผมอ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ขอบคุณครับ แต่ผมไม่เข้าใจเลยครับ
The Last Wizard Of Century.
ปรากฏ