NVIDIA ฉลองจุดเริ่มต้นของตำนานแห่งวงการการ์ดจอ GeForce 256 มีอายุครบ 25 ปี
GeForce 256 ออกวางขายในวันที่ 11 ตุลาคม 1999 ถึงแม้ไม่ใช่การ์ดจอตัวแรกของ NVIDIA (ก่อนหน้านั้นมี Riva TNT) แต่เป็นการ์ดจอตัวแรกที่รองรับ hardware transform and lighting (T&L) ช่วยแบ่งงานประมวลผล 3D เหล่านี้ไปจากซีพียู ช่วยยกระดับกราฟิก 3D ยุคนั้นอย่างก้าวกระโดด โดย NVIDIA ในยุคนั้นให้นิยาม GeForce 256 ว่าเป็น "GPU" ตัวแรกของโลก (ประดิษฐ์คำใหม่ขึ้นมาแทน Graphic Card ในทางการตลาด)
เมื่อนำ GeForce 256 มาใช้กับเกมแถวหน้าเรื่องกราฟิกของยุคนั้นคือ Quake III Arena และ Unreal Tournament จึงกลายเป็นการผลักดันให้เกมแนว 3D FPS เกิดขึ้นได้จริงๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของจีพียูแบรนด์ GeForce จนถึงปัจจุบัน
ตัวเลข 256 ในชื่อรุ่นมาจาก 256-bit QuadPipe Rendering Engine ชูความกว้างของไปป์ไลน์ประมวลผล 64 บิท x 4 ตัว จากนั้นในปี 2000 ก็ออกรุ่นถัดมาที่ใช้ชื่อตรงไปตรงมากว่าว่า GeForce 2
ที่มา - NVIDIA , Tom's Hardware
GeForce 256 Era Inspired PC GIVEAWAY: FEEL the POWER & get ready to WIN 1 of 3 GeForce Garage Retro Builds! 💾These rad sleeper rigs feature the GeForce RTX 4080 SUPER & are built to play PC gaming classics of past & present.Like + Comment #GeForceDay for your chance to WIN! pic.twitter.com/fBoVxBH77e
— NVIDIA GeForce (@NVIDIAGeForce) October 11, 2024
Before there were CUDA cores, there were popcorn cores. pic.twitter.com/L8B5oLTzFj
— Manuel Guzman (@ManuelGuzman) October 10, 2024
Comments
ทันร้านเกมใช้ Riva TNT และทันเปิดตัว GeForce 256 ใหม่ๆ นิตยสารเกมเขียนรีวิวบทอวยถึงความสุดยอดของการ์ดตัวนี้เยอะมาก GeForce 256 เป็นการ์ดจอที่ปฏิวัติวงการในยุคนั้น เพราะเป็นการ์ดจอตัวแรกที่มี GPU (Graphics Processing Unit) ซึ่งช่วยลดภาระของ CPU ในการประมวลผลกราฟิก นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Transform and Lighting (T&L) ที่ทำให้ภาพกราฟิกสมจริงและสวยงามขึ้น ทั้งยังรองรับ DirectX 7 และ OpenGL ยิ่งทำให้เกมที่ใช้มาตรฐานเหล่านี้แจ้งเกิดในวงการเกมได้อีก ละเทียบกับการ์ดรุ่นเดียวกันยุคนั้นมันสุดยอดเลยนะ
แล้วเวลานิตยสารคุยเรื่องประสิทธิภาพ ก็ต้องใช้ Quake III มาเทียบว่าเนี่ย พอใช้ Geforce256 นะ เสาโค้งๆ ก็ดูโค้งจริง ไม่ใช่โค้งแบบรูปหลายเหลี่ยมโอ้ย ช่วงนี้มีแต่ข่าวชวนรู้สึกแก่.
ผมเกิดทันยุคที่เกมฟอร์มยักษ์ไม่ต้องการ GPU ใน spec minimum requirement ว่าแต่การ์ดเสียงหายไปไหนนะ 5555
ฮ่าๆ จริง สมัยก่อนประกอบคอมยังต้องนึกถึงซาวนด์การ์ด
..: เรื่อยไป
ยังมี Soundblaster 16 slot ISA เก็บอยู๋ที่บ้านเลยครับ..
เมื่อก่อนนิยม5.1 7.1 ตอนนี้เหรอ แทบไม่มีขาย
The Dream hacker..
ออนบอร์ดบางเจ้าก็ให้มาเลย เดี๋ยวนี้
จริง ๆ มันก็ยังอยู่ แต่ก็เปลี่ยนรูปแบบหน้าตาและชื่อเรียกไปบ้างครับ :)
ที่แบบว่ารูปแบบเปลี่ยนไปคือ จาก ISA -> PCI ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น PCI Express บ้าง เป็น Firewire บ้าง เป็น USB บ้าง เป็น Thunderbolt บ้าง ฯลฯ
การ processing ก็อาจจะย้ายไปอยู่บน CPU มากขึ้น เรื่อง synthesizer เปลี่ยนจาก FM/Wavetable บนตัวชิป ไปเป็น Software Synth ที่รันบนซีพียูหรือ DSP บางรุ่น (เช่น Universal Audio) ซึ่งฝั่ง Consumer จะไม่ได้ใช้เลย เป็นฝั่ง Authoring ล้วน ๆ
อย่างเกมเราเปลี่ยนจาก Synth ซึ่งยุคผมก็ยุคท้าย ๆ ละ (ที่ใช้ SYXG-50 กับการ์ด OPL3-SA) แล้วฝั่งที่รันซอฟต์แวร์นี่แอดวานซ์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็จะเน้นการทำงานกับ PCM ตรง ๆ บนซอฟต์แวร์ มากกว่าแบบจะรัน Synthsizer ละ ก็จะเป็น in-game mixer หรือที่แอดวานซ์มากก็จะเป็น FMod หรือ WWise อะไรแบบนี้ครับ
จริงๆตลาด sound card ก็คนใช้เยอะขึ้นนะครับ เพราะcreatorก็เยอะขึ้นตามไปด้วย
เอาจริง ๆ สมัยนี้ ... มันมีอุปกรณ์หลายชิ้นที่ปลอมตัวเป็น audio device อยู่ครับ
ขนาดจอยเกมยังมีช่องเสียบหูฟังเลยครับ
แล้วเสียงออกมาดีใช้ได้ด้วยนะ
The Last Wizard Of Century.
มีสองประเด็นคือ ส่วนใหญ่ consumer product เร่งเสียงเบสให้ฟังสะใจคนก็ชอบอยู่แล้วล่ะครับ กับอีกส่วนchip dac ยุคใหม่ถูกลงคุณภาพสูงขึ้นเยอะครับแม้แต่ตัวเริ่มต้นก็ตามถ้าimplementดีๆเสียงก็ออกมาดี ตัวอย่าง apple USB type C to 3.5mm ราคา390 นี่คุณภาพเสียงดีกว่าเครื่องเสียงบ้านหลักหมื่นยุคก่อนแล้วล่ะครับ(SINAD 99dB ส่วนAVRบ้านส่วนใหญ่แถวๆ 70-80เองครับ) ส่วนพวกค่ายจีนถูกๆร้อยกว่าบาทก็มีแต่ต้องดูเป็นตัวๆ เพราะบางรุ่นบางยี่ห้อก็ออกมาห่วยแม้จะใช้chip เดียวกัน
ว้าว ขอบคุณครับ ว่าแต่ไหนๆก็ไหนๆ แล้วแนะนำสายแปลง usb c เป็น aux3.5 ดีๆราคาไม่เกิน4ร้อยให้หน่อยได้ไหมครับพอดีมือถือใหม่ไม่มีรู3.5 หรือใช้สาย apple ที่ว่ามาใช้เลยดีครับ ใช้กับ note 20 ultra ครับ
The Last Wizard Of Century.
กูรูของจริง
..: เรื่อยไป
Voodoo Banshee
ตำนานของผมคือ GeForce 2 MX เท่านั้น (เพราะตอนนั้นเพิ่งมีปัญญาซื้อคอม)
GeForce 2 MX 400 รายงานตัวเหมือนกันครับ
นึกถึง voodoo ถ้าไม่โดนซื้อไป การแข่งขันในตลาดน่าจะสมเนื้อกว่านี้ T-T
ไม่หรอกครับ ท้ายๆ ยุค voodoo ก็ตามไม่ทันแล้วถึงโดนซื้อ
สมัยนั้น voodoo ไม่มี gpu มีแค่การ์ดเร่ง 3 มิติ แม้จะทำรวมกับการ์ดจอตอน voodoo 3 ตอนหลังออก voodoo4,5 ก็ขายไม่ค่อยออกล่ะ แภมพี่แกเล่นเปลี่ยนแนวมาออกการ์ดจอเอง ยิ่งยอดขายแย่ลง แล้วมาเจอ geforce อีก
แล้ว directx ก็ตาม glide ทัน พวก dev ก็เลยไปทำลง directx เพราะเล่นได้หลาย platform สุดท้ายเลยขายให้ nvidia
Voodoo ทำ GPU Rampage อยู่ครับ แต่ไม่ทันได้ออกบริษัทโดนซื้อไปก่อน ส่วนรุ่น 4-5 ตอนนั้นคนก็รู้ว่ามันเป็นรุ่นแก้ขัด คนเลยไม่ค่อยไม่ซื้อกันการเงิน voodoo ที่ไม่ดีอยู่แล้วก็แย่ไปอีก
เอาจริง timeline อาจจะเปลี่ยนเล็กน้อยถ้าไม่โดน Sega แกงว่าจะเอามาใช้กับ Dreamcast แต่ดันไม่เอามาใช้จริง พี่แกเลยกะจะผลิตซิพเองเพื่อเอากำไรมาทดแทนส่วนที่เสียหายที่ไปโม้กับผู้ถือหุ้นไว้
Voodoo เหมือนมีปัญหาตรง bitdepth ต่ำด้วยมั้งครับ ถ้าผมจำไม่ผิด Voodoo เป็นสี 16บิต หรือ 12 บิตหรือไง ในขณะที่ค่ายอื่น ๆ ทำ 24บิตกันหมดละ
จำได้ว่า Voodoo พัฒนา API ของตัวเอง
ใครจะใช้ OpenGL ต้องผ่าน wraper .dllทำให้ทำงานช้ากว่า GeForce คู่แข่งที่เป็น OpenGL แต่แรก
เลยแพ้ไป
GeForce เหมือนมาเกิดจากตอน DirectX มั้งครับ คือมันมาตอนมี Transform & Lighting แล้ว (มันคือ World -> Display Space Transformation กับการคำนวน per vertex lighting)
เข้าใจว่า สมัยฟัดกับ Voodoo น่าจะเป็นช่วง Riva TNT (Twin Texel) อยู่เลย
อ๋อ ใช่
การมาของ Direct3D ก็เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้ Voodoo ล่มสลาย
เพราะทำ driver ไม่ไหว
ต้องทำ driver 3 อย่าง
ทั้ง 3dfx ของตัวเอง, OpenGL, Direct3D
ค่ายอื่นทำแค่ OpenGL + Direct3D พอ
3dfx ไป OpenGL ยังดีข้างในต่างไม่มาก ทำ wrapper พอถูไถได้
แต่ Direct3D ดันกำหนดตำแหน่ง matrix ในหน่วยความจำกลับด้านกับชาวบ้านเค้า
ทำให้ต้องสลับตำแหน่ง matrix ก่อนรับ/ส่งให้ H/W ตลอดเวลา ความเร็วลดฮวบๆ
เกมส่วนใหญ่สมัยนั้นเลยใช้ OpenGL เป็นหลัก
จน H/W ใหม่ๆ รับ matrix แบบ DirectX ได้โดยความเร็วไม่ตก
DirectX ถึงเริ่มรุ่งเรือง
ปล.MS เพิ่งยอมเลิก matrix พิเรนท์นี่ เมื่อไม่นานมานี้เอง
ซึ่งส่วนตัวไม่รู้จะอินดี้กันตั้งแต่แรกทำไมเพราะแบบ OpenGL มัน memory align ไว้พร้อมคูณกับ vector อยู่แล้ว
เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่า
ไม่เชิงครับ สมัยก่อน voodoo มี glide api ซึ่งมีฟีเจอร์เยอะกว่าทั้ง opengl และ directx ครับ เกม 3d ยุคที่ voodoo ครองตลาด คือจะใช้ glide เป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ opengl (ซึ่ง voodoo ก็รองรับ)
มันมาเริ่มแย่ตอนที่ 3dfx มาเปลี่ยนจากการขายชิปให้คนไปทำการ์ด เปลี่ยนมาทำการ์ดเอง มันทำให้ยอดขายแย่ลงพอควร ประกอบกับคู่แข่งเริ่มมาตีตื้น (riva tnt 2 มีราคาถูกกว่าแสะประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน)และแซงในช่วง geforce เนี่ยแหละครับ
ส่วน 3dfx ก็ยังทำ gpu ไม่สำเร็จ จนโดนดีลช๊อคโลกคือ nvidia ซื้อไปครับ
?
X3 verge /tnt1/gf2 mx
ถ้าอยากดูสาวชูป้ายใน nfs ต้องตัวนี้เท่านั้นได้แต่เกาะเบาะดูในร้านเกม ที่บ้านมีแต่ s3 trio
ปล.ฉากลุงตกปลาใน 3dmark 2001 ด้วย การ์ดไม่มี TL ดูไม่ได้
สมัยก่อนพัดลมนิดเดียวทำได้ไง
สมัยก่อน processor ไม่มีพัดลมก็รันได้นะครับ :)
เหมือนคอมเครื่องแรกผมจะเป็น Pentium 2 มันเป็นตลับใช่เปล่าครับ ฮ่าๆ สมัยเด็กๆ ไม่เคยแกะคอมดูเองเลยต้องไปดูที่ร้านเปิดให้
คอมยุคนั้นดูจะกินไฟน้อยดีไม่ร้อน
พัดลม/heatsink มันเริ่มมาใหญ่ตอน geforce 5 ครับสมัย 4 ยังเป็น 1 slot อยู่เลย
เก่ากว่านั้น ไม่มีพัดลมด้วยซ้ำ มีแค่ heatsink
transistors ยังไม่เยอะครับสมัยนั้นเลยไม่ร้อน ไม่อัดแบบทุกวันนี้
สมกับเป็นบริษัทระดับโลก
ยุคนั้นใช้ TNT2(ไม่ใช่ตัวM64)ยาวๆเพราะตอนนั้นเพิ่งออกช่วงPIII แล้วตอนหลังก็ย้ายไปใช้ ATI Radeon 8500 นู่นเลย(สีที่แสดงผลแบบdefaultมันสดกว่าจริงๆ) ส่วนการ์ดสาย Geforece ตัวแรกๆที่ได้จับน่าจะ MX-400 เหมือนเพื่อนๆ แต่เป็นประกอบคอมให้ญาติใช้ ไม่ได้ใช้เอง
ยุค Counter Striker พอดีด้วยตอนนั้นเปิด OpenGL เล่น Counter Strike, Unreal Tournament, Quake 3 ภาพลื่นสวยน้ำตาไหล
ตอนนั้นผมอ่านในนิตยสาร Future Gamer ว่าทำไมเกมถึงชอบยัดเยียดให้ใช้ DirectX (ซึ่ง ณ ตอนนั้นห่วยกว่า OpenGL มาก) คอลัมนิสต์ตอบสั้นๆว่าเพราะ "เงิน" 5555
เกลียดยุค GeForce4 มาก อยากเล่น nfs carbon ต้องมาถ่างตาว่าอันไหนใช้ฟีเจอร์ได้ไม่ได้