ธนาคารกรุงไทยประกาศยกเลิกบริการ KTB netbank บริการผ่านเว็บเนื่องจากปริมาณผู้ใช้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะให้บริการผ่านแอป Krungthai NEXT เท่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2023 เป็นต้นไป
แอป Krungthai NEXT นั้น เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ทางธนาคารระบุว่ามีผู้ใช้ถึง 16 ล้านคน
แนวทางการให้ทุ่มทรัพยากรเพื่อพัฒนาแอปของธนาคารกรุงไทย คล้ายกับธนาคารไทยพาณิชย์ที่ก่อนหน้านี้ก็ประกาศ ลดฟีเจอร์ของบริการผ่านเว็บลง กระแสความนิยมแอปพลิเคชั่นก็น่าจะทำให้เราเห็นธนาคารต่างๆ ให้น้ำหนักกับแอปพลิเคชั่นมากกว่าเว็บมาก แม้จะไม่ได้ปิดบริการไปก็ตามที
ที่มา - ธนาคารกรุงไทย
Comments
คือถ้าไม่มี mobile device ก็คือ ไม่ให้บริการ ... เอิ่ม
แล้วทำไมไม่ออกแบบเป็น REST API ให้มันใช้ได้ทั้งเว็บกับ Mobile?
ทำเพิ่ม ก็จ่ายเพิ่ม ผู้บริหารไม่อนุมัติ แต่ผู้รับจ้างชอบ
กรุงไทยนี้รู้สึกว่าจะ in house นะครับและไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะ version mobile มันก็ต้องมี API อยู่ดี
หรือปกติเขาใช้ plain socket กัน (ผมไม่เคยเขียน moblie เลยไม่รู้)
เอาเข้าจริงหลังบ้านอาจจะเป็น REST API นั่นล่ะครับ
แต่ maintain frontend สองตัวมันก็เปลืองทรัพยากรอยู่ดี ถ้าอัตราการใช้งานมันต่างกันมากๆ ข่าวนี้ไม่มีตัวเลขบอก แต่ถ้าห่างกันระดับร้อยเท่า (99%+ กับต่ำกว่า 1%) แต่ใช้ทรัพยากรเท่ากันมันก็ตัดสินใจยากที่จะให้บริการต่อ
lewcpe.com , @wasonliw
ถ้าปกติผมก็มองแบบนี้ล่ะครับ
แต่นี้มันเป็นระดับธนาคารน่ะสิครับต่อให้คนใช้ 10 คนต่อวันก็ควรจะทำแบบ web base ไว้ด้วยเพราะมัน access ง่ายๆ ที่สุด (จากที่ไหนก็ได้ขอแค่มี browser กับ internet)
และเป็นถึงธนาคารจ้าง dev 10 ทีม ทีมละ 10 คน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ
ผมว่ามันต้องหน่วยงานที่กำกับดูแลต้องออกมาควบคุมครับ
เห็นด้วยเรื่องการกำกับดูแลนะครับ แต่ไม่เห็นนักว่าต้องคงช่องทางไว้ ค่าบำรุงรักษามันแพง เป็นต้นทุนการให้บริการที่ทุกคนต้องแบก และช่องทางมันเปลี่ยนกันได้ WAP ก็หายไปหมดแล้ว
แต่ถ้ามีการกำกับดูแลควรเป็นแค่การแจ้งเตือนล่วงหน้ายาวๆ 12-18 เดือนแบบนั้นเลย ไม่ใช่เดือนนี้อยากเลิกทำเดือนหน้าปิดระบบ
lewcpe.com , @wasonliw
ทำไมผู้ให้บริการในไทยเป็นแบบนี้กันหมด ยกเลิกเว็บ ให้ใช้แอพ
AIS ก็กำลังยกเลิก Web eService ให้ไปใช้แอพทีนี้ผมจะ Download E-Receive เพื่อไปทำเรื่องเบิกกับ Workflow บริษัท กลายเป็นชีวิตยุ่งยากกว่าเดิมอีก ต้อง Export ออกจากมือถือก่อน แล้วมาใส่คอม
แย่มากจริงๆ ais แทนที่จะยกเลิก sms ง่ายๆ ด้วย
ไม่ควรปิดเว็บ มันคือพื้นฐาน เข้าจากไหนก็ได้อย่าคาดหวังว่าทุกคนจะมีโทรศัพท์ เกิดส่งซ่อมจะได้ใช้บนคอมได้
นั่นสิครับ เกิดจังหวะฉุกละหุกขึ้นมามือถือพัง ทำอะไรไม่ได้เลย
แถมจะซื้อมือถือสำรองมาใช้ชั่วคราวMobile App ก็ล็อกเครื่องที่ใช้อีก ต้องไป Activate ที่สาขา
ถูกต้องครับ และควรจะมีช่องทางมากกว่า 1 ช่องทางในการให้บริการแต่ก็อาจจะมี features สำคัญลดน้อยลง หรืออาจจะเป็นเพียง features หลักๆ
หากจะดูในมุมของประหยัดงบประมาณ ก็เป็นไปได้ แต่อย่าลืม เรื่องของช่องทางการเข้าถึงที่ควรจะหลากหลายหากจะดูในมุมมองของความปลอดภัย ก็น่าจะได้เช่นกัน ลดช่องทางการเข้าถึง เพื่อความปลอดภัย แต่อย่าลืมว่า ไม่มีสิ่งใดที่ปลอดภัยที่สุด
ผมยังคงอยากให้คงอยู่ในเรื่องของ backward compatibility เพราะยังงัยก็ตาม ยังมีความสำคัญ แต่อาจจะมีประเด็นมุมมองอื่นอีกเช่น ระบบเก่าล้าสมัย เขียนด้วยภาษารุ่นเก่า ซึ่งในการปรับปรุงต่อไปจะยากขึ้น หากไม่มีการ documents ที่ดี เพราะเดี๋ยวนี้เรา ignore documents ไปเยอะครับ
ดูทรงน่าจะได้แค่บ่นนะครับ ทุกธนาคารไปในทิศทางเดียวกันหมด 😅
อิอิอิ ก็โยนปัญหาไปให้ dev งัย
For you convenience...
iPAtS
ไม่โอเคกับไอเดียนี้ทุกแบงค์เลย
"Do you guys not have phones?"
ดูบนจอใหญ่ๆ มันไม่ง่ายกว่ารึไงละนั่น
เหตุผลน่าจะเพียงแค่ลดต้นทุนแน่ๆ
..: เรื่อยไป
ปิดสาขายังต้นทุนมากกว่าเว็บเลยมั้ง
กลุ่มธนาคารพวกนี้ถ้าบริการใน อเมริกาหรือญี่ปุ่นนะ โดนประชาชนรวมกลุ่มฟ้องแน่ๆ แต่ในไทยช่องทางยังไม่ชัดเจนในการรู้สิทธิ์แถมจะรวมกลุ่มคนก็ยาก เพราะมองว่ามันวุ่นวายก็หยวนๆกันไป พวกกลุ่มทุนเลยได้ใจ
คนไทยโง่ครับ ผลมาจากการศึกษาที่ล้มเหลว
เอ้า อยู่ๆก็โดนด่าเฉย
cope
ผมว่าคุณพูดไม่ถูกนะครับ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นคนไทยที่มีระดับการศึกษาที่ด้อยกว่าชาติอื่น ดังนั้น การที่คุณพูดแบบนั้น มันก็เหมือนกับการเหยียดนะครับ ยิ่งคุณยังตอบกลับมาแบบนี้ ยิ่งตอกย้ำว่าคุณกำลังเหยียดครับ
คนเราพัฒนาได้ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดเหมือนกับคุณ ผมเลยอยากให้คุณกลับไปทบทวนตัวเองใหม่อีกรอนะครับ ไม่ใช่ทุกคนที่คิดเหมือนคุณ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
โง่รึเปล่าไม่รู้ แต่ผลจากการศึกษาที่ล้มเหลวนี่ ดูได้จากคอมเม้นคุณเลย ล้มเหลวจริงๆ จบไหนมานะ
ต้องลองเรียกร้องสิทธิ์ดูครับ แต่บางครั้ง เราไปเรียกร้องในสิ่งที่ไม่ใช่เป็นสิทธิ์ของเรามากเกิน (เด๊่ยวโยงไปประเด็นปัญหาอื่นๆๆ :)
ต้นทุนในการเมนเทนแอพ 1 ตัวโดยเฉพาะ corporate app นี่หนักเอาการ เข้าใจได้ แม้จะไม่ชอบก็ตาม
เหอะ ๆ ไม่ได้ปรับปรุงเว็บเท่าไรเลย แถมระบบสเกลได้ห่วยมาก พอใช้เยอะ ๆ ก็ล่มกระจุยอีก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ต้อง smart phone ด้วยนะ ใครใช้ feature phone ก็ไม่ต้องรับบริการ โลกมันถึงการเปลี่ยนแปลงแล้ว smart phone เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีในปัจจุบัน ใครไม่มีก็โดนทิ้งไว้ข้างหลัง
คนใช้ฟีเจอร์โฟนส่วนมากไม่น่าใช้เว็บนะครับ
ถ้าช่วงไหนไม่มีโทรศัพท์ ก็ไปเดินเรื่องที่ธนาคารเอาว่างั้น
ผมใช้ KBank ใช้ได้ทั้งแอป KPLUS ส่วนเว็บมี KBIZ นะครับ ลองดูเผื่อเป็นทางเลือก
(บน KBIZ ผม export statement เป็น PDF ยื่นสินเชื่อ ครึ่งชม. เสร็จทุกอย่าง ไม่ต้องไปสาขา)
ฟีเจอร์หลายตัวของ K BIZ ยังต้องผูกกับ K PLUS ครับ ผมว่าไม่ได้สะดวกกว่ากันเท่าไร
ป.ล. ส่วนตัว ผมว่าชื่อ K BIZ มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไรสำหรับลูกค้าธรรมดานะ ไม่รู้ว่าใครคิดชื่อนี้มา...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมคิดว่า KBIZ นี่คงเตรียมการเลิกไว้แหละครับ แค่ไม่หักดิบแบบ NetBank ตอนนี้จะทำบางอย่างผ่าน web ยังต้องมี KPLUS มาพ่วงด้วย
ต่อไปโทรศัพท์คงต้องแรงมากแล้วหล่ะครับ จากเมื่อก่อนเป็น web ใช้ browser ตัวเดียวใช้ได้ทุกบริการ ตอนนี้ไปๆ มาๆ ต้องลงแอพเต็มไปหมด
เคยมี enterprise architect ให้ความเห็นว่าบนเว็บมัน maintain ยากกว่า ละ attack surface เยอะกว่า แล้ว end user ไม่ค่อยใช้ด้วย ไม่คุ้มจะ maintain เป้าหมายคือจะเหลือแค่ลค business ที่ใช้บนเว็บได้ ละต้องใช้กับ hw token ด้วย ส่วนลูกค้าทั่วไปไปใช้ในแอป 100% ใจจริงพวกนี้อยากให้เอาไปยัดไว้ในไลน์ด้วยซ้ำ ติดแต่ว่าไลน์ไม่มี dedicate service เลยไม่ผ่าน compliance