Pavel Durov ซีอีโอ Telegram ออกมาเปิดศึกกับแอปเปิลอีกครั้ง หลังจาก Telegram ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ จ่ายเงินเพื่อดูโพสต์ ซึ่งพบว่าในแอปบน iOS ทาง Telegram เลี่ยงให้การจ่ายเงินเป็นการตัดบัตรเครดิตโดยตรง ไม่ได้ทำผ่านระบบ In-App Purchase ของแอปเปิล ที่หักส่วนแบ่ง 30%
Durov บอกว่าการจ่ายเงินผ่านช่องทางอื่น ทำให้ครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์โพสต์นั้น ๆ ได้ผลประโยชน์สูงสุดเกือบ 100% เต็ม แต่ล่าสุดแอปเปิลได้ติดต่อมาว่าไม่ต้องการให้ใช้วิธีจ่ายเงินแบบนี้ พวกเขาต้องการให้การจ่ายเงินทำผ่านระบบของแอปเปิล ที่เราต้องจ่ายภาษี 30% ให้แอปเปิล ฉะนั้น Telegram ไม่มีทางเลือก นอกจากปิดการทำงานฟีเจอร์ Paid Post นี้ ในแอปบน iOS ทั้งหมด
เขายังชี้แจงต่อว่านี่คือตัวอย่าง ว่าบริษัทระดับล้านล้านดอลลาร์พยายามควบคุมตลาดผ่านผู้ใช้งานอย่างไร ตัวเขาเองหวังว่าหน่วยงานกำกับดูแลไม่ว่าจะ EU, อินเดีย หรือที่ไหนในโลก จะเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้ ก่อนที่แอปเปิลจะทำลายความฝัน หยุดยั้งโอกาสของผู้ประกอบการใหม่ด้วยกำแพงภาษี 30% นี้ ทั้งนี้ครีเอเตอร์สามารถใช้ระบบ Paid Post ได้ผ่านช่องทางอื่นทั้งหมดที่ไม่ใช่ของแอปเปิล
ก่อนหน้า Durov ก็ ออกมาโจมตีแอปเปิล ในประเด็นการตรวจสอบแอปขึ้น App Store ที่ล่าช้าเกินไป และไม่ชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน
ที่มา: Telegram ของ Pavel Durov ผ่าน MacRumors
Comments
เอเปิล ไม่สนอยุ่แล้ว เดี่ยวก็แบนเอา ออกจาสโตส์ เสียหลายได้นะ เพราะเอเปิลใหญ่กว่า มีอำนาจมากกว่า
แต่ทั้งนี้พอเป็นรายได้ของ Creator สูตรมันควรจะต่างออกไปจากเดิมไหม จัดว่าโหดไปนะสำหรับคนที่เป็น Creator ถ้าจะต้องโดนหักเพิ่มอีก 30%
ผมสงสัยอยู่เหมือนกันว่าแบบนี้นี่มันควรจบที่ยังไงดี
Telegram หากินบน platform iOS ก็ควรจ่ายเงินให้เจ้าของ platform บ้าง ไม่งั้น iOS จะหาเอาเงินจากไหนมาให้บริการ platform
Creator หากินบน platform Telegram ก็ควรจ่ายเงินให้เจ้าของ platform บ้าง ไม่งั้น Telegram จะหาเอาเงินจากไหนมาให้บริการ platform
แต่ถ้า Creator หากินบน platform Telegram ที่หากินบน platform iOS แล้วต้องจ่ายเงินให้ iOS 30% แล้วจ่ายอีก …% ให้ Telegram แล้ว อืมมม มันจะเหลือเท่าไหร่ จะว่าเป็นปัญหาพ่อค้าคนกลางก็ไม่เชิงอีก
ถ้าทำเป็นแบบระบบภาษีที่มันมีหักได้อาจจะเหมาะกว่า? คือ Telegram แสดงต้นทุนส่วนนี้ คือเอายอดนั้นๆ หักยอดที่จ่ายให้ Creator ไป แล้วค่อยหัก 30% ในส่วนที่เป็นรายรับหลังหักรายจ่ายไปแล้วอันนี้อาจจะเหมาะสมกว่า?
ถ้าใช้บริการของเขาก็ต้องจ่ายเงินให้เขา ผมว่าเรื่องนี้ทุกฝ่ายยอมรับและเข้าใจตรงกันดีครับ Telegram เองตอนใช้บริการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตก็ยอมรับค่าบริการของฝั่งนั้นโดยไม่ได้โวยวายอะไรเช่นกัน
ดังนั้นปัญหาของประเด็นนี้ผมมองว่าไม่ใช่การหักส่วนแบ่งจากการใช้บริการ แต่เป็นเรื่องที่ Apple บังคับให้ต้องใช้บริการที่เขาไม่อยากใช้ต่างหากครับ ในกรณีนี้ก็คือนอกจากจะใช้บริการ App Store สำหรับเผยแพร่แอปแล้ว ต้องใช้บริการ IAP ของ Apple ด้วยนั่นเอง
เพราะงั้นถ้าจะให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ผมคิดว่าควรต้องปล่อยให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกครับว่าอยากจะใช้หรืออยากจะจ่ายเงินให้บริการไหนจริงๆ จะเก็บส่วนแบ่ง IAP ไปเลย 50%-60% ก็ไม่มีใครว่า ตราบเท่าที่ไม่ได้บังคับให้เขาใช้ครับ
แน่นอนว่าฝั่ง Apple ที่ผมเข้าใจว่าเอาเงินจากบริการ IAP มาโปะค่าใช้จ่าย App Store ก็จะลำบากหน่อย และอาจจะต้องปรับเปลี่ยนค่าบริการของ App Store เพื่อให้มันอยู่รอดด้วยตัวเองได้ เช่น จากเดิมที่เก็บเงินแค่เงินรายปีกับส่วนแบ่งการซื้อแอป ก็เปลี่ยนเป็นเก็บตามยอดดาวน์โหลดแอปที่สะท้อนค่าใช้จ่ายจริงๆ หรือจะเปลี่ยนไปเป็นเก็บแบบภาษีเงินได้อะไรแบบนี้ก็แล้วแต่เลย อะไรทำนองนี้ครับ
ทำถูกละ เอาไว้เปิดในคอมเอา
บริษัทหน้าเงินเน้นแต่กำไร ก็จะเป็นแบบนี้แหละ หลอกเอาเปรียบเหล่าติ่งทั้งหลาย แล้วยังลามมาถึงนักพัตนาอีก 🤣🤣🤣
ตลาดอินเดียใหญ่ไหมครับแบบถ้าตัดอินเดียออกรายได้ขาดไปกี่ % งี้
นักพัฒนาก็เหมือนพ่อค้าออนไลน์
มาวางของขายบนร้านค้าออนไลน์
แต่แอปเปิ้ลจะให้ลูกค้าของพ่อค้าออนไลน์
จ่ายเงินผ่านแอปเปิ้ลสโตร์
มันก็ต้องจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคาร
ของพ่อค้าไม่ใช่รึ
นับว่าผูกขาดได้มั้ยนะ เครื่อง iPhone ต้องใช้ iOS และต้องใช้ App Store การทำ Store อื่น ๆ มาแข่งถือว่าผิดกฎ Apple อีก
สมมุติว่า creator จะได้ 1USD ก่อนหักภาษีนี่ ต้องโดน จาก Telegram 30% จาก App Store 30% แปลว่าต้องเก็บจากคนใช้บริการ 1.69USD ต้นทุนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 69% เลยทีเดียว