Visual Studio Code ออกเวอร์ชัน 1.82 อัพเดตรอบเดือนสิงหาคม 2023 มีฟีเจอร์น่าสนใจคือรองรับการทำ port forwarding ช่วยให้เราสามารถรัน VS Code ในเครื่องโลคัล แล้วแชร์ให้คนอื่นเข้ามาใช้งานแบบรีโมทจากอินเทอร์เน็ตได้
การทำ port forwarding จะตั้งค่าเป็น private โดยดีฟอลต์ ผู้เข้ามาใช้งานจำเป็นต้องล็อกอินบัญชี GitHub อันเดียวกับที่ตั้งค่า port forwarding เพื่อความปลอดภัย แต่สามารถเปลี่ยนค่าเป็น public เพื่อไม่ต้องล็อกอินได้เช่นกัน ( รายละเอียด )
ของใหม่อย่างอื่นในเวอร์ชันนี้คือ Diff Editor ตัวใหม่ มีฟีเจอร์ตรวจจับโค้ดที่ย้ายตำแหน่งได้ (moved code detection) ช่วยให้เห็นการย้ายตำแหน่งโค้ดทั้งบล็อคได้ง่ายขึ้น
ฟีเจอร์ Command Center ค้นหาคำสั่งจากช่องค้นหาที่ title bar ถูกแสดงเป็นค่าดีฟอลต์แล้ว เพราะทดลองแล้วได้ผลตอบรับดี ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาคำสั่งที่ต้องการได้เร็วขึ้น
- รองรับภาษา TypeScript เวอร์ชัน 5.2
- รองรับการทำ refactoring JavaScript/TypeScript แบบแยกคลาสหรือฟังก์ชันไปใส่ไฟล์อื่นที่ระบุ (move to file)
- JavaScript Debugger รองรับการ decompile โค้ด WebAssembly กลับมาเป็น text เพื่อให้ดีบั๊กและใส่ breakpoint ได้
ที่มา - Visual Studio Code
Comments
port forwarding นี้ผมว่าจุดประสงค์หลักน่าจะตรงกันข้ามครับ
น่าจะ edit code และ run app (ที่ต้อง listen port) บน remote
แล้ว forward port เพื่อดูผลลัพธ์จาก local มากกว่า
อันนั้นคือของเดิมครับ มีนานแล้วตั้งแต่ VS Code ก่อนหน้านี้
lewcpe.com , @wasonliw
นี้คือสิ่งที่ผมเข้าใจจากในข่าว
local ในข่าว (มันคือ server/remote ของผม) (VS code forward here) << network (internet or localnetwork) << client
นี้คือสิ่งที่ผมพูดserver/remote ของผม (ผม edit code และ run ที่นี่) (VS code forward here) << network (internet or localnetwork) << local ของผม (ผม remote edit จาก local ผ่าน vscode)ผมคิดว่าเราคุยสิ่งเดียวกันอยู่ แต่คนละมุมมองน่ะครับ
เหมือนผมจะเข้าใจแล้ว มันคือ forward port ที่ vscode listen อยู่
ให้ access จาก network ได้
นอกเรื่อง มีใครใช้ Vim extension แล้วเจอว่าอัพเดทล่าสุดกระทบกับ Ctrl+p ที่เป็น Quick Open มั้ยครับ จนผมต้องไปปิด command นี้ เหมือนเค้าแก้เงื่อนไขใหม่ใน release ล่าสุด
..: เรื่อยไป